หนึ่งในโรคที่คร่าชีวิตผู้คนทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศไปอันดับต้นๆ ก็คือ โรคมะเร็ง สาเหตุที่เกิดขึ้นของโรคมะเร็งนั้น มาได้จากหลายสาเหตุ

โรคมะเร็งเป็นความล้มเหลวของทั้งระบบร่างกายและจิตใจ การจะดูแลร่างกายให้ไกลห่างโรคมะเร็งนั้น เรื่องสภาวะจิตใจก็มีผลด้วย อีกทั้งในปัจจุบันอาหารที่เรากินเข้าไป แม้เราจะมั่นใจว่าสะอาด ปลอดภัย แต่เกือบจะทั้งหมดเราไม่ได้เป็นผู้ปลูกข้าว และเลี้ยงสัตว์ เช่นนั้นแล้วหากมีสารพิษตกค้างเราก็ไม่อาจทราบได้ และนั่นอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคมะเร็งก็เป็นได้

สิ่งสำคัญคือ หากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งแล้ว ต้องทำใจดีสู้เสือไปก่อน เพราะมีหลายท่านที่มีอาการหนัก แต่ก็สามารถดีขึ้นได้ แข็งแรงขึ้นได้ หลายๆ คนถึงขั้นหายได้ด้วย 

และเช่นเดียวกันมีอีกมากที่อาการในเบื้องต้นไม่ได้รุนแรงอะไรเลย แต่การดำเนินของโรคกลับเป็นไปอย่างรวดเร็ว และก็เป็นที่น่าเสียใจ เพราะสุดท้ายหมอก็ไม่อาจช่วยอะไรได้

มีสาเหตุหลายๆอย่างที่ทำให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นครับ

อย่างที่หมอบอกไปเบื้องต้น โรคมะเร็ง เป็นความล้มเหลวของทั้งระบบร่างกายและจิตใจ การรักษามะเร็งจึงต้องทำควบคู่กันไปทั้งทางร่างกายและจิตใจ และที่สำคัญคือ ความเคร่งครัดและต่อเนื่องในการดูแลรักษาตัว เท่าที่หมอสังเกตเห็นผู้อยู่ในกลุ่มแรกนั้น มักจะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ เชื่อมั่น อดทนและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด มาปรึกษา และติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ขาดหายไปไหน และมักจะเป็นผู้ที่รู้จักปล่อยวาง ถึงจะเคร่งครัดแต่ก็ไม่เคร่งเครียด ยิ้มแย้มแจ่มใส พยายามทำตามคำแนะนำเท่าที่ทำได้ โดยไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป จนทำให้เราพบเห็นปาฏิหาริย์กันบ่อยๆ ครั้ง

แต่ในกรณีที่ 2 นั้น มักจะพบในผู้ที่ประมาทในการดูแลรักษาตัวเอง และมักจะมีการตั้งเงื่อนไข หรือตั้งแง่ในการปฏิบัติตัว ทั้งๆ ที่การปฏิบัติตัวตามแนวทางธรรมชาติบำบัดในการรักษามะเร็งนั้น ก็มีรายละเอียดมากมายหลากหลายและปฏิบัติตามได้ยากอยู่แล้ว ถ้าไม่มีความตั้งใจจริงพอ ยิ่งมาตั้งเงื่อนไขในการปฏิบัติ ก็เท่ากับยิ่งเพิ่มความยุ่งยากในการปฏิบัติให้มากขึ้นไปอีก และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การรักษาไม่ได้ผล 

ตัวอย่างที่พบบ่อยๆ เช่น ไม่ได้กินข้าวกล้อง กินเนื้อสัตว์ เช่น กินปลา กินไขมัน โดยอ้างว่าเนื่องจากกลัวร่างกายอ่อนเพลีย แพทย์ที่โรงพยาบาลสั่งให้กิน ญาตินำอาหารบำรุงมาให้กิน ไม่ได้ดื่มน้ำผัก ผลไม้ หรือดื่มได้ไม่ครบตามที่กำหนด โดยอ้างว่าไม่มีเวลาคั้นน้ำบ้าง ไม่มีผลไม้ ไม่มีผัก ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน ไม่ได้ฝึกชี่กง เพราะไม่มีเวลา ไม่ได้นั่งสมาธิเพราะนั่งไปแล้วใจก็ไม่สงบ ไม่ได้สวดมนต์เพราะสวดไม่เป็น ไม่ได้อบสมุนไพร เพราะที่บ้านไม่มีตู้อบ ไม่ได้อาบแสงตะวัน เพราะที่บ้านไม่มีบริเวณ ไม่ได้ออกกำลังกาย เพราะไม่มีเวลา วิตามินก็กินๆ หยุดๆ วิตามินไฮโดสก็ไม่ได้ให้ หรือให้ก็ไม่ถึงอย่างที่กำหนด เครียด วิตกกังวล คิดมาก ไม่รู้จักปล่อยวาง ไม่ได้ตั้งใจศึกษาวิธีการรักษาทางธรรมชาติบำบัดอย่างเพียงพอ จึงทำให้ไม่เกิดความมั่นใจ หรือไม่เห็นประโยชน์ของการปฏิบัติ อย่างนี้เป็นต้น

อย่าลืมนะครับว่า เงื่อนไขต่างๆ ที่เราตั้งให้ตนเองนั้น ยิ่งเข้าทางของมะเร็ง มะเร็งมันยิ่งชอบ และเซลล์มะเร็งนั้นแบ่งตัวทุกวินาที เติบโตทุกวินาที วันนี้เราจะไม่ปฏิบัติอย่างนี้ก็ได้ ไว้ค่อยทำวันหลังก็ได้ แต่เซลล์มะเร็งมันไม่รอเราหรอกนะครับ มันก็แบ่งตัวของมันไปเรื่อยๆ

ซึ่งในผู้ป่วยกรณีที่ 2 นี้ ถึงแม้จะมารับการรักษา แต่ก็เหมือนกับไม่ได้รับการรักษาทางธรรมชาติบำบัดเลย เพราะจริงๆ แล้ววิธีการรักษาทางธรรมชาติบำบัด ส่วนใหญ่เป็นวิธีที่ผู้ป่วยต้องนำกลับไปปฏิบัติเองอย่างต่อเนื่อง และเคร่งครัดด้วยความมุนานะ อดทน และตั้งใจจริง ไม่ใช่การปฏิบัติกันเล่นๆ อย่างขอไปที โดยที่ความต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เช่นนั้นแล้วหลักการง่ายๆ ในการรักษามะเร็งตามแนวธรรมชาติบำบัดอยู่ที่ การมุ่งเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อันเป็นต้นเหตุในการเกิดโรค ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุของวิธีกิน วิธีทำ วิธีพูด วิธีคิด ล้วนแต่มีผลในการดำเนินของโรคทั้งสิ้นครับ 

และเมื่อต่อเนื่อง และยาวนานมากพอ มะเร็งก็มีโอกาสหายได้ครับ 

โปรแกรมจิตเสริมรักษาโรค

การโปรแกรมจิตนั้นจะเป็นการบำบัดให้ผู้ป่วยที่เข้าทำการรักษาแล้วมีแนวคิดไปทางด้านลบให้กลับมาเป็นพลังด้านบวก เช่น หากผู้ป่วยทราบว่าเป็นมะเร็ง และจะต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฉายรังสี และทราบถึงผลข้างเคียงของการฉายรังสี ส่วนมากจะพบว่า ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงเหมือนการบำบัดด้วยการฉายรังสีก่อนการฉายรังสีจริงเสียอีก เหตุผลที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า ผู้ป่วยได้ไปโปรแกรมจิตตนเองไว้ก่อนแล้ว สงสัยฉันต้องแพ้แน่ๆ แพ้แน่ๆ แพ้แน่ๆ พอคิดอย่างนี้แค่เห็นเข็ม หรือห้องฉายรังสีก็มีอาการเกิดขึ้นมาแล้ว โดยยังไม่ทันได้รับการบำบัดนั้นๆ เลย ดังคำกล่าวที่ว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว”

เพราะฉะนั้นในทางกลับกัน ถ้าเราใส่ข้อมูลที่ดีที่เป็นบวกของการบำบัดนั้นๆ เข้าไปก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาให้กับการบำบัดนั้นๆ และยังช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับการบำบัดนั้นๆ อย่างได้ผลดี
อีกด้วย