“Roar”

“Roar”

25 ตุลาคม ปีนี้ เคที่ เพร์รี่ จะมีอายุขึ้นเลขสามอย่างเป็นทางการครับคอลัมน์ The View เลยขอถือโอกาสเอาเพลงของเธอมาเขียนถึงสักครั้ง เป็นเพลงดังที่สุดเพลงหนึ่งของเธอจากอัลบั้ม Prism ที่พาเธอเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ปีล่าสุดมาแล้ว

คุณงามความเก่งสวยรวยดีของเธอ มีคนเขียนถึงเยอะแล้ว เข้าไป Google หรือ Wikipedia ก็จะเจอเรื่องราวของเธอชนิดอ่านกันยันสว่างตาค้างก็ยังไม่หมด ฉะนั้น ขอข้ามไปเลยนะครับ 

ที่อยากพูดถึงคือ เนื้อเพลง Roar ที่ออกเสียงว่า รอร์ แต่ไม่ได้แปลว่า รอคอย ใครสักคนนะ แต่แปลว่า คำราม เป็นกิริยาที่ปกติใช้กับพวกราชสีห์ (แต่ถ้าสิงโต นำโชค นี่คงไม่ใช่ Roar นะ ต้องใช้ Sing เพราะเป็นนักร้อง)

พูดถึงการคำราม ผมจะนึกถึงสำนวนว่า บันลือสีหนาท มันเป็นศัพท์โบราณนิดนึงครับ ถ้าแปลง่ายๆ ก็คือส่งเสียงดังลั่นสนั่นปฐพี ทำนองนั้นครับ 

คำนี้พบมากในพระไตรปิฎกในหลายๆ ตอน ที่เหล่าพระอัครสาวกอย่างพระสารีบุตร พระปิณฑทวารโภชนะ หรือแม้แต่พระพุทธองค์เอง ก็เคยแสดงบันลือสีหนาทมาแล้ว 

แต่การแสดงบันลือสีหนาทของพระพุทธเจ้า หรือพระสาวก ไม่ได้ทำเพื่อความยิ่งใหญ่ของตนเอง แต่เป็นการประกาศความยิ่งใหญ่ในพระธรรมคำสอน ที่จิตท่านเหล่านั้นเข้าถึงแล้ว เห็นแจ้งแล้ว

อย่างตอนที่พระพุทธเจ้าบรรลุธรรมขั้นสูงสุด สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงบันลือสีหนาทว่า ตัณหาซึ่งเป็นนายช่างผู้สร้างเรือนเอ๋ย เรารู้จักเจ้าแล้ว เรือนของเจ้าเราก็หักโค่นลงสิ้นแล้ว คือท่านพ้นจากอำนาจกิเลส ตัณหา อุปาทานที่พาให้ท่านเคยเวียนว่ายตายเกิดมานานแสนนานแล้ว 

ในเนื้อเพลง Roar พูดถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เคยเป็นเหมือนทาสในเรือนเบี้ยของชายคนรักมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอบอกว่า I see, I know คือเข้าใจละรู้ละ ตาสว่างมีปัญญาแล้ว ก็ลุกมาประกาศก้องบันลือสีหนาทว่า ฉันจะไม่เป็นลูกไล่ของเธออีกต่อไป 

พระปิณฑทวารโภชนะ ก็เคยบันลือสีหนาทต่อหน้าเหล่าสงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าทรงเป็นประธานว่า ใครอยากรู้เรื่องมรรค ผล (นิพพาน) มาถามเรานี่ ไม่ใช่ท่านต้องการโชว์พาวนะครับ แต่ท่านต้องการยืนยันให้ทุกคนมั่นใจว่า มรรค ผล นิพพาน นั้นมีจริง เป็นของจริง ไม่ใช่พูดกันลอยๆ เท่ๆ หลอกไปวันๆ

ผู้หญิงทุกคนไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้อำนาจของผู้ชายตลอดไปฉันใด มนุษย์ทุกคนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้อำนาจกิเลส ตลอดกาลฉันนั้น 

สุขสันต์วันที่เรายังมีโอกาสบันลือสีหนาทพ้นจากความเป็นทาสกิเลสได้ในชาตินี้ครับ 

 

Songwriters: Katy Perry, Max Martin, Lukasz Gottwald, 
Bonnie Mckee, Henry Walter

I used to bite my tongue and hold my breath
Scared to rock the boat and make a mess
So I sat quietly, agreed politely
I guess I forgot I had a choice
I let you push me past the breaking point
I stood for nothing, so I fell for everything

*You held me down, but I got up (hey!)
Already brushing off the dust
You hear my voice, your hear that sound
Like thunder, gonna shake the ground
You held me down, but I got up
Get ready ‘cause I had enough
I see it all, I see it now

**I got the eye of the tiger, a fighter
Dancing through the fire
‘Cause I am a champion, and you’re gonna hear me roar
Louder, louder than a lion
‘Cause I am a champion, and you’re gonna hear me roar!

***Oh oh oh oh oh oh oh oh 
Oh oh oh oh oh oh oh oh
Oh oh oh oh oh oh oh oh
You’re gonna hear me roar!

Now I’m floating like a butterfly
Stinging like a bee I earned my stripes
I went from zero, to my own hero (*) (**) (***)

Roar, roar, roar, roar, roar!

 

ฉันเคยต้องหุบปาก แม้อยากพูดแค่จะสูดลมหายใจยังไหวหวั่น

กลัวเป็นเรื่องเคืองขุ่นวุ่นวายพลันจึงอดอั้นยอมเงียบพับเพียบรอ

ลืมไปว่าฉันนี้มีทางเลือกแหมดันเสือกปล่อยเธอข่มก้มหัวหงอ

ยิ่งยอมเธอยิ่งกดขี่ไม่มีพอเพราะมัวฝ่อจึงต้องล้มจมแผ่นดิน

เธอคอยกดฉันไว้ให้ด้อยค่าถึงเวลาลุกขึ้นท้วงทวงหนี้สิน

เหมือนอสุนีบาตฟาดลงดินถึงเวลาลุกขึ้นท้วงทวงหนี้สิน

เวลานี้จงเตรียมใจไว้ต้อนรับถึงคราวยินเสียงฉันสั่นโลกา

สิ้นอดทนคนอะไรใจด้านชาจะตอกกลับให้ยับไปไร้กังขา

เริ่มมีตานักสู้บู๊เหมือนเสือฉันถึงคราตาสว่างกระจ่างจริง

เต้นอยู่บนกองไฟใช่ฟรุ้งฟริ้งอาจไม่เชื่อดูบอบบางในร่างหญิง

ตอนนี้ฉันบินได้คล้ายผีเสื้อเป็นนางสิงห์คำรามน่าคร้ามครัน

แถมมีลายพาดกลอนเรียงซ้อนกันแต่ต่อยเนื้อด้วยเหล็กในคล้ายผึ้งนั้น 
เป็นหญิงมั่นเริ่มจากศูนย์เพิ่มพูนเอย

บันลือสีหนาท