LEARN SOMETHING NEW EVERYDAY : ทุกคนเรียนรู้จากโอกาสได้ตลอดเวลา

LEARN SOMETHING NEW EVERYDAY : ทุกคนเรียนรู้จากโอกาสได้ตลอดเวลา

หลายคนมองว่าการได้เข้ามาทำงานในวงการคือโอกาส แต่สิ่งที่มากกว่าโอกาสคือการที่เราคว้าโอกาสนั้นและทำมันได้อย่างเต็มที่เหมือนอย่างนักแสดงหน้าใหม่จากซีรีส์เรื่อง “7 Days before Valentine” (7 วันก่อนวาเลนไทน์) เจตน์ สมเจตน์ แซ่จาง นักแสดงไทยเชื้อสายจีนที่ไม่เคยปล่อยโอกาสหลุดไปแม้แต่ครั้งเดียว

นักแสดงหน้าใหม่ที่ชื่อสมเจตน์แซ่จาง

ครับ สวัสดีครับ ผมสมเจตน์ แซ่จาง นักแสดงไทยเชื้อสายจีน ผลงานด้านการแสดงที่ผ่านมาจะมีซีรีส์เรื่อง “วุ่นรักนักจิ้น WhyYou... Y Me?” และที่ออนแอร์อยู่ในตอนนี้คือ “7Days Before Valentine” ทางช่องOne31 ทุกวันพุธเวลา 22.30 น. และก็เป็นนายแบบครับ

ก่อนมาเป็นนักแสดงคุณเป็นอาสากู้ภัยมาก่อน

ใช่ครับ ผมเริ่มทำงานกู้ภัยตั้งแต่ ม. 4 ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังทำอยู่อย่างเวลาที่ผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัดก็ยังไปเข้าเวรปกติ จุดเริ่มต้นคือตอนเด็กผมพบอุบัติเหตุบ่อยมากเหมือนเป็นจังหวะชีวิต อาจเป็นเพราะบ้านอยู่หัวมุมสี่แยกก็จะเป็นที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย ความเป็นเด็กก็อยากวิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่ก็จะห้ามไม่ให้ดูเพราะกลัวว่าเราจะเห็นภาพติดตาฝันร้าย แต่ผมเป็นเด็กไม่กลัวเลือดแล้วชอบดูหนังแนวนี้อยู่แล้ว อยากช่วยเหลือคนที่ประสบอุบัติเหตุด้วย เลยสมัครมาทำงานด้านกู้ภัยครับ ซึ่งตอนเข้าไปเราก็ต้องฝึกตั้งแต่ทักษะปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วก็ไปดูเคสของรุ่นพี่เพื่อเก็บประสบการณ์จึงได้ลงมือทำจริงค่อย ๆ 

สัมผัสทีละนิดทีละนิด ไต่ไปเรื่อย ๆ ครับตอนนี้ก็เป็นกู้ภัยเต็มตัว

จากกู้ภัยสู่วงการบันเทิง

ตอนนั้นผมเป็นกู้ภัยมาหลายปีแล้วครับ พอจบมัธยมก็ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่จีน พอปิดเทอมก็กลับมาที่ไทยตอนข่าว13 หมูป่าที่ติดถ้ำหลวง ผมยังไม่รู้เรื่องก็เข้าเวรตามปกติ จนมาเห็นข่าวว่ามีคนติดถ้ำอยู่ที่เขตความรับผิดชอบของเรา ทางหัวหน้าก็เลยจัดทีมให้พวกผมเข้าไปช่วยเหตุการณ์ตอนนั้น เขาก็จัดตั้งเป็นศูนย์กลางที่เอาไว้ประสานงานใช่มั๊ยครับ และมีกู้ภัยจีนมาด้วย แล้วเขาก็อยากหาคนที่เป็นล่ามได้ แล้วก็มีประสบการณ์ในด้านกู้ภัยด้วย ผมก็เลยจัดทีมไปก็ไปช่วยเป็นล่ามให้กู้ภัยจีนและลงพื้นที่เปิดทางต่าง ๆ ให้ครับ สถานการณ์ตอนนั้นก็ท้าทายมาก ได้ใช้ประสบการณ์ด้านกู้ภัยเช่นปีนขึ้นเขา ได้ใช้ภาษาทางการสื่อสารด้วย และถือเป็นจุดเปลี่ยนนึงในชีวิตเพราะเริ่มมีคนรู้จัก เริ่มมีโอกาสทางวงการบันเทิงเข้ามาให้เราไปออกรายการและได้ไปเป็นนายแบบ

