สจวท เจ ราช

สจวท เจ ราช

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ด้วยความสามารถทางด้านภาษาของเขานี่เองที่ทำให้เขาได้ออกรายการยอดนิยมอย่าง เจาะใจหลังจากนั้นไม่นานก็มีทีมงานจากบริษัท JSL ติดต่อให้เขาไปเป็นพิธีกรรายการ เหนือชั้น 1,000 แปลก

 

“ผมคุยกับโปรดิวเซอร์ของรายการตลอดว่าเราจะทำอะไร บางเรื่องผมก็เลือกเอง สมมุติว่าเราอยากไปประเทศนี้ แล้วอยากให้มันคุ้มค่ากับงบประมาณ อย่างประเทศแรกที่เราไปก็คือ ไต้หวัน เราก็จะไปทำเรื่องผู้หญิงขายหมาก แต่ก็จะมีการหาเรื่องอื่นๆ ในประเทศนั้นด้วย

 

“ผมประทับใจอยู่ 2 ประเทศที่เพิ่งไปมาคือฟิลิปปินส์ เขาพาเราไปที่คุก นักโทษพันกว่าคนก็กำลังเต้น เชื่อมั้ยว่าระยะเวลา 3ชั่วโมงเลยนะ แต่มันเร็วมาก แล้วอีกประเทศหนึ่งที่ประทับใจก็คือตุรกี คนที่นั่นใจดีมาก เขาเป็นเหมือนประเทศที่เชื่อมตะวันออกและตะวันตก มีทั้งมัสยิดและโบสถ์ แล้วเราก็ได้ไปใกล้ๆ กับชายแดนอิรักกับซีเรีย แล้วก็เมืองโบราณที่ใช้ภาษาแบบพระเยซูคริสต์เมื่อ 3,000 ปี ประทับใจมากๆ”

 

สำหรับเขาแล้วเรื่องการเดินทางนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ปกติไปเสียแล้ว ถึงแม้ส่วนใหญ่จะอยู่ทางแถบเอเชียก็ตาม ยิ่งได้มาทำรายการด้วยแล้ว เขาบอกว่าช่วงนี้เดินทางถึงเดือนละ 20 วันเลยทีเดียว

 

สจวท เจ ราช คือหนุ่มลูกครึ่งอินเดีย-ออสเตรเลีย ที่หลงใหลในด้านของภาษามาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเดินทางที่ไหนเขาก็จะพูดภาษาหลักของแต่ละประเทศนั้นได้เกือบทั้งหมด จนมีคนร่ำลือกันว่าเขาสามารถพูดได้มากกว่า 20 ภาษา และอ่านได้กว่า 30ภาษา

 

“ภาษามันจะมีตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงระดับเจ้าของภาษา แต่ที่ผมรู้สึกสบายในการพูดคุยก็ประมาณ 10-15 ภาษา แต่ที่อ่านได้อย่างภาษาเกาหลี ผมอ่านได้หมด แต่การพูดผมอาจจะไม่คล่อง ได้แค่ระดับ 1 หรือ 2 แต่จะฟังรู้เรื่องเยอะกว่า ที่อ่านได้ก็ประมาณ30 กว่าภาษา ภาษาอินเดีย หรือญี่ปุ่นจะอ่านได้รู้เรื่องประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์”

 

นอกจากภาษาอังกฤษ อินโดนีเซีย สเปนนิช เดนนิช ฮินดี และอีกมากมายแล้ว ภาษาสัญลักษณ์อย่างภาษามือสากลเขาก็เรียนรู้มาเช่นกัน ส่วนสาเหตุที่เขาเก่งภาษานั้น คุณสจวทยกเครดิตให้คุณตาที่สอนเขาตั้งแต่เด็กจนตัวเองจำไม่ได้ว่าภาษาแรกที่พูดได้คือภาษาอะไร คุณตาของเขาจะสอนให้ใช้สมอง ซึ่งมีหลักง่ายๆ ว่าอย่าให้คำพูดมาตีกรอบของความหมาย

 

