ภานุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์

ภานุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์

ด้วยทักษะด้านวิชาการของเขานั้นสามารถต่อยอดการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์จนไปถึงขั้นดอกเตอร์ได้สบายๆ แต่เขากลับเลือกด้านการตลาด เพราะชอบระบบการคิดแบบสร้างสรรค์ ได้เรียนรู้การทำงานจริง มากกว่าที่จะมานั่งอยู่ในห้อง จมอยู่กับทฤษฎีเพียงอย่างเดียว

“ผมเรียนที่เมืองไทยถึง ป.6 ก็ไปเรียนต่อที่นิวซีแลนด์ 5 ปี จากนั้นก็ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียอีกประมาณ 4 ปี ผมชอบลองเรียนอะไรที่เราไม่ค่อยรู้ ก็เลยไปเรียนด้าน Marketing พอได้ไปเรียนจริงๆ ก็รู้สึกว่าได้อะไรที่แปลกใหม่ สนุก ได้เล่นเกมการตลาดที่เขาจัดแข่งขันขึ้นในมหาวิทยาลัย และผมก็ชนะด้วยทั้งๆ ที่ตอนนั้นอายุยังน้อยอยู่”

ปัจจุบันคุณบอสคือผู้บริหารของ SF Cinema ที่มีอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น เขาคือลูกชายคนโตของคุณสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์เจ้าของและผู้บริหาร SF Cinema โดยคุณบอสเลือกที่จะเข้ามาช่วยคุณพ่อบริหารงานเอง แม้จะมีความสามารถทางด้านวิชาการสูง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเป็น เพราะสิ่งที่เขาอยากทำในตอนนี้ก็คือทำงานที่มีความท้าทายอย่างการบริหารงาน และงานที่เขาเน้นอยู่ตอนนี้ก็คืองานด้านการตลาดและส่วนออนไลน์ของโรงหนังเป็นหลัก

“จริงๆ ผมเป็นคนไม่เล่นเฟซบุ๊ก แต่ด้วยตัวองค์กรเองผมว่าเรายังเป็นองค์กรที่กำลังเติบโตเป็นองค์กรที่ใหญ่ขึ้น ก็จำเป็นต้องทำในส่วนนี้ พอเข้ามาดูมันก็มีปัญหาหลายอย่าง แต่ก็ต้องค่อยๆ แก้ไป ผมเริ่มต้นครีเอทีฟตรงส่วนงานออนไลน์ทั้งหมด โดยมีพี่ๆในองค์กรหลายๆ ท่านเข้ามาช่วยกัน

“ผมคิดว่าการตลาดของโรงหนังต้องมีแคมเปญใหม่ๆ อยู่ตลอด ผมจะแบ่งแผนกเซลล์ออกไปช่วยขายส่วนลดตรงนี้ให้กับพาร์ทเนอร์ เช่น ดื่มน้ำอัดลมแล้วเอาใบเสร็จมาแลกที่นั่ง หรือ Special Price ในราคานักเรียน ซึ่งมันยังมีกิจกรรมอีกเยอะครับ

“ผมเป็นเพียงมิติหนึ่งของการตลาดที่จะต้องทำให้หลากหลาย ไม่หยุดนิ่ง คุณพ่อจะสอนผมเสมอว่า ทำอะไรก็ตามให้ก้าวไปก่อนคนอื่นหนึ่งก้าว เราจะได้เตรียมตัวก่อนคนอื่น”

โรงภาพยนตร์ SF นั้นเริ่มต้นมาจากภาคตะวันออก แล้วค่อยๆ ขยายธุรกิจเข้ามาในเมืองหลวง ปัจจุบันมีสาขาอยู่เกือบทั่วประเทศโดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ SF World Cinema, SFX Cinema, SF Cinema City ที่สร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้ามาตลอด

