เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายนก็เท่ากับว่าเรากำลังย่างเข้าสู่เดือนที่ร้อนที่สุดของฤดูร้อนแล้ว ยังมีประเพณีสงกรานต์ซึ่งนับเป็นเทศกาลที่สำคัญ และมีความหมายต่อความเป็นคนไทยอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ของไทยแล้ว ยังได้แสดงถึงวัฒนธรรมอันงดงามของไทยที่สืบเนื่องมาได้อย่างยาวนาน ความงามและความสุขเหล่านี้ในปัจจุบันไม่เพียงแต่จะเกิดขึ้นสำหรับคนในชาติเท่านั้น แต่ยังได้มีการแข่งขันกันจัดงาน และมีการโปรโมทเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัดอย่างมากมาย ทำให้มีชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นการดีสำหรับประเทศไทย เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ชาวต่างชาติได้มีโอกาสมาสัมผัสกับบรรยากาศของวัฒนธรรมอันดีงามของคนไทย นอกจากนี้ก็ยังสร้างโอกาสให้คนไทยอีกจำนวนไม่น้อยมีรายได้จากประเพณีสงกรานต์นี้

เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวว่าทางประเทศสิงคโปร์เองก็จะจัดงาน ‘สงกรานต์ สิงคโปร์ 2014’ เช่นเดียวกับของประเทศไทย โดยจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12 - 13 เมษายนนี้ ทำให้เกิดกระแสออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย ทั้งออกมาต่อต้านเพราะกลัวว่าอาจจะทำให้กระทบกระเทือนไปในทางเสื่อมเสียถึงวัฒนธรรมประเพณีดังกล่าวได้

แต่สำหรับผมแล้วกลับมองว่า เมื่อประเทศสิงคโปร์จัดงานเขาก็จัดในชื่อ ‘สงกรานต์สิงคโปร์ 2014’ ใครๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่สงกรานต์ไทย 2014 ดังนั้นสิ่งที่คนไทยเองต้องกลัวน่าจะเป็นในเรื่องที่ว่า ‘เราจะสามารถนำเสนอและสื่อสารให้คนทั่วโลกได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของประเทศไทยได้ดีมากน้อยเพียงใดมากกว่า’ เราควรหันมารณรงค์สร้างค่านิยมทางความคิดให้คนในชาติได้ตื่นตัวหวงแหน ภูมิใจ และยกย่องคุณค่า ทางวัฒนธรรม ประเพณีของประเทศเรา พร้อมๆ กับถ่ายทอดให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่าเอกลักษณ์อันดีงามของคนไทย ที่ได้รับการยกย่องว่าคนไทยเป็นคนมีน้ำใจ มีการไหว้ที่งดงาม รอยยิ้มซึ่งแสดงความเป็นมิตร ซึ่งในปัจจุบันดูเหมือนจะเลือนหายจากสังคมไทยไปทุกวันนั้นยังคงมีอยู่

ในวันนี้อย่ามัวแต่มองอะไรที่อยู่ภายนอกมากจนเกินไป หันกลับมามองที่ตัวเราเองมากขึ้นจะดีเสียกว่า เพราะยังมีอะไรที่ดีงามแต่เราเองกลับหลงลืมหรือมองไม่เห็น และไม่ได้นำความงดงามแหล่านี้ออกมาใช้ จนในที่สุดวันหนึ่งเราอาจจะแค่ถูกเรียกว่า ‘ประเทศไทยเคยเป็นดินแดนแห่งสยามเมืองยิ้ม หรือ Thailand land of smile ก็ได้’    

เราจะสามารถ นำเสนอและสื่อสารให้คนทั่วโลกได้รับรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณี