ณัฐพล จุฬางกูร

ณัฐพล จุฬางกูร

     สนามกอล์ฟ ซัมมิท วินด์มิลล์ กอล์ฟ คลับ คืออีกหนึ่งบทในหนังสือแห่งชีวิตเล่มนี้ของคุณณัฐพล จุฬางกูร ช่วงเวลา 10 กว่าปี เขาขยายอาณาจักรของซัมมิทกรุ๊ปออกไปจนแทบจะเรียกได้ว่าบนถนนสายบางนา-ตราด คืออาณาจักรของเครือซัมมิทอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสนามกอล์ฟ โรงเรียนนานาชาติเบิร์คลี่ อาคารสำนักงานให้เช่า โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว และโพรเจ็กต์ใหม่ในอนาคตที่จะสร้างพื้นที่การแสดงออกทางความคิดของคนมีไอเดียที่เขามองเห็นช่องทางในขณะที่คนอื่นกลับมองผ่านไป

 

เราลองมาอ่านคมความคิดของเขากัน

 

ลูกไม้ใต้ต้น

จริงอยู่ที่ว่าลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นจะได้ร่มเงาและการปกป้องที่ดีพอ แต่ก็คงเติบโตได้ยากหากไม่มีการเพาะต้นกล้าและปลูกลงบนดินอย่างมั่นคง ต้นไม้ใหญ่อย่างคุณสรรเสริญ จุฬางกูร ยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ จึงเลือกที่จะปลูกฝังลูกๆ ทุกคนไว้ด้วยจิตสำนึกที่ดีในการดำเนินชีวิต

 

“ธุรกิจในเครือของกลุ่มซัมมิทฯ นั้นคือกลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่แห่งประเทศไทย เริ่มแรกจะเป็นธุรกิจชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์เพียงอย่างเดียว ต่อจากนั้นคุณพ่อก็ขยายไปสู่งานด้านชิ้นส่วนรถยนต์ในนาม บริษัทซัมมิทฯ ส่วนพี่น้องของคุณพ่ออย่างคุณพัฒนา คุณสมพร (จึงรุ่งเรืองกิจ) จะดูแลในส่วนของมอเตอร์ไซค์ในนาม บริษัทไทยซัมมิทฯ

 

“การบริหารงานจึงมีการแยกออกจากกัน จนกระทั่ง 10 กว่าปีก่อน ธุรกิจเริ่มขยายมากขึ้น ด้วยการร่วมหุ้นในพี่น้องของคุณพ่อ จึงมีการไปเทคโอเวอร์สนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ธุรกิจแรกที่ไม่เกี่ยวข้องกับวงการยานยนต์ที่เราทำอยู่ เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น ผมก็เข้ามาดูแลสนามกอล์ฟวินด์มิลล์ ภายใต้ชื่อ ซัมมิท วินด์มิลล์ กอล์ฟ คลับ

 

“แต่ละธุรกิจที่ผมทำมันมีความเชื่อมโยงและเอื้ออำนวยถึงกัน เริ่มจากตอนแรกทำธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ แน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็ต้องทำธุรกิจกับชาวญี่ปุ่น เลยมาวิเคราะห์ว่าไลฟ์สไตล์พวกเขาเป็นอย่างไร เมื่อเห็นว่าเขาชอบตีกอล์ฟ หากทำธุรกิจสนามกอล์ฟน่าจะดี เพราะการจะคุยเรื่องของธุรกิจเฉพาะแต่ในห้องประชุมนั้นไม่พอ ต้องให้ความสำคัญกับสายสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าด้วย กลุ่มลูกค้าเรามีแต่รายใหญ่ทั้งนั้น เราต้องดูแลพวกเขาไว้ให้ได้ จึงคิดที่จะใช้กอล์ฟนี่แหละเข้ามาเป็นตัวเชื่อมให้เกิดความใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์ผ่อนคลายมากขึ้น อย่างที่มีคนพูดว่าอยู่ในที่ประชุมให้คุยเรื่องกอล์ฟ อยู่ที่สนามกอล์ฟให้คุยเรื่องธุรกิจแล้วจะสำเร็จ

 

“ผมมีทุกวันนี้ได้ ส่วนหนึ่งมากจากการอบรมจากคุณพ่อคุณแม่ ท่านทำให้ผมคิดที่จะทำให้มากกว่าเพียงแค่การสานต่อ” คุณณัฐพล จุฬางกูร เล่าย้อนถึงเรื่องราวที่ผ่านพ้นมาในชีวิต ด้วยวัยเพียง 35 ปี แต่สามารถดูแลธุรกิจขนาดใหญ่หลากหลายประเภทที่มีมูลค่านับพันล้าน

 

“จริงอยู่ที่ผมมีพื้นฐานที่ดีกว่าในเรื่องของเงินทุน ผมยอมรับ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ผมต้องพิสูจน์ตัวเองหนักกว่าคนอื่น แม้ผมจะได้รับการปลูกฝังเรื่องกอล์ฟมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ในเรื่องของการทำธุรกิจแล้วถือว่าผมยังใหม่และประสบการณ์ยังน้อย เลยต้องมีการทำการบ้านทุกครั้ง ช่วงแรกผมเป็นตัวแทนของคุณพ่อในการเข้าประชุม เพื่อนำสาระที่ได้มาถ่ายทอดให้คุณพ่อได้รับทราบอีกที เมื่อมีโอกาสได้ลงมาดูแลอย่างเต็มที่ ผมจึงมาเริ่มปรับปรุงสนามใหม่ แม้องค์ประกอบต่างๆ ของเดิมนั้นดีอยู่แล้ว แต่ผมต้องการให้มีการพัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป โชคดีที่ผมคลุกคลีกับกอล์ฟมาตั้งแต่เด็กๆ ผมจึงคิดที่จะนำความต้องการของนักกอล์ฟ มาตอบโจทย์ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ให้ได้”

 

วิถีแห่งสนามกอล์ฟ

เมื่อมีการเรียนรู้ก็ย่อมเกิดการพัฒนา จากเริ่มต้นสร้างสนามกอล์ฟอย่างใจฝัน ก้าวสู่การเป็นเจ้าของมาตรฐานระดับห้าดาว พร้อมทั้งได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 5 สนามที่พลาดไม่ได้ของนักกอล์ฟในแถบตะวันออกของกรุงเทพฯ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

 

“สำหรับสนามกอล์ฟซัมมิท วินด์มิลล์ กอล์ฟ คลับ เราทำให้หลายๆ คนบอกว่าต้องมาเยือนสนามแห่งนี้ให้ได้ เพราะนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความสมบูรณ์แบบและความท้าทาย มีลูกเล่นของแฟร์เวย์ที่ทำให้คนตีได้ไม่มีเบื่อ ยังมีจุดเด่นอีก
หลายอย่างเช่น สามารถเปิดให้บริการ Night Golf ถึงเที่ยงคืน ที่สำคัญเราได้ขจัดปัญหาต่างๆ ของนักกอล์ฟโดยเฉพาะเรื่องของแสงสว่าง เรื่องเงา เพราะเราพิถีพิถันเรื่องการวางเสาไฟ ระบบไฮดรอลิกที่เรานำมาใช้กับเสาไฟจะช่วยให้ได้แสงที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ส่วนถ้าอยากตีตอนเช้าๆ แม้ว่าจะสว่างช้า เราก็จะเปิดไฟช่วยอีกสามหลุม

 

“แม้กระทั่งการตีกอล์ฟช่วงฝนตก ที่นี่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะรอเวลาเพียงแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็สามารถตีต่อได้แล้ว ด้วยการวางระบบการระบายน้ำที่ดี น้ำที่ขังตามแฟร์เวย์นั้นไม่มีแน่นอน อีกทั้งยังมีการป้องกันแมลงด้วยวิธีธรรมชาติคือการปลูกพืชที่มีประโยชน์ในการไล่แมลง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับปัญหาสิ่งแวดล้อม”

 

นอกจากการดูแลจัดการสนามกอล์ฟที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมแล้ว เขายังให้ความสำคัญกับลูกค้าอย่างเสมอภาค เรียกว่าเป็นผู้บริหารสนามกอล์ฟที่แตกต่าง โดยไม่นิยมการปิดสนาม เพราะนั่นหมายถึงการให้เกียรติลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

 

“ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็จะไม่เกินเดือนละสองครั้ง ผมคำนึงถึงความรู้สึกของนักกอล์ฟท่านอื่นๆ ด้วย เราดูแลเมมเบอร์เก่าเสมอ แม้จะรับช่วงต่อจากเจ้าของสนามเดิมก็ตาม เพราะเมื่อเราเข้ามาบริหารสนามนี้ พวกเขาก็คือลูกค้าของเราทันทีเช่นกัน ผมแน่วแน่ในปณิธานว่าจะไม่มีการขายเมมเบอร์ใหม่แน่นอน เพราะทุกวันนี้เราก็มีการเข้ามาใช้บริการจากลูกค้าหลายกลุ่มอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ถ้าเราจะเน้นการขาย เน้นการตลาดที่หนักหน่วง เราคงไม่สามารถรักษาคุณภาพทางด้านการบริการ มีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นอย่างในทุกวันนี้ได้ เราจึงเลือกเน้นคุณภาพของสิ่งที่เราต้องการให้นักกอล์ฟได้รับกลับไปมากกว่า จริงอยู่ว่าการที่ต้องดูแลฐานลูกค้าที่มีจำนวนหลายพันคนนั้นเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็ต้องหาจุดที่ลงตัวระหว่างกันให้ได้

 

“ปัญหาและอุปสรรคที่เห็นได้ชัดนั้น ในตอนแรกที่เข้ามาทำธุรกิจสนามกอล์ฟซัมมิท วินด์มิลล์ฯ ความท้าทายคือการที่เรามารับช่วงต่อธุรกิจที่ติดลบทางบัญชี พอเข้ามาดูแลสักระยะก็ทำให้ตัวเลขมีแนวโน้มที่ดี จนกระทั่งหนึ่งปีครึ่งบัญชีเริ่มกลับกลายมาเป็นบวก ลูกค้าที่เข้ามาก็รู้สึกถึงการบริการที่เปลี่ยนไป เพราะเราดูแลและปรับเปลี่ยนใหม่ทุกรายละเอียดจริงๆ เรารู้ธรรมชาติของนักกอล์ฟดีว่าน้อยคนที่จะเป็นสมาชิกสนามไหนเพียงสนามเดียว เขาจะมีการตีสลับที่กันไปตามแต่ความต้องการ จึงต้องคิดแล้วว่าทำอย่างไรให้เขากลับมาตีที่นี่อีก ทำอย่างไรจะเพิ่มความถี่ให้เขากลับมาหาเรา

 

“ไม่ใช่เพียงแค่การปรับปรุงสนามและทัศนียภาพเท่านั้น เรายังมีการปรับระบบ เครื่องเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงการจัดการชำระค่าบริการสำหรับสมาชิกที่เมื่อก่อนจะชำระเป็นต่อครั้งที่มาเล่น แต่เมื่อผมเข้ามาดูแล ไม่ว่าจะเข้ามาเล่นหรือไม่ ก็ต้องมีการชำระเป็นรายเดือน ตอนช่วงแรก ผมบอกเลยว่าทำให้มีปัญหากับลูกค้าบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ให้การยอมรับ เพราะเขาเห็นถึงการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้มีคุณภาพและดีขึ้นจริงๆ อีกอย่างเราเองไม่ได้มุ่งหวังเรื่องเม็ดเงินจากค่าสนามมากมาย เพราะธุรกิจนี้มันยังมีอีกหลายส่วนกระจายกันไป ตั้งแต่ ซุ้มน้ำ บริการนวด ห้องอาหาร ซึ่งเราถือว่านี่คือส่วนหนึ่งในการสร้างงานสร้างรายได้ให้ได้กับคนในชุมชนแถวนี้ที่มาร่วมงานกับเราอีกด้วย” 

 

จิตวิญญาณคุณธรรม

เมื่อมองไปรอบๆ สนามกอล์ฟซัมมิท วินด์มิลล์ฯ แห่งนี้ กลับมีความรื่นรมย์ในองค์ประกอบของทัศนียภาพ หากเป็นภาพวาดก็ต้องนับว่านี่คืองานจิตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นตัวอาคาร การจัดวาง และสีสัน ล้วนแล้วแต่ผ่านกระบวนการคิดและตัดสินใจมาอย่างดี หากเปรียบเทียบว่านี่คือสวรรค์ของนักกอล์ฟฟก็คงจะไม่มากเกินไป

 

“อย่างที่บอกว่าหน้าที่ของผมคือต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้ หลายคนบอกว่า เมื่อเข้ามาแล้วให้ความรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนต่างจังหวัด ผมก็ดีใจ เพราะอยากให้ผู้ที่เข้าได้รู้สึกผ่อนคลาย ผมทำสนามกอล์ฟมาเป็นปีที่ 6-7 แล้ว รับฟังค็อมเม้นต์ของลูกค้ามาโดยตลอด แล้วก็พยายามแก้จุดบกพร่องอยู่เสมอ จนทุกวันนี้กล้าบอกได้ว่า เราแทบจะนึกถึงจุดบกพร่องของเราออกได้น้อยมาก ซึ่งลูกค้าจะบ่นกันอยู่ข้อเดียวก็คือ ที่นี่นักกอล์ฟเยอะมาก ซึ่งอันนี้ผมก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรดี (หัวเราะ)

 

“ถามว่าทำไมผมต้องใส่ใจอะไรมากขนาดนี้ แทนที่จะนั่งนึกถึงเม็ดเงินของลูกค้า นั่นก็เพราะผมถูกปลูกฝังมาว่าเมื่อเราเป็นนักธุรกิจ เราต้องเป็นนักธุรกิจมีคุณธรรม มีจริยธรรมอยู่ในใจไม่ให้หย่อนหรือตกไป เพราะนอกจากเราเองจะรู้สึกถึงคุณค่าและเคารพในตัวเองแล้ว ลูกค้าก็จะรับรู้ถึงความจริงใจที่เราได้แสดงออกไปด้วย การทำธุรกิจมันจึงมีความหมายมากขึ้น เราต้องมีการประเมินคุณภาพและการดำเนินงานที่ผ่านมาอยู่เสมอๆ และมันคงเป็นไปไม่ได้ที่ลูกค้าทุกคนจะเกิดความพึงพอใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราก็ต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้สมดุลกันระหว่างสิ่งที่ลูกค้าต้องการและทางเราสามารถทำให้ได้ 

 

คำสอนทรงคุณค่า

เส้นทางของการทำธุรกิจนั้นอาจดูโหดร้าย บางคนบอกไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร แต่สำหรับเขาคนนี้เรื่องของความมีคุณธรรมในจิตใจเป็นเรื่องใหญ่ใจความสำคัญ ไม่เคยคิดใฝ่หาผลประโยชน์ที่ได้มาด้วยการหักล้าง พร้อมทั้งให้เกียรติผู้อื่นเท่าๆ กับที่รักในเกียรติของตนเอง

 

“คุณพ่อจะมีวิธีการสอนลูกๆ ที่สามารถนำมาใช้ได้จริง อย่างการปลูกฝังให้ลูกๆ เห็นความสำคัญและความมีส่วนร่วมในการทำงานในบริษัท พยายามให้ลูกๆ เข้ามานั่งในที่ประชุมด้วยตั้งแต่เด็กๆ ท่านจะซักถามสิ่งที่เราได้จากการประชุม เพื่อให้เราได้ซึมซับและเรียนรู้ไปด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมประทับใจในกลวิธีการปลูกฝังของท่านมาก มีมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่มา ท่านจะเก็บกุญแจไว้ ถ้าใครอยากได้ ก็ต้องเข้าร่วมประชุม และสามารถตอบคำถามของท่านได้ ถึงจะได้เป็นขี่รถคันนี้เป็นคนแรก และคนที่ได้ไปก็จะรู้สึกภูมิใจ และทำให้ตั้งใจในการประชุมทุกๆ ครั้ง ซึ่งแม้มันจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แต่มันทำให้ผมคิดว่าสักวันหนึ่งถ้ามีลูกก็จะนำวิธีนี้ไปใช้เหมือนกัน

 

เป็นธรรมดาเมื่อครั้งเป็นเด็ก ย่อมมีความอยากได้ใคร่มีอันอยู่นอกเหนือเหตุและผล ทายาทเจ้าของอาณาจักรธุรกิจยานยนต์รายใหญ่กลับไม่เคยได้ในหลายสิ่งที่เขาร้องขอ เพียงเพราะเขาตอบไม่ได้ว่าทำไม แต่สำหรับทุกวันนี้สิ่งที่หล่อหลอมให้เติบโต คือความเป็นตัวตนที่รู้ว่าต้องการอะไร เพื่ออะไร

 

“แม้ในสายตาคนภายนอกจะมองว่าผมเป็นคุณหนู ได้เกิดมาในช่วงที่คุณพ่อเรียกได้ว่าเป็นเถ้าแก่แล้วก็ตาม แต่ด้วยการเลี้ยงดูของท่านทั้งสองไม่มีการตามใจเราทุกอย่าง เช่นเมื่อครั้งที่ยังเด็กๆ ผมไปเดินเล่นกันที่สนามหลวง แล้วร้องไห้อยากได้ว่าวอีกตัวหนึ่ง ทั้งๆ ที่ก็มีว่าวอยู่แล้วนะ ร้องอยากได้อยู่นั่นแหละ คุณแม่ก็ขึ้นรถเลยแล้วปิดประตู ปล่อยให้ผมร้องอยู่อย่างนั้นนอกรถ แล้วบอกว่า ถ้ายังไม่หยุดร้องไห้ที่ไม่ได้ว่าวอันนั้นล่ะก็ไม่ต้องขึ้นรถ สักพักผมจึงหยุดแล้วคิดได้ ถือว่าท่านสอนให้ลูกได้ทบทวนเรียนรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง แม้ตอนนั้นจะอายุเพียงแค่ 7 ขวบ แต่มันก็ทำให้ผมจำได้จนทุกวันนี้

 

“อย่างช่วงที่เรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ เพื่อนๆ จะมีของใหม่ๆ ที่มีมูลค่า มาอวดกันบ่อยๆ อย่างเช่นนาฬิกา คนอื่นเขาจะใส่ยี่ห้อหรูๆ กัน แต่กลับมาดูที่เราได้ใส่แค่ยี่ห้อทั่วๆ ไป ทั้งที่บ้านเราก็ไม่ใช่ไม่มีตังค์ ทำไมเราไม่ได้แบบเพื่อนบ้าง ผมก็คิดแค่นั้น แต่พอท่านถามว่านาฬิกาที่ผมอยากได้กับนาฬิกาที่ผมมีมันต่างกันอย่างไร มันดูเวลาได้เหมือนกันไหม ผมกลับหาเหตุผลอะไรมาตอบท่านไม่ได้เลย

 

“มาวันนี้ก็เข้าใจว่าสิ่งที่ท่านสอนมานั้นมันคือสิ่งที่ดีมาก ทำให้ลูกๆ ไม่หลงไปกับค่านิยม และคำนึงถึงเหตุและผลของการที่จะได้มาซึ่งอะไรสักอย่าง ถามว่าทุกวันนี้ผมมีรถสปอร์ตหรูๆ บ้างไหม มันก็มีบ้าง แต่ไม่ได้ต้องตามเทร็นด์ใหม่ๆ รถแต่ละคันที่ใช้มา 8-9 ปี ผมก็ยังใช้อยู่ มีรถหลายคันจริงไหม ก็จริง แต่มันก็ใช้ต่างโอกาสกันไป และถ้าถามว่ารถรุ่นใหม่ๆ นวัตกรรมดีๆ สวยๆ อยากได้ไหม ก็ต้องรู้สึกอยากได้แน่นอน แต่มันเป็นสิ่งที่สามารถหักห้ามใจได้ โดยที่ไม่ได้รู้สึกลำบากใจอะไรกับการที่ไม่ได้ ไม่ต้องไปตามซื้อก็ไม่เห็นเป็นไร ดีเสียอีกได้มาก็ดูแลลำบาก เอาไปจอดที่ไหนก็ต้องระแวงว่าใครจะทำอะไรรถเราไหม ของบางอย่างก็สามารถมีได้เพื่อให้เป็นรางวัลตัวเอง ซึ่งผมก็ขอเพียง รถ บ้าน นาฬิกา ที่เราสามารถทำงานและได้มันมาด้วยความสามารถของตัวเอง ก็พอใจแล้ว”

 

เส้นทางที่เลือกเดิน

แม้ชีวิตคนเรามักมีหลายเส้นทางให้เลือกเดิน แต่คนที่พบเส้นทางของตนได้รวดเร็วก็คือการเริ่มต้นที่ได้เปรียบ เขาคือคนที่กำเส้นชัยไว้ในมือตั้งแต่แรกเมื่อเริ่มก้าว ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาจึงตกตะกอนเป็นคำว่า ‘ประสบความสำเร็จ’

 

“ผมรู้อยู่แล้วว่าในอนาคตผมต้องทำอะไร ครอบครัวผมมีธุรกิจ ไม่ว่าจะทำอะไรสักวันหนึ่งผมก็ต้องกลับมาดูแลธุรกิจตรงนี้แน่นอน คุณพ่อคุณแม่ท่านจะคิดทุกอย่างอย่างรอบด้านเพื่อลูกๆ เสมอ อย่างเช่นเข้าเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ กลุ่มเพื่อนๆ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกพ่อค้า นักธุรกิจ พอไปเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาก็จะได้เพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นกลุ่มข้าราชการ หรือด้านอื่นๆ บ้าง ท่านทั้งสองมองเห็นว่ายิ่งเราได้รู้จักคนมากขึ้น ก็จะเป็นเรื่องที่ดีต่อไปในอนาคต

 

“ตอนที่เรียนอัสสัมชัญ การเรียนของผมอยู่ในระดับพอใช้ได้ แต่พอเข้าไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ผมเลือกเรียนสายวิทย์-เกษตร ซึ่งที่จริงแล้วผมไม่ค่อยชอบคณิตศาสตร์สักเท่าไหร่ แต่ที่เลือกเรียนสายวิทย์เพราะคิดว่าน่าจะมีโอกาสในการเลือกสายการเรียนได้มากกว่า แต่ปรากฏว่าพอเรียนจบ จะเข้ามหาวิทยาลัย ผมกลับสนใจที่จะศึกษาต่อด้านนิเทศศาสตร์ ซึ่งอาจดูขัดแย้งกับสิ่งที่ผมเลือกเรียนมาตลอด แต่มันคือสิ่งที่ผมชอบจริงๆ ก็เลยตัดสินใจเลือกเรียนด้านนี้ ผมมาเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิต เพราะที่นี่เน้นการเรียนการสอนแบบลงมือทำมากกว่าการท่องจำ มันทำให้ผมได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติเองทั้งหมด

 

“แต่พอมีโอกาสศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ผมเลือกเรียนด้านบริหาร เพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าเราจะต้องทำธุรกิจ ผมใช้เวลาหาประสบการณ์ในการทำงานที่สนามกอล์ฟอยู่ 3 ปี จึงตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ ซึ่งการเรียนที่โน่นจะใช้ความสามารถของตัวเองล้วนๆ อย่างที่เมืองไทยเรายังมีงานกลุ่มให้ช่วยเหลือกันทำได้ แต่นี่เราคนเดียวจริงๆ แต่ก็กลับทำให้ยิ่งเรียนดีขึ้นนะครับ เพราะเหมือนเรายิ่งพยายามมันก็ยิ่งเกิดผล

 

“เมื่อเรียนจบกลับมา ผมจึงเริ่มทำงานพัฒนาสนามกอล์ฟ และธุรกิจอื่นๆ ต่ออย่างจริงจัง มีการนำความรู้ทางด้านนิเทศฯ ไปปรับใช้ในด้านของการบริการ การสื่อสาร แสดงไอเดียอย่างเต็มที่ มันทำให้เรารู้จักการจัดการที่ถูกต้อง ทำให้มีความกล้าคิดกล้าทำในสิ่งใหม่ๆ และแตกต่าง เพื่อสร้างสรรค์ผลงานของเรา ผมเชื่อว่าทุกคนจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างในเอกลักษณ์ของเราอย่างแน่นอน

 

“ตอนแรกที่จะเลือกทำธุรกิจที่สนามนี้ ผมเป็นคนนำเสนอโพรเจ็กต์เอง โดยใช้แนวคิดและเหตุผลต่างๆ เข้าเสนอต่อบอร์ดที่ประชุมว่าเรามีแนวคิดอะไร เรามองเห็นอะไรในอนาคตของธุรกิจด้านนี้ จนทุกคนโอเค จึงมีการดำเนินงานในด้านอื่นๆ ต่อไป

 

“ส่วนธุรกิจหลายๆ อย่างที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม ก็ถือว่าต่อยอดมาจากตัวตนและความฝัน ผมต้องรู้และลงลึกในรายละเอียดทั้งหมดให้ได้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แต่รากฐานเดิมที่คุณพ่อวางไว้ให้ดูแลในเรื่องของธุรกิจยานยนต์นั้นก็ยังไม่ทิ้งเช่นกัน ก็จะแบ่งภาคส่วน เป็นการดูแลในคนละสายงานมากว่า