“พอมีการพูดมันจะกลายเป็นความรู้สึก ส่วนคำศัพท์ที่เราฟังไม่รู้เรื่องเราก็แปลจากภาษาอะไรก็ได้ เพราะเรานึกในระดับของความหมายเรา ไม่ได้นึกในระดับของคำศัพท์ ภาษาก็เป็นแค่เปลือกที่จะทำให้คนเข้าใจ เพราะทุกคนสามารถจินตนาการความหมายเดียวกันเป็นความรู้สึกได้ คุณตาผมยังได้สอนกลยุทธ์ของเปลือกอีกว่ามันใช้งานอย่างไร อย่างการใช้ปาก ลิ้น การเปลี่ยนแปลงภาษาระหว่างประเทศ เช่น ภาษาไทยกับภาษาลาว”

 

ทุกวันนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็ยังเรียนภาษาอยู่เหมือนเดิม อย่างไปตุรกีหรืออียิปต์เขาก็เรียนภาษาของประเทศนั้นๆ เขาบอกว่าคนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าแค่เรียนภาษาเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว ความคิดแบบนั้นจะทำให้ผู้เรียนจำกัดว่าตัวเองทำไม่ได้ ก็เลยไม่พัฒนาเรื่องภาษาสักที

 

“ผมว่าเราต้องหาสิ่งที่มากระตุ้น ให้เรามีความสุขกับภาษานั้น เช่นการหาเพื่อนๆ ทาง Facebook หรือ MSN ไม่ใช่แค่บอกว่าอยากเรียน แล้วที่สำคัญอย่าอาย เราต้องเป็นคนที่ไม่กลัวการหน้าแตก”

 

ด้วยความที่เขามีความสามารถทางด้านภาษาหลากหลาย อีกทั้งยังมีความเข้าใจในวัฒนธรรมหลายๆ ประเทศเป็นอย่างดี งานของเขาจึงเหมือนเป็นกันชนที่ปรึกษาระหว่างประเทศ เช่น การเจรจาระหว่างบริษัทที่กำลังไปลงทุนในประเทศหนึ่ง ก็ต้องมีเขาเป็นคนกลางในการต่อรองเรื่องต่างๆ

 

“อย่างบริษัทยาเขาก็จะมาสอนผมเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องยา แล้วจะส่งผมไปคุยกับผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจในประเทศนั้นๆ ถ้าเป็นบริษัทน้ำมันเขาก็จะสอนผมในเรื่องของความปลอดภัยกับสิ่งแวดล้อม ผมจะถูกส่งไปเป็นคนกลางที่คอยสร้างความสัมพันธ์กับคนทุกระดับ ถ้าบริษัทน้ำมันทำงานล่าช้าวันหนึ่งอาจจะเสียเงินถึง 20 ล้านเหรียญ แต่ในเมื่อผมอยู่ตรงนั้น ผมก็จะใช้ภาษาถิ่นให้เป็นประโยชน์ พอแก้ปัญหาทันก็สามารถประหยัดเงินไปได้”

 

งานอีกอย่างหนึ่งของเขาก็คือการแปลภาษา โดยเขาร่วมงานกับบริษัทมิสยูนิสเวิร์ส ของเวทีนางงามจักรวาล โดยเขาเองรับหน้าที่แปลภาษาในแถบเอเชียอย่าง จีน ไทย และอินโดนีเซีย เป็นหลัก

 

“คุณตาผมสอนว่าให้ทำในสิ่งที่เรารัก การทำงานของผมมันคือการพักผ่อน อย่างการทำงานกับสาวๆ ระดับนางงามจักรวาลนี่ไม่ใช่การพักผ่อนเหรอ (หัวเราะ) ออกไปชิลล์ๆ ที่บาร์แล้วก็เล่นเปียโน ไปเดินทาง เจอในสิ่งที่สุดยอด ผมคิดว่าผมโชคดีมาก”

วันอังคารหลังละคร ช่อง 5 มีรายการชื่อแปลกๆ ว่า “เหนือชั้น 1,000 แปลก”