สมิทธิ เพียรเลิศ

สมิทธิ เพียรเลิศ

แต่ สมิทธิ เพียรเลิศ ไม่ใช่นักร้องหรือโปรดิวเซอร์มือทอง เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่อยู่กับสายงานเอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ควบคุมดูแลงานด้านเพลงมาแล้วหลายสำนัก ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ MTV Thailand ประสบการณ์ที่มีจึงมากมายพอที่จะทำให้ MTV Thailand เป็นช่องเพลงที่เป็นรู้จักของคนทั่วไปได้ไม่ยาก เบื้องหน้าที่เราเห็นในช่อง เราจะเห็นวีเจ นักร้อง นักดนตรี แต่เบื้องหลังเราจะได้เห็นเขาคนนี้มาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ กัน

 

ได้ยินมาว่าคุณไปเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปี ช่วยเล่าช่วงเวลานั้นให้ฟังหน่อย

มันเหมือนเป็นการเปิดโลกทัศน์ เป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ได้รับอิทธิพลเรื่องเพลงมาเยอะ เพราะเพลงอังกฤษมันไปทั่วโลก เพลงไทยก็ได้รับอิทธิพลของอังกฤษมาเยอะ เพราะในยุคก่อนก็มีกันไม่กี่วง อย่างแกรนด์เอ็กซ์หรือไม่ก็วงชาตรี วงพวกนี้จะเล่นเพลงสากลได้ด้วย จากสากลก็เข้ามายุคที่แกรมมี่ทำ 

 

แสดงว่าในช่วงเวลานั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการชอบฟังเพลง

ครับ จากยุคนั้นก็ไล่มา 70s 80s 90s ผมชอบแนวเพลงสไตล์ The Beatles ผมชอบร็อคที่มีความพ็อพ ไพเราะ 

 

ช่วงที่มาร่วมงานกับ MTV ครั้งแรก คุณเจอปัญหาอะไรบ้าง

ผมทำงานด้านเพลงมาก่อน เพราะฉะนั้นมันก็จะเห็นเหมือนๆ กัน สิ่งแรกที่เราเจอเลยก็คือคู่แข่งเยอะ ทั้งที่เราเป็นตัวจริงด้านนี้แล้วอีกอย่างคู่แข่งสำคัญของเราเลยก็คือ Youtube กับ Facebook ในการแย่งเวลา แล้วยิ่งตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปมีช่องต่างๆ โผล่ขึ้นมามากมาย แล้วยังมีกลุ่มดิจิตอลเข้ามาอีก 

 

แล้วคุณมีวิธีจัดการอย่างไร

เราจะเน้นกิจกรรมที่ทำให้คนเข้ามาร่วมแทน แล้วเราก็ต้องทำอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาเป็นฟอร์แมทใหม่ อย่างล่าสุดก็มีการจัดงานที่มีคุณก้อง การุณ เป็นดีเจ คนก็ชอบนะครับ มันเหมือนมีดาราจัดปาร์ตี้แล้วก็มีดนตรีเล่น

 

แสดงว่าตอนนี้ต้องคิดโพรเจ็กต์ตลอดเวลา

ครับ มันมาจากไอเดียของพวกเรา พอได้สปอนเซอร์ก็จะนำมาต่อยอดกัน ปีที่แล้วเรามีงานเยอะมาก ปีนี้ก็กำลังจะจัดอีกหลายงาน แต่ตอนนี้ยอมรับว่าอีเว้นต์ค่อนข้างจะน้อยลง ปีหน้าจะมีเยอะกว่านี้

 

งานอะไรที่กลุ่มของคุณถนัดทำมากที่สุด

ผมโฟกัสไปที่การทำกิจกรรมเพลงที่ทุกคนสามารถดูได้ ให้ทุกคนสามารถมาร่วมกิจกรรมกับเรา เพราะข่าวที่ออกไปสามารถสร้างแบรนด์ได้

 