ย้อนกลับไปตอนเรียนจบมัธยมปลายและเลือกไปเรียนต่อที่ประเทศจีน

ผมอยากเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนสังคมด้วย อยากรู้ว่าตัวเองจะโตพอที่จะดูแลตัวเองได้มั๊ย ซึ่งผมมีเชื้อสายจีนอยู่แล้วเลยเลือกไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอู่ฮั่นทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือทางด้านการทูต ซึ่งตอนเรียนมัธยมผมก็มีช่วงเกเรนิดนึงครับ (หัวเราะ) เป็นเด็กหลังห้องแต่ก็ทำกิจกรรมเป็นสภานักเรียน ช่วงนั้นก็ลังเลว่าจะเรียนต่อหรือทำงานสุดท้ายก็เลือกเรียนต่อ เพราะคิดว่าความรู้มันจะติดตัวเราไปตลอด ซึ่งตอนเรียนมหาวิทยาลัยเรียนหนักมาก เรียกว่าพลิกชีวิตเลยจากเด็กมัธยมปลายมีใจเกเร (ยิ้ม) มาเป็นเด็กเรียนที่แทบไม่มีวันหยุดเลยครับ ว่างปุ๊บต้องไปหาเพื่อนไปติว คือต้องคอยหาความรู้อยู่ตลอดเวลา

จุดเปลี่ยนสู่วงการบันเทิงรอบที่

คณะที่ผมเรียนคือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้านการทูตพอขึ้นปี 3 ผมต้องเตรียมไปฝึกงานเพราะปี 4 ต้องทำวิทยานิพนธ์ก็ติดต่อสถานทูตไทยที่กรุงปักกิ่งซึ่งก็เรียบร้อยแล้ว แค่รอเวลาไปฝึกงานผมก็บินกลับมาที่ไทย ปรากฏว่าเป็นช่วงโควิดระบาดพอดี ผมก็ไม่ได้กลับไปมหาวิทยาลัยอีกเลยก็เรียนออนไลน์ ในตอนนั้นผมเคว้งมาก เรามีเวลาเยอะมากแต่ไม่มีอะไรทำ ผู้จัดการผมก็ติดต่อมาเขาก็เอ็นดูผมให้มีโอกาสทำงานในวงการบันเทิง ก่อนหน้าตอนที่ผมเป็นกู้ภัยก็เคยมีโอกาสได้เข้ามา แต่เพราะเราต้องกลับไปเรียนเลยไม่ได้เข้ามาเต็มตัว ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นนักแสดงนายแบบเต็มตัวแล้วครับ

ขอคว้าโอกาสทางด้านการแสดงก่อน

ใช่ครับผมเลือกสิ่งที่อยู่ด้านหน้าก่อนโอกาสที่มันเข้ามา ผมไม่เคยปล่อยไปเพราะเรามีประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าตอนนั้นมีเวลาว่างมาก ๆ แต่ไม่มีงาน ตอนนี้มีโอกาสอะไรเข้ามาขอทำให้เต็มที่ก่อน

ความฝันในวงการบันเทิง

ผมอยากเป็นนักแสดงที่ได้แสดงกับดาราจีนที่ผมชอบ ความฝันอันสูงสุดของผมเลยนะ คือได้แสดงคู่กับเฉินหลง (ยิ้ม) หรือแค่ถ่ายรูปก็พอแล้วนะ อาจจะฟังดูตลกแต่เฉินหลงเป็นนักแสดงไอดอลของผมเลย ไม่ใช่แค่เราภูมิใจ ทั้งครอบครัวของผมที่เป็นคนจีนก็คงจะภูมิใจมาก

มีอะไรอยากพูดกับคนที่คอยสนับสนุนคุณบ้าง

ก่อนอื่นก็อยากจะขอบคุณแฟนคลับทุกคนนะครับที่คอยติดตามผมมาตลอด คอยสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นยังไงผมก็จะทำสิ่งที่ตัวเองกำลังทำให้ดีที่สุด แล้วก็พยายามจะสร้างผลงานให้มากขึ้นให้ทุกคนได้ติดตาม คอยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

 

หลายคนมองว่าการได้เข้ามาทำงานในวงการคือโอกาส แต่สิ่งที่มากกว่าโอกาสคือการที่เราคว้าโอกาสนั้นและทำมันได้อย่างเต็มที่