เกียรติศักดิ์ อุดมนาค

เกียรติศักดิ์ อุดมนาค

วันนี้เราไม่ได้จะให้เขามาปล่อยมุกขำขัน แต่นี่คือตัวตนอีกด้านในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารของบริษัท ลักษ์ 666 จำกัดอย่างไรก็ตาม เชื่อเถอะว่าถึงเขาจะมาให้สัมภาษณ์ในฐานะผู้บริหาร เขาก็คงเป็นผู้บริหารที่อารมณ์ดีที่สุดในประเทศ เขาชื่อ เสนาหอย เกียรติศักดิ์ อุดมนาค

 

“สำหรับผมแล้ว ต้องบอกว่าเรื่องของงานแสดงถือเป็นงานอดิเรกมากกว่า ตอนนี้จะเน้นเรื่องบริษัท เพราะนอกจากจะมีรายการทีวีแล้ว ปีนี้เรายังมีทั้งนิตยสาร วิทยุ แล้วก็ภาพยนตร์ด้วย

 

“เราสี่คน ผม วิลลี่ พี่เปิ้ล น้องแหม่ม ช่วยกันดูแล โดยวิลลี่จะดูแลทั้งหมดในส่วนของธุรกิจ น้องแหม่มก็จะดูนิตยสาร oho (แหม่ม แคทรียา แมคอินทอช) พี่เปิ้ลก็ดูลักษ์ฟิล์มที่เพิ่งจะเริ่มถ่ายทำหนังเรื่องแรกในปีนี้ ส่วนผมก็จะดูแลเรื่องการตลาด โดยจะช่วยๆ กันกับวิลลี่แล้วก็น้องแหม่ม

 

“เราตกลงกันเลยว่าปีนึงจะรับงานหนังงานละครได้กี่งาน เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่มีเวลามาดูแลบริษัท ถึงเราจะเป็นบริษัทที่มีเจ้าของเป็นดารา แต่เราก็เข้าออฟฟิศทุกวัน โอเค ในระยะแรกๆ อาจจะได้เงินน้อยกว่ารับงานแสดงก็จริง แต่ในระยะยาวแล้วตรงนี้ถือว่ามั่นคงกว่า

 

“จนถึงทุกวันนี้ ผมกับวิลลี่ก็ยังเป็นคนไปขาย สปอนเซอร์เองทุกครั้ง เรียกว่าวางแผนการตลาดเอง แล้วไปพรีเซนต์กับเอเจนซี่ด้วยการแสดงให้ดูเลย เมื่อก่อนนี่มีการซ้อมกันก่อนไปขาย 1 วัน จำได้เลยว่าวันแรกที่ไปขายรายการสาระแน มีพี่เลี้ยงก็คือ พี่กิ๊กกับพี่ติ๊ก (ซูโม่กิ๊ก และ ติ๊ก กลิ่นสี) เป็นคนขายงานให้เราในครั้งแรก เชื่อมั้ยครับว่าแค่วันนั้นที่เราไปขายวันเดียว บริษัทเราอยู่ได้ 1 ปี”

 

เขาย้อนอดีตให้เราฟังถึงการเริ่มต้นของบริษัทลักษ์ 666 ว่าเริ่มมาจากเวลานั้น รายการยุทธการขยับเหงือกปิดตัวลง แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปทำงานต่างๆ กัน จะมีก็มีเพียงแค่เขากับเสนาเปิ้ลเท่านั้นที่ยังไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ จึงคิดจะตั้งบริษัทกัน แต่เนื่องจากไม่มีทั้งความรู้และเงินทุน จึงต้องไปปรึกษาซูโม่กิ๊กกับติ๊ก กลิ่นสี

 

“ช่วงนั้นเราไม่มีอะไรเลย แต่พี่ติ๊กกับพี่กิ๊กเขาไปทำบริษัท ทริปเปิ้ลทู จนสำเร็จแล้ว ผมกับพี่เปิ้ลก็เลยไปปรึกษา พี่ติ๊กก็แนะนำวิลลี่มา ตอนนั้นวิลลี่เขาเป็นพระเอกอันดับ 1 ของช่อง 3 เขาเป็นคนที่มีศักยภาพที่สุดที่สามารถจะขอเวลาของช่องได้ พอโทรติดต่อกัน คุยกันโอเค วันนั้นบริษัทลักษ์ก็เกิดขึ้น โดยพี่ติ๊กเป็นคนตั้งชื่อให้ อย่างเลข 666 เลข 6 ถือเป็นเลขที่ดีมากของวงการบันเทิง พอเอามารวมกันได้ 18 เลข 8 ก็เป็นเลขดีเรื่องการเงิน พอเอา 1 กับ 8 มาบวกกันก็ได้เลข 9 อีก ซึ่งก็หมายถึงการก้าวไปข้างหน้า

 