“คุณพ่อของผมท่านถ่ายทอดตัวเองสู่แบรนด์ SF ได้ดีมาก เริ่มจากการให้เกียรติกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาในโรงหนังที่ไม่เอาเปรียบจนเกินไป การปรับราคาภาพยนตร์ที่ต้องคิดแล้วคิดอีก วิธีปฏิบัติกับพนักงานก็ไม่ได้วางตัวเองเป็นเจ้านาย ผมว่าโรงหนังค่ายอื่นๆ ก็ทำได้ดีนะ แต่บางที SF ก็ยอมที่จะทำกำไรน้อยกว่า แต่ว่าได้ในระยะยาวมากกว่า 

“ผมไม่ได้แข่งขันเรื่องจำนวนสาขา แต่ SF นั้นแม่นยำในการเลือกโลเคชั่น ซึ่งอันนี้เป็นจุดเด่นของเรา เพราะโลเคชั่นที่เราคิดจะทำหรือที่เรามีอยู่เกิดจากการคิดไตร่ตรองมาแล้วอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นเดอะเบสท์ของที่นั่น วิธีการโตของเราจึงอาจจะต่างจากคู่แข่งในเรื่องจำนวนสาขาหรือเงื่อนไขอื่นๆ แต่ผมว่าถ้าโตแบบนั้นมันจะมีความเสี่ยงในระยะยาว ถ้าหากไม่สามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้” 

ปัจจุบันคุณบอสเอาใจใส่ในงานจนแทบจะเรียกได้ว่า SF Cinema เป็นเหมือนบ้านไปแล้ว เพราะเขาทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนกระทั่งถึงเที่ยงคืนทุกวัน แม้แต่เสาร์อาทิตย์เขาก็จะออกเดินตรวจสาขาย่อย โดยไม่ได้คิดว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่เป็นการทำงานเลยแม้แต่น้อย

“ผมได้แบบอย่างความรับผิดชอบโดยการเห็นพ่อผมทำงาน เขาตื่นตั้งแต่เช้าเจ็ดโมงกว่า ลุกขึ้นทำงาน มาออฟฟิศช่วงบ่าย กลับอีกทีเที่ยงคืน ตอนเด็กๆ ผมก็คิดว่าทำไมพ่อต้องทำงานดึกด้วย ผมไม่มีเวลาอยู่กับพ่อเลย แต่พอผมเริ่มทำงานคำถามนี้ก็เริ่มหายไป 

“ทุกวันนี้ผมไม่เสียดายนะที่ผมมีความสามารถด้านวิชาการแล้วไม่ได้ไปทางสายนั้น คุณพ่อผมค่อนข้างจะสอนผมด้วยวิธีให้ไป
เรียนรู้ชีวิตเอง พ่อไม่เคยบังคับให้ตัดสินใจเองตั้งแต่มัธยม ผมเลยรู้สึกว่าผมเป็นในสิ่งที่ผม
อยากจะเป็นได้อยู่แล้ว 

“การเป็นนักวิชาการหรือดอกเตอร์ไม่ได้พิสูจน์ว่าผมเก่ง ความเก่งมันมาจากสิ่งที่เขาทำ อย่างคนจบ ป.สี่ เขาลงมือทำให้เห็นผลสำเร็จ นี่แหละคือคนเก่ง หรืออีกหลายๆ คนเรียนไม่จบ แต่เขาก็มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่เขารัก นี่เป็นหัวใจมากกว่าการจบดอกเตอร์ด้วยซ้ำไป”  

Know Him

• คุณบอส ภานุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ จบการศึกษา Bachelor of Commerce (Accounting and Finance) Monash University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยติดอันดับสถาบันที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย

• ความฝันของเขานอกจากจะบริหารงานของ SF Cinema ให้เติบโตแล้วยังมีเป้าหมายว่าวันหนึ่งอยากเป็นนายกรัฐมนตรี

ดูจากหน้าตาเด็กหนุ่ม พอจะเดาได้เลยว่าเขาต้องมีความสามารถด้านวิชาการ