Why Not Creativity  for Social

Why Not Creativity for Social

จากจุดเริ่มต้นการเป็นครีเอทีฟโฆษณาในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ต่อยอดสู่การทำงานเพื่อสังคม “ธวัชชัย แสงธรรมชัย” หนึ่งในกลุ่มบุคคลที่ช่วยกันผลิตสื่อเพื่อสังคมอย่างคลิปวิดีโอ Infographic ของ รู้ สู้ Flood เมื่อตอนน้ำท่วมใหญ่ครั้งหลายปีที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะเดินหน้าเข้าสู่กิจการเพื่อสังคมอย่างเต็มรูปแบบโดยการเปิดบริษัทเอเจนซี่โฆษณาและสื่อประชาสัมพันธ์ของตัวเองในนามบริษัท WHY NOT SOCIAL ENTERPRISE

“คำว่าธุรกิจสังคมนี่มันไม่ได้มีลักษณะตายตัว มันคือการที่เราอยากแก้ปัญหาสังคมแต่เราใช้เครื่องมือวิธีการแบบธุรกิจ จุดเริ่มต้นมันมาจากการที่เราทำโฆษณามาตลอดชีวิต รักชอบในสิ่งนี้ แต่ทำไปสักพักเกิดคำถามขึ้นกับตัวเองว่าผลลัพธ์
ของเราที่เราทำออกมา เราทำไปเพื่ออะไร เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเท่านั้นหรือ ผมมองว่าสื่อโฆษณาเป็นเหมือนมีด มันสามารถที่จะดึงคนให้เดินออกจากบ้านเพื่อมาจ่ายเงินให้กับเราได้ ทำไมเราไม่ใช้เครื่องมือนี้กับเนื้อหาที่เราเชื่อล่ะ ประเด็นที่เราศรัทธา และในผลลัพธ์ที่เราอยากให้สังคมมันเดินไป ก็เลยรู้สึกว่าเราไม่ได้ไร้ค่านะ 

“งานแรกที่เราทำไปแล้วได้ Feedback จริงใจกลับมา คือการที่ผมพาเด็กไปรู้จักกับคนทำงานอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ลุงนิคมผู้เป็นศูนย์อนุรักษ์เยาวชนเดินมาหา แล้วบอกผมสั้นๆ ว่า ‘ขอบคุณนะ ขอบคุณมากที่มาช่วยกัน’ บางทีประโยคง่ายๆ แค่นี้ 
เรารู้สึกว่ามีความหมายมากกว่าอีเมล์ลูกค้าที่ส่งมาขอบคุณอีก รู้สึกจับต้องได้ถึงคุณค่าของมัน เลยกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่มันชัดเจนมาสำหรับการทำธุรกิจเพื่อสังคมของผม มันเป็นอาชีพที่ตอบคุณค่าในตัวเอง เรารู้สึกว่าเรามีความหมายและรู้ซึ้งถึงคุณค่าของตัวเองด้วย”

พูดกันอย่างให้เข้าใจง่าย Why Not เป็นบริษัทเอเจนซี่โฆษณา เพียงแต่กลุ่มลูกค้าเปลี่ยนจากงาน Commercial เป็นองค์กรทางสังคม ซึ่งเป็นธุรกิจแบบเดียวกับเอเจนซี่โฆษณา แต่เขาเลือกใช้วิธีการในการสนับสนุนกลุ่มคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม หรือเรียกได้ว่าเป็นครีเอทีฟภาคสังคมนั่นเอง

“โมเดลกิจการเพื่อสังคมนี่มีหลากหลายมาก แต่โมเดลของผมคือการให้บริการ เป็นเซอร์วิส ซึ่งมันตรงไปตรงมา หน้าที่ของเรามันคือคนทำงานสื่อ คนทำงานรณรงค์ คนทำงานประชาสัมพันธ์ มันคือการชวนคนให้ไปทำอะไรดีๆ ช่วยไปสร้างประโยชน์ นี่อาจจะเป็นนิยามสั้นๆ ของสิ่งที่เราทำอยู่ว่าเราเป็นนักชวน”