 

“อย่างธุรกิจทางด้านการศึกษานั้น ต่อยอดมาจากความฝันของคุณพ่อคุณแม่มองว่ายังมีคนอีกมากมายที่ควรได้รับการส่งเสริมโอกาส จึงต้องการให้ความรู้ให้การศึกษาซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญแก่ผู้อื่น จึงได้สร้างโรงเรียนจุฬางกูรวิทยาที่จังหวัดบุรีรัมย์ และสร้างมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่จังหวัดสุรินทร์ โดยการสร้างสถานศึกษาทั้งสองแห่งนั้นเป็นสร้างเพื่อการให้ ไม่ใช่เพื่อการทำธุรกิจใดๆ เลย

 

“แต่สำหรับผมสิ่งที่ต่อยอดจากความฝันอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือ โรงเรียนนานาชาติเบิร์คลีย์ที่เปิดสอนตั้งแต่ชั้น Kindergarten 1 ถึง Grade 12 ที่ตั้งอยู่บนถนนบาง-ตราดนั้น ด้วยคำว่าสร้างมาตรฐาน ผมจึงเฟ้นหาหลักสูตรการเรียนการสอนในระบบนานาชาติที่ทั่วโลกให้การยอมรับ โดยเลือกหลักสูตรแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากหลักสูตรแล้วบุคลากรก็เป็นเรื่องสำคัญ เราคือโรงเรียนนานาชาติ ดังนั้นผมจึงเน้นให้เด็กๆ ได้รับความรู้จากคุณครูเจ้าของภาษาโดยตรง

 

“ผมมองว่าการจะพัฒนาด้านใดๆ ก็ตาม เราควรเริ่มที่จะพัฒนาบุคลากรก่อนเป็นอันดับแรก คุณครูจึงถือเป็นส่วนสำคัญที่ต้องสร้างเสริมคุณภาพพอที่จะถ่ายทอดความรู้ไปยังเด็กๆ ที่จะเติบโตเป็นทรัพยากรที่สำคัญอีกต่อไป เราต้องเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันบุคลากรเพื่อรองรับ Detroit of Asia ที่กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมทั้งอยากให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของพวกเขา

 

“แม้ผมจะลงรายละเอียดทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่ในเรื่องของการบริหารนั้นจะมีทีมบริหารทำหน้าที่คอยดูแลอยู่ เพราะเขามีความเชี่ยวชาญกว่าผมในเรื่องของการวางระบบหลักสูตรและการบริหารงานการศึกษา สิ่งที่เราลงทุนกับคุณภาพที่เราต้องการสร้าง มันคงจะใช้เวลาคืนกำไรได้นานหน่อย เพราะเราไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องของการรีบเร่ง แต่ค่อยๆ เติบโตไปอย่างช้าๆ เพื่อรักษาคุณภาพไว้ดีกว่า

 

“ส่วนสายงานบริการ สิ่งที่ผมยึดหลักไว้อยู่เสมอก็คือเราต้องตอบโจทย์การบริการให้เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้า เราจะทำอะไรให้น้อยไปกว่าระดับมาตรฐานที่ลูกค้าต้องการไม่ได้ รายละเอียดทั้งหมดในธุรกิจของผม ผมจะต้องทราบและสัมผัสเองเสมอ อะไรที่ไม่ใช่ ต้องมีการแก้ไขในทันที ผมเองเป็นคนมีระเบียบ ละเอียด เป็นแบบแผนมาก เรียกว่าเนี้ยบไปแทบจะทุกเรื่อง เป็นนิสัยที่มีมาตั้งแต่เด็กๆ”

 

กาลเวลาพิสูจน์คน 

คลื่นลูกใหม่ย่อมมาพร้อมกับเสียงที่ดังและดึงดูดความสนใจได้เป็นไหนๆ ไม่แปลกที่สายตาที่จับจ้องต่างก็มองด้วยความอยากรู้ถึงความเป็นไป เขาเองก็เป็นคนหนึ่งซึ่งเข้าใจเรื่องสัจธรรมของสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี จึงพยายามประคองเกลียวคลื่นให้สูงสง่างามท่ามกลางกระแสลมที่พัดมา เพราะเขารู้ว่าจะต้องประคองมันไว้อย่างไร

