“ตอนนี้ฮาน่าห่างหายจากงานในวงการบันเทิงไปพอสมควร จะมีก็แต่รายการ ‘กระเป๋าเดินทาง’ ที่ออนแอร์ทุกวันอาทิตย์ทางTravel Chanel นอกนั้นก็มีงานเบื้องหลัง รับจ้างผลิต เป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์ แล้วก็รับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับสามี ไม่ว่างานอะไรที่ติดต่อเข้ามาเราจะดูแลทุกอย่าง แล้วฮาน่าก็ทำคอนเสิร์ตปิดท้ายอัลบั้มให้กับเขาด้วย เป็นคนหาสปอนเซอร์ หาโปรโมเตอร์ให้ทุกอย่าง 

“ล่าสุดฮาน่าเริ่มทำธุรกิจคลินิกความงามชื่อว่า Lalana หุ้นกันกับเพื่อนคนหนึ่ง เพิ่งเปิดมาได้ไม่นานนี้เองค่ะ จริงๆ แล้วไม่เคยคิดจะทำธุรกิจนี้มาก่อนเลย แต่ตอนช่วงตั้งท้องน้องฮาร์เปอร์เราก็มีเพื่อนคนนึงที่ท้องในเวลาไล่เลี่ยกัน เพื่อนคนนี้สวยมาก เพราะเขาดูแลตัวเองดี ตรงข้ามกับเราที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ก็เลยมานั่งปรึกษากัน เพื่อนคนนี้ก็เลยชวนฮาน่ามาเปิดคลินิก ใช้เวลาเตรียมทุกอย่างประมาณ  3  ปี  แค่หาหมอเก่งๆ มาประจำคลินิกก็หมดไปแล้ว 2 ปี ถ้าไม่ได้หมอที่ดีก็จะไม่ทำ เราบอกเพื่อนไปอย่างนั้นดังนั้นทุกอย่างที่เลือกต้องเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ยิ่งเราเป็นที่รู้จักของผู้คน เกิดอะไรไม่ดีขึ้นมาก็จะเสียชื่อ”

เรื่องราวและบทบาทต่างๆ ที่เธอรับผิดชอบนั้นถูกบอกเล่าผ่านสีหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอด เธอพูดถึงคนหนึ่งซึ่งสำคัญมากที่สุดในชีวิต นั่นก็คือลูกชายวัย 2 ขวบ “น้องฮาร์เปอร์”

“ฮาร์เปอร์จะมาทำงานที่คลินิกกับฮาน่าเกือบทุกวัน ตั้งแต่มีน้องฮาร์เปอร์ชีวิตเราเปลี่ยนไปเยอะ เมื่อก่อนก็คิดแค่ว่าทำงานอะไรที่เรารักก็พอ เรียกว่าบ้างานมาก ทำงาน 24 ชั่วโมง กลับบ้านไปขอหลับอย่างเดียว เดี๋ยวนี้ต้องแบ่งเวลาไว้ให้ลูกและครอบครัวอยากอยู่แต่บ้านเลี้ยงลูก ฮาน่ากับสามีก็เลยต้องเช็คงานตัวเองเพื่อไม่ให้คิวชนกัน เพราะใครก็เลี้ยงลูกเราไม่ดีเท่าพ่อแม่เลี้ยงเองถ้าคนนึงไม่ว่างอีกคนก็ต้องอยู่เลี้ยงลูก สลับกันไปแบบนี้

“เราอาจจะดูเป็นแม่ที่ดุนะ แต่จริงๆ ไม่ใช่เลย ยอมทุกอย่าง (หัวเราะ) แต่กับคุณพ่อจะคนละสไตล์เค้าจะดุกว่า ฮาร์เปอร์ก็เลยกลัวพ่อ 

“ความมหัศจรรย์ในชีวิตหลังแต่งงานก็คงจะเป็นลูกนี่แหละ จากที่ไม่เคยคิดว่าเราจะเป็นแม่คนได้ ฮาน่ามองเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัวมากๆ แต่พอมีปุ๊บ ทุกคนแทบจะไม่เชื่อว่าเราสามารถให้นมลูกได้ถึง 1 ปี  หรืออย่างเดี๋ยวนี้ฮาน่ากับสามีไม่ว่าจะคุยอะไรก็แล้วแต่ก่อนนอนจะต้องคุยถึงลูก เห็นลูกทำนั่นทำนี่หรือเปล่า ได้ยินที่ลูกพูดตอนนั้นไหม นี่แหละคือสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตคู่ของฮาน่า”

เราเลยอดที่จะถามไม่ได้ว่าชีวิตของเธอนั้นน่าอิจฉาเหมือนที่สาวๆ ค่อนประเทศรู้สึกหรือเปล่า เธอหัวเราะก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์ดีว่า 

“ทุกคนอิจฉาฮาน่ามาก แต่ไม่เห็นมีใครอิจฉาคุณเล็กเลย (หัวเราะ) ซึ่งถ้าพูดกันจริงๆ ชีวิตฮาน่าก็ไม่ได้มีอะไรน่าอิจฉาขนาดนั้นนะแต่ที่คิดว่าน่าอิจฉาก็คือเล็กรักเดียวใจเดียว ไม่โกหก แม้บางคำพูดอาจทำให้เราเสียใจ แต่เราก็รู้ว่าเขารักเรามากขึ้นทุกวันๆ แล้วนิสัยฮาน่าเองก็เหมือนผู้ชายลุยๆ เป็นคนตรงๆ ชัดเจน ชอบไม่ชอบอะไรก็จะพูดกันเลย เขาก็อาจจะชอบที่เราเป็นแบบนี้

“ชีวิตตอนนี้เหมือนกำลังเริ่มต้นทุกอย่าง เราแค่ทำให้ดีในแต่ละวัน ลูกและครอบครัวก็เพิ่งมี คลินิกก็เพิ่งเปิด รายการโทรทัศน์ที่ทำก็เข้าปีที่ 8 แล้ว มันยังมีอะไรที่ต้องพัฒนาขึ้นอีกเยอะ อย่างงานบันเทิงเวลาดูละครก็แอบคิดถึงนะคะ คิดเหมือนกันว่าพอลูกเข้าโรงเรียนแล้ว อาจจะแวบกลับเข้าไปเล่นละครก็ได้ ไม่แน่นะคะ”