ในชีวิต

ในชีวิต

ในชีวิต ... เราไม่ใช่ศูนย์กลางของอะไรทั้งหมด เราเป็นเพียงสิ่งที่ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามจังหวะของมันก็เท่านั้น ... เมื่ออายุมันได้เดินทางล่วงเลยและก้าวผ่านตัวเลขที่น่ากลัวของผู้หญิงวัยที่ 30 ไปอย่างรีบเร่ง จนฉันเองก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในรอบด้าน เป็นธรรมดาของวันที่ผ่านเลยอย่างปล่อยใจ ฉันไม่ทันได้สังเกตว่าเราได้ผ่านอะไรมาบ้าง จนครั้งหนึ่งที่เราต้องนั่งทบทวนประสบการณ์ มันทำให้ฉันได้ย้อนนึกไปถึงวัยที่ 30 ของผู้หญิงที่ผ่านพ้นมาก่อนหน้าฉันหลายปี ...

ในวัยนี้ของเธอคนนั้น เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความหวังอย่างรุนแรง เธอพึ่งให้กำเนิดลูกน้อยได้ไม่นาน ... ในวันที่เธอควรจะต้องเพ้อฝันถึงเรื่องราวอันหอมละมุนของชีวิต เธอกลับเลือกที่จะทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ... ก่อนหน้านั้นเธอเลือกตอบแทนความปรารถนาดีของบุพการีด้วยการเข้าเรียนในคณะบัญชี ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นเครื่องยืนยันทางความคิดเห็นเกี่ยวกับอนาคตที่มั่นคงของเธอ เมื่อเรียนจบเธอเดินตามเส้นทางแห่งสายอาชีพที่ควรจะเป็นอยู่ได้ไม่ถึงสองปี จึงหันหลังให้กับบริษัทที่ถือว่าสุดแสนจะมั่นคงในสมัยนั้น เพียงเพื่อที่จะเรียนรู้ชีวิตในแบบที่เธอควรจะเป็น

หนังสือแพทเทิร์นคือเครื่องมือที่จะสานความฝันของเธอให้สมบูรณ์ ในแต่ละวันที่ผ่านไปเธอจมอยู่กับการเรียนรู้ในเรื่องของทักษะการออกแบบและตัดเย็บด้วยตัวเอง เธอใส่ใจในทุกรายละเอียดเสมือนว่าเพียง 1 รังดุมที่จดจ่อนั้นจะทำให้งานดีไซน์ชุดของเธอสมบูรณ์แบบที่สุด ... จากแต่ละชิ้นส่วนประกอบเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งชุด จากหนึ่งชุดเธอพัฒนาเป็นงานดีไซน์ที่แตกต่างจนกลายเป็นหนึ่งคอลเล็กชั่น วันหนึ่งเมื่อที่ทำงานของเธอกลายเป็นที่บ้าน บ้านที่ได้ปรับโฉมให้กลายเป็นห้องเสื้อที่ได้รับความนิยมในเวลาไม่นาน ท่ามกลางกองผ้า เสียงจักร และกระดาษออกแบบ รวมไปถึงผลงานแววตาแห่งความพอใจจากผู้ที่สวมใส่ ... สิ่งเหล่านี้ทำให้รอยยิ้มแห่งความสุขไม่เคยเลือนหาย
ไปในสักวัน  กับสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ ที่เธอต้องสาละวนอยู่ในร้าน หลายคนบอกว่านั่นเสมือนเป็นสิ่งไม่จีรังที่ฉุดยื้อให้เธอต้องจมอยู่กับความเป็นปัจจุบันที่ไม่มีทางแน่นอน

ความแน่นอนของคนเราไม่เหมือนกัน เธอเลือกเดินในเส้นทางแห่งความฝัน และใช้มันอย่างมีคุณค่า แม้สุดท้ายคำว่า ‘งาน’ จะเป็นตัวแปรที่สำคัญที่ทำให้เธอเป็นหญิงสาวที่มีความเชื่อมั่น และมีสัญชาติญาณแห่งชีวิตที่ชัดเจนจนเธอยอมละทิ้งสิ่งที่จะมาเป็นองค์ประกอบที่ไม่เกิดประโยชน์อย่างคู่ชีวิต ... 