ก่อนหน้านี้บริษัทลักษ์เคยสร้างประวัติศาสตร์ในวงการโทรทัศน์ไว้ด้วยการเป็นบริษัทแรกที่สามารถขายโฆษณาในรายการวันหยุดนักขัตฤกษ์ได้ และยังเป็นรายการประจำวันหยุดอีกด้วย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้จะมีแต่การเหมาจ่าย ตัวรายการก็จะมีแต่นำรายการเก่าๆ มาฉายซ้ำ

 

“อย่างแรกของการไปขายสปอนเซอร์ก็คือ เราต้องเชื่อมั่นสินค้าของเราทุกครั้ง เรามีวิธีของเรา อย่างเราไปเสนอช่อง 3 ทำรายการ นั่งยางโชว์ ทุกวันหยุด แต่ก่อนมักจะบอกกันว่าวันหยุดคนออกไปเที่ยวต่างจังหวัด ไม่มีใครอยู่บ้านดูทีวี แต่ผมบอกแล้วเวลาไปเที่ยวเขานอนที่ไหน ก็ต้องอยู่ตามบังกาโล ก็ต้องมีทีวี มันเลยเป็นรายการแรกที่ขายโฆษณาได้เหมือนรายการวันธรรมดาจากนั้นก็มีรายการ ไอซียู ของเรา แล้วก็เลยมีรายการตามๆ มากันหมด

 

“ปีนี้เราขึ้นปีที่ 11 สิ่งที่เราใฝ่ฝันก็คือ เอนเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร แล้วปีนี้มันก็มาพอดี ทั้งหนัง นิตยสาร วิทยุ โดยทุกส่วนที่เราทำเรามีคาแรคเตอร์ก็คือ อารมณ์ดี อย่างนิตยสารเราก็อยากเสนอข่าวบันเทิงที่เป็นเรื่องจริง อารมณ์ดีไม่ใช่มีแต่เรื่องคนนั้นตบกับคนนี้ แต่ของเราเด็กอ่านได้ หรืออย่างวิทยุ Good FM ผมเองก็อยากทำคลื่นอารมณ์ดี มีทั้งเพลงไทย เพลงสากล”

 

เขาบอกกับเราว่า สิบปีที่ผ่านมา ถ้ามองในแง่ของบริษัท ก็คงเปรียบได้กับเด็กขึ้น ม.1 เท่านั้นเอง แต่ถ้าถามถึงตัวเขาเองในฐานะผู้ชายที่ชื่อเสนาหอย เขาบอกว่าเขามาได้ครึ่งทางแล้ว จากที่ตอน ม.5 เคยฝันว่าอยากจะมีรายการทีวีเป็นของตัวเอง ตอนนี้ก็มีแล้ว ที่เหลืออีกครึ่งนึงจึงเป็นการทำมันให้สำเร็จตามที่วางแผนไว้

 

“ชีวิตผมมีอยู่ 3 สิ่งที่ต้องทำให้ได้ หนึ่ง อยากกินต้องได้กิน สอง อยากซื้อต้องได้ซื้อ และสาม อยากไปต้องได้ไป คือบางคนก็ห่วงเรื่องสุขภาพจนเกินไป แต่ผมว่าจะให้นั่งรถเข็นไปผับตอนแก่ๆ ก็คงไม่ไหว ผมเองไม่เคยตรวจสุขภาพเลย ปีนึงๆ จะเข้าโรงพยาบาลก็แค่ครั้งเดียว เพราะช่วงปลายปีงานจะเยอะ แต่ทุกวันนี้ผมเล่นบอลทุก 5 โมงเย็น ใช้ชีวิตเป็นตารางเวลา ตื่น 9 โมงครึ่งถึงออฟฟิศ 10 โมง นั่งคุยเรื่องงาน พอ 4 โมงครึ่งปุ๊บ หยุดเลย ห้าโมงเตะบอล หนึ่งทุ่ม เข้าซาวน่า นอนสักพัก ตื่น 3 ทุ่มครึ่ง4 ทุ่มก็ออกไปเที่ยว ตีหนึ่งครึ่งกลับ ถึงบ้านตีสองสิบห้า ตีสามนอน แต่เชื่อมั้ยครับว่าไอเดียดีๆ หลายชิ้น ผมได้จากการนั่งคิดในผับ

 

“ถ้าวันนึงผมไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ผมก็อยากจะให้คนจดจำเสนาหอยในแบบที่เขาจดจำกันทุกวันนี้ ผมยังเคยคิดว่าผมเกิดมาโชคดีมาก เพราะทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก คนเห็นผมก็ยิ้ม เดินไปไหนก็มีแต่คนหัวเราะ เราเกิดมามีบุญนะที่ทำให้คนอื่นอารณ์ดีได้ขนาดนี้”

เราเคยเห็นผู้ชายคนนี้อยู่ในรายการยุทธการขยับเหงือก