Rolex

Rolex

กลับมาพบกันอีกครั้งในเดือนนี้ อยากจะนำเสนอเรื่องราวของนาฬิกาแบรนด์ยอดนิยมของคนรักนาฬิกาทั่วโลกอย่าง Rolex ซึ่งในงานแสดงนาฬิการะดับโลกอย่าง Baselworld ที่จะมาถึงในปีนี้ Rolex ถูกจับตามองว่าจะมีนาฬิการุ่นใหม่รุ่นใดบ้างออกมาเรียกเสียงฮือฮาจากนักสะสม

แม้จะมีปริมาณการผลิตนาฬิกาออกสู่ท้องตลาดเฉลี่ยแล้วกว่าปีละ 800,000 เรือน แต่ Rolex ก็วางแผนที่จะนำเสนอนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ ๆ ออกสู่ท้องตลาด ไม่น่าเชื่อ
นะครับว่ากว่าที่จะผลิตนาฬิการุ่นใหม่ ๆ ออกมาได้สักโมเดลนั้น Rolex จะใช้เวลาในการวิจัยสำหรับแต่ละรุ่นเป็นเวลาประมาณ 6-7 ปี
เลยทีเดียว ที่ต้องใช้เวลานานเช่นนั้นก็เพื่อให้นาฬิกาทุกเรือนที่ได้ถูกสร้างออกมาแล้วต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานที่มีความน่าเชื่อถือสูงในแบบของพวกเขานั่นเอง

บ่อยครั้งที่ในงาน BaselWorld แต่ละปี
เรามักจะได้เห็น Minor Change เกิดขึ้นกับนาฬิกาของ Rolex อยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น
การออกแบบสีหน้าปัดใหม่ ๆ ออกมาหรือ
จะเป็นการมีรายละเอียดใหม่ ๆ เพิ่มเติมบนขอบ Bezel หรือแม้แต่การดีไซน์สายของตัวเรือนให้มีหน้าตาแตกต่างไปจากเดิมรวมทั้งการ
เพิ่มขนาดของตัวเรือนให้ใหญ่มากขึ้นตามสมัยนิยม

โมเดลยอดนิยมในอดีตอย่าง Rolex
GMT-Master II กำลังจะกลับมาสร้างความตื่นเต้น
ให้กับผู้หลงใหล Rolex ทั่วโลกด้วยรูปทรง
ที่บึกบึนและดูสวยงามลงตัวมากกว่าเดิม โดยมาพร้อมกับขอบ Bezel ที่เป็นเซรามิกและสายตัวเรือนแบบเงาสลับด้าน

นอกจาก GMT-MASTER II ที่ถือว่ามีแฟนรอยลโฉมและได้ครอบครองกันอยู่ทั่วโลกแล้ว
นาฬิกาในสายดำน้ำอย่าง SEA DWELLER
ก็ได้เวลาฉลองครบรอบ 50 ปีของการได้
ถือกำเนิดในโลกนี้

แม้ประโยชน์จากการค้นคว้าของ Rolex สำหรับนาฬิกาที่ใช้ในการสำรวจใต้ทะเลลึก
มาก ๆ อย่าง SEA DWEELER จะมีประโยชน์
อย่างยิ่งสำหรับการใช้งานจริง แต่เกือบร้อยละ 80
ของผู้ครอบครองนาฬิการุ่นนี้มักจะสวมใส่สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันกันมากกว่า

การแต้มสีแดงบนหน้าปัดทำให้มูลค่าในตลาดมือสองของนาฬิการุ่นคลาสสิกของ SEA
DWELLER มีราคาที่สูงมาก ๆ โดยจะมีการแบ่งเป็น
แต้มสีแบบแถวเดียวหรือ Single Red และ
แต้มสองแถบหรือ Double Red

ย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว Rolex ยังสามารถ
สร้างให้ SEA DWELLER ลงไปสำรวจใต้ทะเลลึก
ที่ระดับไม่เกิน 500 m หรือ 1,650 ft เท่านั้นและยังไม่ได้มี ฮีเลี่ยม วาล์ว เหมือนกับนาฬิการุ่นปัจจุบันที่สามารถรับมือกับแรงดันขณะขึ้น
สู่ผิวน้ำได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากและยังสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 1,220 m หรือ 4,000 ft

และอย่างที่ผมพูดถึงการเปลี่ยนแปลง
รายละเอียดบางแง่มุมที่เกิดขึ้นทำให้ Rolex
ได้ตัดสินใจสร้าง SEA DWELLER เวอร์ชั่นพิเศษขึ้นมาอีกหนึ่งเวอร์ชั่นสำหรับการเฉลิมฉลอง
ครบรอบ 50 ปีของนาฬิการุ่นพิเศษนี้ด้วยการมีรุ่นที่ตัวเรือนทำจาก White Gold และมีการแต้มสีฟ้าบนแถวแรกของหน้าปัด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้น
มาก่อนกับนาฬิการุ่นนี้

นอกจากสองรุ่นที่กล่าวมา อีกหนึ่งรุ่นที่จะปรากฏโฉมในปี 2017 นี้ อีกหนึ่งรุ่นที่จะมี Minor Change เกิดขึ้นด้วยก็คือ EXPLORER II ที่แต่ไหน
แต่ไรมาขอบตัวเรือน หรือ Bezel จะถูกสร้างขึ้นจากสแตนเลสและหมุนขอบไม่ได้

การเปลี่ยนมาใช้ Bezel ที่เป็นเซรามิกเหมือนกับเป็นการพลิกโฉมหน้าของ EXPLORER II ให้ดูสดใหม่จากเดิมอย่างสิ้นเชิง ใครที่เคยเก็บสะสมนาฬิการุ่นนี้คงมีอะไรใหม่ ๆ ให้ได้ตามหามาไว้ในครอบครองกันอีก เพราะนี่คือหนึ่งในรุ่นที่สร้างชื่อให้กับ Rolex มากที่สุดเมื่อตอนที่มีนักไต่เขาสวมใส่นาฬิการุ่นนี้พิชิตยอดเขาอย่าง Everest มาแล้วเมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมา

แน่นอนครับว่า EXPLORER II เวอร์ชั่นของปี 2017 จะมาพร้อมกับทางเลือกสีหน้าปัดสองสีเหมือนเดิมคือ สีขาวและสีดำ ตัดกับชุดเข็มบอกเวลา Second Time Zoneเป็นสีส้มที่เป็นเอกลักษณ์ของ EXPLORER II

ปี 2017 สำหรับหลาย ๆ คนอาจจะเป็นปีแรกที่เริ่มมาสะสมและศึกษาเรื่องราวของนาฬิกาแบบจริงจัง เพราะนอกจากความงามที่ได้สัมผัสจากรูปโฉมภายนอกแล้ว การเล่นและสะสมนาฬิกายังเป็นการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยเพราะสามารถจะให้ทั้งความสุขใจและกำไรติดมือกลับมาเมื่อมีการแลกเปลี่ยนหรือซื้อขายอย่างที่ได้เห็นกันรอบตัวในทุกวันนี้นั่นเองครับ

Rolex @Baselworld 2017