ห้องอาหารนี้ตั้งอยู่บนชั้น 3 เป็นห้องอาหารร่วมสมัยที่ชื่อให้ความหมายตรงตัวถึงความเป็นสุดยอดของสิ่งที่ดีเลิศ โดยเป็นสไตล์สเต็กเฮ้าส์ที่เน้นในเรื่องของเนื้อเน้นๆ แถมยังพิถีพิถันเลือกสรรเนื้อชั้นเลิศที่ส่งตรงมาจากออสเตรเลีย อเมริกา และญี่ปุ่น เพื่อให้คุณได้อิ่มอร่อยกับรสชาติเนื้อแท้ๆ แบบลงตัว แม้แต่เนื้อแกะก็ยังคัดสรรจากแหล่งเนื้อชั้นดี อาหารทะเลของที่นี่ก็เลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดมาปรุงรส (ที่นี่ไม่มีเมนูหมูและไก่เพราะต้องการเน้นไปที่เนื้อสเต็กจริงๆ เท่านั้น)

ใครที่สั่ง Caesar salad รับรองว่าจะติดใจอย่างแน่นอน เพราะบริกรสาวสวยของที่นี่จะเข็นรถมาปรุงรสให้คุณถึงข้างโต๊ะ(พนักงานเสิร์ฟของที่นี่ที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดเพราะต้องการให้บรรยากาศที่หนักๆ ของสเต็กผ่อนคลายลง) เริ่มตั้งแต่ผักที่ใช้ก็เป็นใจกลางผักล้วนๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด โดยผักที่ใช้เรียกว่า Romance Lettuce ที่นำเข้ามาจากออสเตรเลีย แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องผสมเครื่องปรุงต่างๆ ลงไปคลุกเคล้ากันก่อน ตั้งแต่ หอมแดง กระเทียม แองโชวี่ ไข่แดง มัสตาร์ด โอลีฟออยล์ แล้วจัดการคลุกให้ละเอียดก่อนปรุงรสเพิ่มด้วย ทาบัสโก้ เกลือ น้ำมะนาว พริกไทย กรูตอง (ขนมปังกรอบรูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ) และเบคอน จากนั้นก็จะให้ลองชิม หากได้รสที่ต้องการก็จัดแจงตกแต่งใส่จานซึ่งให้ทั้งความสวยงาม และรสชาติอร่อยใครไม่ชอบกินผักลองได้กินซีซ่าร์จานนี้รับรอง เรื่องผักไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

ทางร้านยังมีจานเรียกน้ำย่อยอีกหลายเมนู แต่วันนี้ที่เลือกมาให้เราได้ชิมกันก็คือ Pan-Fried Crab Cakes เนื้อปูที่ใช้เป็นเนื้อปูที่เป็นชิ้นแน่นๆ ผสมกับกรูตองและเครื่องเทศต่างๆ 3 สี ทั้งแดง เหลือง เขียว จากนั้นก็นำไป Pan Fried (การทอดด้วยน้ำมันบนกระทะ) ปรุงรสด้วยไวท์ไวน์ครีมซอส รสชาติจะออกหอม มัน หวาน ส่วนอีกจานหนึ่งจะเป็น Steak tartar โดยเป็นAppetizers เหมือนกับ Crab Cakes แต่จานนี้ใช้เนื้อสันในที่ไม่ติดมันประมาณ 8 ออนซ์ มาสับละเอียดด้วยมือ และปรุงรสคล้ายๆ กับซีซ่าร์สลัด แต่จะเพิ่มปาปริกาลงไปเพื่อให้ได้รสเผ็ดหน่อย และใส่พาสลีย์ลงไปเพื่อเพิ่มความหอม รวมทั้งใส่คอนยัคเพื่อให้เนื้อนุ่ม หวาน

ส่วนอาหารจานหลักของที่นี่มีอยู่หลายแบบ แต่ที่ฮอตฮิตที่สุดก็คือ Fillet Mignon สเต็กเนื้อ Australian Tenderloinโดยใช้เนื้อเกรด Prime ซึ่งเป็นเนื้อที่ดีที่สุดในบรรดาเนื้อต่างๆ ทำให้เมื่อหลังจากย่างมาเสร็จแล้วรสชาติเนื้อที่ได้นั้นนุ่มจนแทบละลายในปากเลยทีเดียว ไม้ที่นำมาเป็นฟืนเพื่อใช้ย่างก็ใช้ไม้บีช ทำให้ได้กลิ่นหอมมาก เครื่องเคียงที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ก็มีมัสตาร์ดแบบต่างๆ ทั้งเผ็ดมาก ปานกลาง หรือเผ็ดน้อย และหากใครไม่ชอบจะเสริมรสชาติด้วยเกลือแทนที่นี่ก็มีเกลือจากหลากหลายประเทศให้ได้ใช้กัน จานนี้ยกนิ้วให้จริงๆ

ยังมี Grilled New Zealand lamb cutlets เนื้อแกะที่ถูกย่างจนหอมกรุ่น ให้คุณได้เลือก หรือจะเพิ่มรสชาติด้วย Sides dish (อาหารจานที่เป็นเครื่องเคียงไว้กินกับสเต็ก) อย่าง Potato gratin มันฝรั่งฝานเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปอบจนสุกให้เนื้อมันนุ่มน่ากิน หรือจะเป็น Fresh artichoke barigoule ก็เข้ากับสเต็กได้ไม่แพ้กัน นอกจากนั้นแล้วยังมีเครื่องเคียงอื่นๆ ให้เลือกอีกหลากหลาย

สำหรับใครที่ชื่นชอบไวน์ ที่นี่มีไวน์กว่า 340 ชนิดให้เลือก ราคาตั้งแต่ 1,300-74,900 บาท และยังมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านไวน์มาคอยแนะนำไวน์ที่เข้ากับอาหารจานหลักที่คุณสั่งอีกด้วย

หลังจากอิ่มท้องจากสเต็กแล้วก็ปิดท้ายด้วยของหวานเบาๆ อย่าง Warm Rich Chocolate Fondant ช็อกโกแลตเน้นๆ ที่ไหลเยิ้มออกมากินกับผลไม้เบอร์รี่สีแดงหลากชนิด ให้รสหวาน มัน เค็ม ถูกใจคอช็อกโกแลตเป็นอย่างยิ่ง

และทั้งหมดนี้ก็ทำให้ฝันมื้ออาหารสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจริง

 How to Go?

Prime อยู่ที่ชั้น 3 โรงแรมมิลลิเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนถนนเจริญนคร ถ้ามาจากสะพานกรุงเทพก็อยู่ทางขวามือก่อนถึงคลองสาน เลี้ยวเข้าไปแล้วขึ้นไปชั้น 3 ได้เลยครับ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 5 ทุ่ม โทร. 0-2442-2000