แล้วความแตกต่างระหว่างช่องเพลงด้วยกันล่ะ

สิ่งที่เราขายคือความเป็นครีเอถีฟ ความเป็นไอเดีย เราก็เลยไม่ได้มีปัจจัยยุ่งยากมากนัก มันเป็นค็อนเส็ปต์ที่เราคิดขึ้นมาเอง ก็เลยเป็นความแตกต่างจากตลาดพอสมควร การที่ลูกค้าส่วนใหญ่เลือกเรา อย่างปกติที่จัดงานอีเว้นต์หรือคอนเสิร์ตขึ้นมา ก็ได้รับเสียงตอบรับ คนเต็มหมดนะ เขาเลือกเราให้เป็นคนจัดงาน 

 

ถ้าไม่ได้ทำเกี่ยวกับงานเพลง คุณอยากจะทำอะไรอีก

ก็คงไม่ทำแล้วล่ะครับ ไม่รู้เหมือนกัน มันคิดไม่ออก ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว คือผมก็คงหาธุรกิจอื่นทำได้ แต่คงไม่มีอะไรที่จะจริงจังได้เท่ากับเพลงอีกแล้ว

 

งานอดิเรกของคุณคืออะไร

ส่วนใหญ่ก็ดูหนัง เพราะมีวัฒนธรรมที่คล้ายๆ กันกับเพลง นอกนั้นผมก็จะแต่งเพลง ตอนนี้แต่งแล้วก็เก็บเอาไว้เรื่อยๆ ไม่ได้คิดว่าจะเอามาออก เป็นความชอบส่วนตัวมากกว่า 

 

ถ้าเพลงเปรียบเสมือนอะไรสักอย่าง คุณคิดว่ามันควรจะเป็นอะไร

มันคือเพื่อน นักแต่งเพลงบางคนเขาเขียนเพลงด้วยดนตรีที่ใส่ความสุขเข้าไป เขาเล่าเรื่องของเขา พอเราได้ฟังเรื่องราวมันก็เหมือนได้คิดได้สร้างจินตนาการ สร้างเพื่อนให้เรา สร้างแรงบันดาลใจให้ชีวิตเรา สำหรับผมมันแทบจะเป็นทุกอย่างในชีวิตเลย
ก็ว่าได้ 

 

5 Albums He Love!

• The Beatles “Rubber Soul” อัลบั้มที่ 6 ของสี่เต่าทองที่ใช้เวลาบันทึกเสียงกันแค่ 4 สัปดาห์เท่านั้นเพราะต้องรีบวางให้ทันคริสต์มาส อย่างไรก็ตามมันก็ประสบความสำเร็จทั้งคำชมและยอดขาย 

• Coldplay “A Rush of Blood to the head” ผลงานที่ส่งให้โคลด์เพลย์กลายเป็นวงร็อคระดับโลก และกลายเป็นอัลบั้มที่คว้ารางวัลแกรมมี่สาขาอัลบั้มอัลเตอร์เนทีฟในปี 2003 

• The Beach Boy “Pet Sounds” อัลบั้มอภิมหาอมตะที่ถ้ามีการจัดอันดับเมื่อไหร่ ชุดนี้จะต้องติดอันดับต้นๆ ทุกครั้งไปเพราะมันมีอิทธิพลมากๆ กับเพลงพ็อพในยุคถัดมา เพราะ Brian Wilson นั้นคืออัจฉริยะตัวจริง

• Stevie Wonder “Songs in a key of life” Sir Duke และ Isn’t She Lovely? คือสองแทร็คสุดคล้าสสิกของอัลบั้มนี้ที่อยู่ในช่วงที่ สตีวี่ วันเดอร์ กำลังฮอตสุดๆ

• Daft Punk “Discovery” อัลบั้มสามัญประจำบ้านของผู้หลงใหลในดนตรี French House แค่ได้ยินเพลง Harder, Better, Faster, Stronger ขาแข้งก็หยุดไม่อยู่แล้ว

ผู้ชายคนนี้คือคนที่เกิดมาเพื่อชอบเสียงเพลง