งาน ... สำหรับเธอมันได้กลืนกินเวลาเกือบทั้งหมดของชีวิต เธอใช้สัญชาตญาณทั้งหมดที่มีนำทางลูกน้อยให้ก้าวเดินไป สองมือที่ต้องคอยชงนมสลับกับการจับดินสอเพื่อร่างแบบ บ่าที่ถูกพาดด้วยสายวัดสลับกับการโอบกอดลูกน้อย เมื่อถามถึงวัยที่สามสิบปีของเธอนั้น ... เธอมีความสุข และมีไฟที่ลุกโชนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะดับมอดลงไปได้ง่ายๆ 

และเช่นกันกับในวัยนั้นเธอเคยนึกย้อนไปถึงเรื่องราว ของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ที่ได้ใช้เวลา ณ ช่วงชีวิตนี้อย่างโชติช่วงในบริบทที่ต่างกัน  ในวัยที่สามสิบของผู้หญิงที่อยู่ในยุคสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ดูเหมือนสิ่งที่ต้องทำตามรีตคือเส้นทางชีวิตที่ควรจะเป็น เธอกลับเลือกใช้ชีวิตเพียงลำพังในระหว่างที่นายทหารคู่ครองต้องไปปฏิบัติหน้าที่ เธออาสาตัวเป็นส่วนหนึ่งของคณะหมอศาสนาในสมัยนั้น ได้คิดค้นถ่ายทอดวิธีการที่จะยืนหยัดได้ด้วยตัวเองแก่คนในสังคมแวดล้อมได้อย่างน่าชื่นชม ช่วงชีวิตของเธอได้ใช้มันหมดไปกับการทำงาน เธอเคยให้คำนิยามไว้ในสายลมว่า ‘การทำงานคือลมหายใจที่เราใช้เข้าออก เมื่อใดก็ตามที่เราไม่ได้ใช้ลมหายใจ นั่นก็หมายความว่า งานที่ควรจะต้องทำได้หมดสิ้นแล้ว ...’

ในขณะที่ย้อนนึกถึงเรื่องราวของผู้หญิงทั้งสองคนนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ว่า ช่วงชีวิตนับต่อจากนี้จะเป็นไปอย่างไร แต่เชื่อมั่นว่ามันจะต้องเป็นไปในทิศทางที่ฉันเลือกแล้วในสัญชาติญาณที่นำพาความสุข สดใส ของแต่ละวัย ยังคงเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าปัจเจก และมีความสมบูรณแบบตามธรรมชาติในแบบของมัน ดังนั้นแม้มีความเปลี่ยนแปลงรอบตัวที่ค่อยๆ เกิดขึ้น แต่ฉันเองยังคงอยู่ ตัวตนฉันนั้นจีรัง ฉันยังคงตั้งมั่นในความฝัน ความหวัง และการเดินทางของชีวิตในแบบที่ฉันได้แล้วเลือกแล้วที่จะเดิน ในวัยที่ 30 ปีกำลังล่วงเลย งาน คือลมหายใจ คือการเดินทางในรูปแบบที่เฉพาะตัวของฉัน คือความหมายของชีวิตที่จะยังไม่มีตัวแปรใดๆ มาทำให้ไขว้เขว เพราะยังมองเห็นความงาม ความงามของความฝันที่ถูกส่งต่อจากสัญชาติญาณของผู้หญิงสองรุ่นที่ผ่านมา ... 

 

งาน ... สำหรับเธอมันได้กลืนกินเวลาเกือบทั้งหมดของชีวิต