สู่ขวัญ บูลกุล

สู่ขวัญ บูลกุล

เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เธอมีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อหลายคนลุกขึ้นมาวิ่ง วิ่งเพื่อเอาชนะใจตนเอง และปีนี้เรามีโอกาสได้เห็นเธออีกครั้ง กับซีรีส์ โปรเจ็กต์ เอส ในตอน ไซด์ บาย ไซด์ พี่น้องลูกขนไก่ เรื่องราวของครอบครัวนักกีฬาที่แสนอบอุ่น ที่มีลูกเป็นเด็กออทิสติก และจากบทบาทการแสดงทั้งสองของเธอ ที่ทำให้เธอค้นพบความสุขในฐานะนักแสดงอย่างแท้จริง ซึ่งเธอให้คำจำกัดความเล็ก ๆ ในเรื่องของ ความดีไว้ว่า สิ่งใดที่ทำแล้วพัฒนาตนเองและทำให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ เธอถือว่านั่นคือความดี ดังที่เธอเคยได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครจากการแสดงทั้งสองเรื่อง ภายใต้นักแสดงที่ชื่อ สู่ขวัญ บูลกุล 

“สำหรับขวัญ ความดีมีความหมายที่กว้าง แต่อะไรก็ตามที่ทำแล้วเกิดประโยชน์กับคนอื่น หรือเป็นประโยชน์ในทางที่ดีที่จะพัฒนาตนเอง ด้วยอะไรก็ตามที่จับต้องได้หรือจับต้องไม่ได้ อาจจะเป็นแค่คำพูด ที่ทำให้คนอื่นดำเนินชีวิตได้ดีขึ้น ให้กำลังใจคนอื่นมากขึ้น ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาเราลองผิดลองถูกและใช้ชีวิตเพื่อตนเองมาพอสมควรแล้ว สำหรับขวัญจากนี้การใช้ชีวิตคงเป็นการทำเพื่อคนอื่นหรือคนรุ่นหลังแนวทางที่เราทำได้คือ สิ่งที่ขวัญจะเลือกทำในทุกวัน เราต้องเห็นคุณค่าว่ามันจะสร้างประโยชน์ให้กับ
คนอื่น ๆ ได้ ที่สำคัญเราต้องไม่ลืมที่จะถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับคนรุ่นต่อไปด้วย

“ขวัญคิดเสมอว่า ความดีไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่ถึงขนาดต้องทุ่มเททั้งกำลังทรัพย์ และกำลังกาย แค่ความคิดความห่วงใยต่อคนรอบข้างก็เพียงพอแล้ว ขวัญจำได้ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนที่แสดงภาพยนตร์เรื่อง รักเจ็ดปี ดีเจ็ดหน หลายครั้งจะได้รับข้อความจากคนที่ไม่รู้จักเข้ามาขอบคุณเรา อาจจะเป็นจากคำสัมภาษณ์หรืออาจจะตอบอะไรเค้าไป มันอาจเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทำให้เขาได้สติและตัดสินใจทำอะไรที่มันดีขึ้น จนวันหนึ่งเขามีโอกาสได้ติดต่อกลับ เขาก็จะส่งข้อความมาขอบคุณที่ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น หรือตอนที่เล่นโปรเจ็กต์ เอส ตอน ไซด์ บาย ไซด์ ก็จะมีผู้ปกครองหรือแม้กระทั่งเด็กที่เป็นออทิสติกเอง ส่งข้อความมาหา มาขอบคุณ มันคือสิ่งเล็ก ๆ ที่ทำให้เรายิ้มได้เสมอ และมันเปี่ยมไปด้วยความสุข

“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวง รัชกาลที่ 9 ท่านทรงเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์แบบมากในทุกด้าน แต่สิ่งหนึ่งที่ประทับใจสำหรับขวัญคือความรักอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์มีต่อพวกเราชาวไทย พระองค์ทรงอยู่ในฐานะที่สูงมาก สูงจนสามารถเลือกว่าจะทำอะไรก็ได้ไม่ทำอะไรก็ได้ แต่พระองค์เลือกที่จะทำเพื่อประโยชน์ต่อแผ่นดิน ซึ่งพระองค์จะทำสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เลยถ้าปราศจากความรัก

“สังคมสมัยนี้เปลี่ยนไปมาก ‘ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว’ สำหรับขวัญ ทำดีคือเราได้ทำในสิ่งที่ดี ทำชั่วได้ชั่ว ก็คือเรานั่นแหละที่ชั่ว เราอาจจะคิดว่าทำดีแล้วต้องได้รับคำสรรเสริญ เยินยอ ได้รับเงินทอง แต่จริง ๆ แล้ว บางคนที่เสียสละเขาก็ไม่ได้รวยขึ้น สบายขึ้น แต่เขาอาจจะมีความสุขใจในสิ่งที่ทำ ขวัญรู้สึกว่าคนเราเกิดมาแล้วนั้นอยากให้คนจดจำเราแบบไหนมากกว่าค่ะ

“ถ้ามีคนบอกว่าเราสร้างภาพก็คงไม่ทำอะไรค่ะ ขวัญเชื่อว่า ไม่ว่าใครจะคิดอะไร ไม่สำคัญเท่าตัวเองคิดอะไร และเชื่อว่าไม่มีใครได้สิ่งไหนตรงตามที่คิด ตรงตามที่ต้องการ ขวัญไม่ได้ถือเป็นสาระสำคัญของชีวิตเลยค่ะ แต่ถ้าวันหนึ่งเราทำความดีและมีคนมาพูดว่า โอ๊ย! ไม่จริงหรอก ปลอม! ขวัญไม่โกรธ แต่จะกลับมานั่งคิด พิจารณาว่าสิ่งที่เราทำไป พูดไป มันเกินพอดีหรือเปล่า ถ้าเราคิดมาดีแล้วก่อนที่จะทำก็ไม่ต้องไปใส่ใจคำพูดคนอื่น การติฉินนินทาเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับขวัญนะ ขึ้นอยู่กับเจตนาของเรามากกว่าว่าบริสุทธิ์หรือเปล่า

“ทุกวันนี้เพียงแค่อย่าพูดอะไรที่ไม่ดีออกมา อาจไม่ถึงกับต้องดิ้นรนไปบริจาคเงิน หรือเดินทางไปปลูกป่า แค่เลิกนินทา เลิกพูดถึงด้านที่ไม่ดีกับคนอื่นหรือคนรอบข้าง ขวัญว่ามันช่วยโลกได้เยอะเลยนะคะ แค่เลิกพูดอะไรที่ไม่ดี โลกเปลี่ยนเลยค่ะ ง่ายสุด ได้ผลมากสุด ถ้าอะไรที่ไม่ดี จำไว้ว่าอย่าให้มันออกมาจากปากหรือความคิดเราดีกว่า ถ้าสิ่งที่เราพูดไม่มีประโยชน์เราต้องคิดเสมอว่า สมควรที่จะพูดหรือเปล่า”

รอยทำแห่งความดี