Mercedes-Benz E-Class ไมเนอร์เชนจ์ เปิดตัวไปตั้งแต่งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2013 ซึ่งการไมเนอร์เชนจ์ในครั้งนี้ สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้พบเห็นไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นตัวถังซาลูน 4 ประตูทุกรุ่น ทุกแบบ รุ่นคูเป้ และรุ่นเปิดประทุน แต่ไฮไลต์จริงๆ นั้นไม่ใช่เพียงรูปร่างหน้าตาเท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่ Mercedes-Benz เสริมทัพด้วยการนำเครื่องยนต์ดีเซล ทวินเทอร์โบ ไฮบริด สุดไฮเทค เข้ามาทำตลาดในบ้านเราเป็นครั้งแรกอีกด้วย

NEW E-Class มีการปรับหน้าตาให้แตกต่างจากรุ่นเดิมอยู่พอสมควร โดยปรับเปลี่ยนให้มีความเป็นสปอร์ตมากขึ้น ที่เห็นชัดเจนที่สุด คงเป็นแผงกระจังหน้าและโคมไฟคู่หน้า ที่ได้มีการนำไฟแบบ LED มาใช้ใช้อย่างเต็มรูปแบบ ไฟคู่หน้าได้รับการออกแบบใหม่หมดโดยผนวกเอาชุดไฟ LED ทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน นับเป็นครั้งแรกของ Mercedes-Benz ที่โคมไฟแบบ LED ได้รับการออกแบบใหม่หมดจด โดยดีไซน์ให้อยู่รวมกันในกรอบเดียวกันแต่ยังคงเป็นการสื่อถึงไฟคู่หน้าแบบ “สี่ตา (Four-Eyed)” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ดั้งเดิมของ E-Class ไว้เหมือนเดิม

ภายในห้องโดยสารได้มีการปรับให้มีความผสานกลมกลืนสวยงามเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรับเปลี่ยนไป โดยการนำวัสดุมีคุณภาพสูงมาใช้ให้ดูหรูหราขึ้น ส่วนเบาะหุ้มหนังพร้อมด้วยพนักพิงศีรษะคู่หน้าแบบ NECK-PRO Head Restraints รวมถึงแผงคอนโซลหน้าพร้อมลายไม้ นาฬิกาได้รับการดีไซน์เป็นแบบอนาล็อกอยู่ระหว่างช่องระบายความเย็นเครื่องปรับอากาศ ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบ THERMATIC

นอกจากนั้นยังมีระบบมัลติมีเดีย COMAND Online ควบคุมการทำงานของวิทยุและดีวีดี สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พร้อม Controller และ ระบบนำทาง Navigation System รวมทั้งระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ เพื่อให้ความสะดวกสบายในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น    

E300 BlueTEC HYBRID วางเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2,143 ซีซี เทอร์โบคู่ โดยระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง หรือ Direct Injection ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 - 1,800 รอบ/นาที ผสานกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 20 กิโลวัตต์ (27 แรงม้า) ที่มีแรงบิด 280 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ หรือ 7G-Tronic Plus โดยหลักการทำงานของเทคโนโลยี BlueTEC HYBRID นั้นเวลาสตาร์ทรถจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า และพลังงานแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว แทนเครื่องยนต์ รวมถึงการขับเคลื่อนเมื่อเกียร์เดินหน้า หรือถอยหลัง และเมื่อเวลาแล่นด้วยความเร็วต่ำ จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเช่นกัน แต่หากวิ่งเกิน 30-35 กม./ชม. จะขับเคลื่อนโดยใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว และไปหมุนมอเตอร์ไฟฟ้าให้ทำหน้าที่ Generator ผลิตกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ด้วย

และในขณะที่รถเมื่อเร่งแซง มอเตอร์ไฟฟ้าจะส่งกำลังขับเสริมเพื่อเพิ่มแรงบิด ทำให้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานประสานกันทันที และในทุกครั้งที่ปล่อยคันเร่ง หรือแตะเบรก เครื่องยนต์จะหยุดทำงานทันที ส่วยรถยนต์จะวิ่งไปต่อไปได้ด้วยแรงเฉื่อย ระบบจะใช้แรงหมุนจากเพลาไปปั่นมอเตอร์ผลิตกระแสไฟเก็บไว้  

ช่วงเบรกจะทำงานคล้ายๆ กับช่วงไหล และเมื่อรถหยุดหากปริมาณกระแสไฟฟ้าเพียงพอ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงาน แต่แอร์ยังทำงานปกติ และกรณีที่กระแสไฟฟ้าต่ำ เครื่องยนต์จะทำงานพร้อมหมุนมอเตอร์เพื่อปั่นไฟไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่

ซึ่งจากการทดลองขับในระยะทางกว่า 900 ก.ม. ขุมพลังจากเครื่องยนต์ดีเซลกว่า 200 แรงม้า ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า อีกกว่า 20 แรงม้า เพียงแค่คุณกดคันเร่ง แรงม้าที่มีก็พร้อมที่จะฉุดกระชากลากรถที่ทั้งใหญ่และน้ำหนักเยอะ ได้อย่างสบายๆ นับว่าเป็นรถที่ขับสนุกมากๆ คันหนึ่งเลย ซึ่งแตกต่างจากรูปร่างหน้าตาที่ออกจะเคร่งขรึมเสียเหลือเกิน แอบทำรถวัยรุ่นแต่งเต็มร้องไห้กันเป็นแถวเลยทีเดียว       

ขณะที่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ทำงานไหลลื่นดีทีเดียว อาจจะสะดุดนิดๆ ช่วงลงมาเกียร์ต่ำ การบังคับควบคุมต่างๆ ให้ความมั่นใจดี ไม่ว่าจะเข้าโค้ง หรือหักหลบ ช่วงล่างตามสไตล์เมอร์เซเดส-เบนซ์ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ 

เรื่องความประหยัด เห็นทีจะไม่บอกกล่าวกันก็คงไม่ได้ เพราะทาง Mercedes-Benz เครมตัวเลข ไว้อย่างน่าสนใจที่ 23-24 กม./ลิตร กันเลยทีเดียว ซึ่งจากการทดลองขับในครั้งนี้ พยายามขับให้เหมือนปกติมากที่สุด มีเร็วบ้างช้าบ้าง ตามสภาพการจราจรแล้วนั้น เต็มที่ผมได้ไม่เกิน 16-18 กม./ลิตร เท่านั้น แต่หากขับแบบชิลล์ๆ ในระยะทางที่ยาวๆ หน่อย 23-24 กม./ลิตร มีให้เห็นแน่นอน 

Trick & Tip

เสียน้อย เสียยาก

หลายคนยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับยางรถยนต์สักเท่าไหร่ คิดว่าใส่อะไรก็ได้ ยางเปอร์เซ็นต์ก็ได้ ซึ่งจริงๆ แล้ว เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่ราคายางสมัยนี้ก็แพงเสียเหลือเกิน งั้นก็เปลี่ยนเป็นคู่ๆ ก็ได้ ไม่คู่หน้า 
ก็คู่หลังก่อน แล้วแต่กำลังทรัพย์ของแต่ละคน ส่วยยางเปอร์เซ็นต์นั้น เดินให้ห่างๆ จะดีกว่าครับ 

 

Mercedes-Benz E300 BlueTEC Hybrid แตกต่างที่ลงตัว