 

“ยิ่งอายุน้อย ยิ่งเป็นที่จับตามองเป็นพิเศษ การที่มาทำตรงนี้มีแต่เสียงคนพูดว่ามีเงินมาอยู่แล้ว ใครๆ ก็ทำได้ ลงทุนโน่นนี่ เท่าไหร่ว่ากันไป ได้กำไรมาแล้วก็ต่อยอดไม่ต้องอะไรมาก แค่มีเงินก็พอ ถ้าเป็นคนอื่นคงทำไม่ได้ขนาดนี้ อะไรแบบนี้ ผมยอมรับว่าจริงอยู่เรามีฐานที่ดี แต่มันเป็นการยากเหมือนกัน เพราะเราต้องรักษาสิ่งที่มีอยู่ไว้้แถมยังสานต่อให้มีเพิ่มมากขึ้น แลัเมื่อผมเลือกมาทำธุรกิจด้วยตัวเองในสายงานที่แตกต่างไปจากเดิมของครอบครัวแล้วด้วย การถูกจับตามองเป็นพิเศษจึงเป็นเรื่องธรรมดา ผมเองก็ไม่ได้ประมาทอยู่แล้วกับทุกการตัดสินใจ เพราะรู้ว่าถ้าวันหนึ่งเราพลาดจนล้ม เสียงมันย่อมดังกว่าคนอื่นแน่นอน

 

“สไตล์การทำงานของผมทุกคนจะต้องเป๊ะ อย่างในการประชุมแต่ละครั้งผมจะคิดเป็นขั้นตอนเลยว่าทุกครั้งที่เราประชุม เราจะได้อะไร และคุ้มหรือไม่กับเวลาที่เราสูญเสียไปในแต่ละครั้ง ถ้าแต่ละคนต้องมาเสียเวลาไปกับการนั่งหลังขดหลังแข็งแล้วไม่ได้อะไร ผมก็ไม่อยากทำ ส่วนรายงานที่ให้ทำมานั้น มันจะเกิดประโยชน์อย่างไร นำมาสานต่อได้หรือไม่นั้น คือสิ่งที่เราจะต้องคิดเสมอ เพราะหากข้อมูลที่เขาเตรียมๆ กันมาไม่ถูกนำมาใช้ ครั้งต่อไปเขาก็ไม่อยากจะทำมา

 

“ยิ่งถ้าเรามีการประเมินผลของงานที่ทำอยู่เสมอ มันจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลง มันคือการติดตามและกระตุ้นจิตสำนึกของการทำงาน เพราะเมื่อมีความผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้น ลูกค้าจะไม่มองว่าเป็นความผิดของพนักงานแต่จะมองว่าเป็นความผิดของผู้บริหาร ผมจึงยอมให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงในด้านต่างๆ นั้นเกิดขึ้นไม่ได้

 

“ผมเชื่อว่างานหนัก มันต้องมาพร้อมๆ กับอุปสรรคอยู่แล้ว ถ้าเราผ่านมันไปได้ ยังไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จ แต่ใจเราก็พองโตแล้ว ตราบใดที่เราทำงานที่เราชอบ งานที่เรารัก ตราบนั้นความเหนื่อย ความหนัก ความเบื่อมันจะไม่มีแน่นอน อย่างรุ่นบุกเบิกอย่างคุณพ่อคุณแม่ท่านเจอมาหนักกว่าเรา ก้าวมาจากการเป็นลูกจ้างมาก่อน ท่านก็ยังสามารถผ่านพ้นมาได้ เราเองที่มีพื้นฐานดีพร้อมอยู่แล้ว ก็ต้องทำได้เช่นกัน

 

“รุ่นลูกอย่างเราก็ต้องพิสูจน์ความสามารถตัวเองด้วย เงินน่ะเติมเข้าไปเท่าไหร่ ถ้าบริหารธุรกิจไม่ดี มันก็ย่อมต้องล่มสลายไปสักวัน ถึงมีเยอะ มันก็หมดเยอะได้เหมือนกัน”

ถ้าเปรียบชีวิตคนเป็นหนังสือจะเป็นหนังสือแนวไหน?