แน่นอนว่าการทำงานเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากับการมาทำธุรกิจเพื่อสังคมต้องแตกต่างกันอย่างแน่นอน แต่เขาบอกว่าต้องแบ่งออกเป็นสองมุม คือมุมเนื้อหากับมุมวิธีการ ด้านวิธีการแทบไม่ต่างกันเลย เพราะสิ่งที่เขาทำอยู่ก็คือธุรกิจเอเจนซี่โฆษณา ทำให้ลูกค้าประทับใจ ปิดงาน ได้เงิน แต่ต่างกันที่ตรงเนื้อหา ที่ต้องใช้เวลามากกว่าสำหรับการทำความเข้าใจบริบททางสังคมมากกว่า

“ในมุมธุรกิจอยากจะบอกว่าไม่แตกต่างกันเลย แค่เราเลือกว่าจะโฟกัสตรงไหน ผมคิดว่าการเปิดอะไรเป็นของตัวเองและมีเป้าหมายที่ชัดเจน มันเป็นอาชีพที่เราเลือกทางเดินของเราแล้วเรามีความสุข ทำไมเราต้องเอาชีวิตเราไปทิ้งกับสิ่งที่เราไม่ได้เชื่อ เพื่อแลกกับเงิน ทำไมมันไม่เป็นสิ่งเดียวกัน สำหรับงานเพื่อสังคมมันคืออาชีพที่เรามีความสุขที่จะใช้ชีวิตอยู่กับมัน เป็นชีวิตที่เราเลือก ผมไม่ได้โลกสวยหรืออยากจะโชว์ใครว่าเราแก้ปัญหาสังคมนะ เราเป็นคนดีนะ แต่แค่วิถีชีวิตที่เราเลือกอาชีพของเรามันเป็นแบบนี้เอง

“ผมไม่เคยท้อกับการทำงานนะ ถ้าคนไม่เคยเจออุปสรรคมันคงเป็นแค่เกม ไม่ใช่ชีวิตแล้ว ถ้าเราเลือกมองว่าชีวิตเผชิญปัญหา เผชิญนู้น เผชิญนี่ มันก็จะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่ถ้าเรามองว่ามันก็เป็นเหมือนหลักไมล์หนึ่งที่ต้องผ่านไป เรารักเป้าหมายเพียงพอที่จะเห็นอุปสรรคเป็นราคาระหว่างทาง เรามุ่งมั่นกับผลสำริดปลายทางมากพอ เราก็จะเห็นว่าตอไม้ที่ขวางอยู่มันเป็นความสนุกด้วยซ้ำ ผมรู้สึกว่าวิธีที่เรามองอุปสรรคในชีวิตมันจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของเรา ถ้าเรามองว่ามันเป็นความทุกข์สุดท้ายเราก็จะจมทุกข์ แต่ถ้ามองในแง่ดีมันก็เป็นความท้าทาย”

ก่อนจากกันเขายังทิ้งท้ายบอกอีกว่า กิจการเพื่อสังคมไทยในปัจจุบันมีอัตราการเติบโตสูงมาก เพราะมีคนให้ความสนใจ ด้วยหลักการที่เป็นการช่วยเหลือสังคม พัฒนาสังคม สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดและยั่งยืน ให้ผู้คนเข้าหา ทั้งยังเป็นวิธีใหม่ที่ไม่ได้เหมือนสมัยก่อนที่ต้องพึ่งเงินบริจาคเพียงอย่างเดียว ส่วนเม็ดเงินและความอยู่รอดของธุรกิจก็ต้องวัดกันในระยะยาว ว่าใครสามารถทำได้จริง ลงทุนไหว อยู่ที่ความสามารถในการจัดการ ทุกวันนี้มีกิจการเพื่อสังคมเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลา มีการประกวด Social Enterprise หน้าใหม่ ซึ่งยังคงเป็นเทรนด์ที่ต้องติดตามกันต่อไปในโลกของธุรกิจเพื่อสังคม 

Know Him

กลุ่มลูกค้าหลัก คือมูลนิธิเพื่อคนไทย ซึ่งเป็น Partner กันมาอย่างยาวนาน สำหรับงานที่ทำให้ทั้งหมดมีเป้าหมายให้เกิด Active Citizen มากขึ้น เป็นการกระตุ้นให้ผู้คนตื่นตัวเรื่องส่วนรวมให้มากขึ้น เน้นงานวิดีโอประเภท Infographic

ติดตามต่อได้ที่ www.facebook.com/whynotsocialenterprise 

 

นักคิดเพื่อสังคม