The Legend of

The Legend of

หากพูดถึงนักร้องผิวสีในอดีตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน คนที่มีอายุราว ๆ 30 กว่า ๆ หลายคนมักจะพานึกไปถึง Michael Jackson ราชาแห่งเพลงป็อป (แม้ภายหลังผิวสีเขาจะเปลี่ยนเป็นผิวขาวก็ตาม) เมื่อย้อนกลับไปอีก หลาย ๆ คนก็จะพาไปนึกถึง Nat King Cole เจ้าของเพลงที่มีชื่อเสียงอย่าง Unforgettable, L-O-V-E, For Sentimental Reason หรือ When I fall in love แต่ยังมีชายอีกคนหนึ่งครับ ที่เป็นตำนานแห่งเสียงเพลง ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจลืมชายผู้นี้ไปแล้ว และบางคนก็อาจจะไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ แต่ผมเชื่อว่าเมื่อบทเพลงของเขาถูกเล่นขึ้นมาเมื่อไร ทุกคนจะร้องอ๋อขึ้นมาทันที ชายคนนี้เป็นเจ้าของบทเพลงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกเพลงหนึ่ง เพลงนี้มีชื่อว่า What a wonderful world และชายผู้นี้มีชื่อว่า Louis Armstrong ตำนานอีกหนึ่งบทที่จะมาเล่าขานให้ท่านผู้อ่านได้ฟังกันครับ

Louis Armstrong เป็นนักดนตรีผิวสีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตนอย่างมาก ทุกครั้งเวลาขึ้นคอนเสิร์ตเมื่อเป็นผู้ร้องนำเขาจะขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มที่ฉีกกว้าง กว้างมากจนแทบจะเห็นฟันทุกซี่ของเขา พร้อมขึ้นต้นร้องเพลงด้วยเสียงที่ Flat ทุ้ม ต่ำ แต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ การแสดงบนเวทีของเขาได้สร้างความสุขแก่ผู้ชมให้เป็นที่จดจำ แต่คงไม่มีใครสามารถ เดาได้ว่าภายในลึก ๆ แล้วเขาผ่านอะไรมาบ้าง 

Louis Armstrong เกิดที่เมืองนิวออร์ลีน รัฐหลุยเซียนา ในย่านสลัมคนผิวดำ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ.1901 ชีวิตเขาไม่ได้สวยงามเรียบหรูเหมือนคนอื่น ชีวิตค่อนข้างที่จะยากแค้นทรหดเสียด้วยซ้ำ พ่อของเขาทิ้งเขาไปตั้งแต่เขายังเล็ก ส่วนแม่ของเขาทำอาชีพโสเภณี ชีวิตของเขาได้ถูกเลี้ยงดูโดยย่าของเขามาจน 5 ขวบ จึงได้มีโอกาสย้ายกลับมาอยู่กับแม่ของเขาอีกครั้ง 

Louis ได้เริ่มต้นหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เด็ก ทำงานทุก ๆ อย่างที่เด็กสามารถทำได้ ตั้งแต่เด็กส่งหนังสือพิมพ์ ไปจนถึงเป็นลูกจ้างขนถ่านหิน เพื่อที่จะให้แม่ของเขาเลิกอาชีพโสเภณี แต่อย่างไรก็ตามด้วยรายได้ที่น้อยเขาก็ไม่สามารถบังคับให้แม่เขาเลิกได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ปลอบประโลมจิตใจและเป็นที่ชื่นชอบของเขานั่นก็คือเสียงดนตรี เขาชอบไปเตร็ดเตร่อยู่ตาม Music Hall ดูผู้คนเต้นรำ คอยฟังการร้องเพลง จนในที่สุดเขาก็ได้เลือกทำในสิ่งที่เขาชอบโดยการไปเป็นนักร้องวงประสานเสียงของเด็ก ๆ ได้ร้องเพลงตามที่สาธารณะ ซึ่งนอกจากจะได้ร้องเพลงแล้ว เขายังพอมีรายได้อีกด้วย 

จนมาถึงอายุ 13 ปี ได้มีเหตุที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเขาได้ก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าด้วยความคะนอง เป็นเหตุให้ถูกจับกุม และถูกส่งไปคุมประพฤติที่สถานคุ้มครองเด็ก แต่ก็เป็นที่นี่แหละครับที่ทำให้เขาได้เรียนเป่าคอร์เน็ต (Cornet) ในวงดนตรีของบ้านคุ้มครองเด็กนั่นเอง

เมื่อ Louis ได้ออกมาจากบ้านคุ้มครองเด็ก เขาก็รู้ความต้องการของตนเอง และเขาก็ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า เขาเลือกที่จะประกอบอาชีพเป็นนักดนตรี เขาได้ตระเวนรับจ้างเล่นดนตรีเล่นดนตรีเป่าทรัมเป็ตและคอร์เน็ต ทั้งตามร้านอาหาร หรือตาม Night Club ต่าง ๆ ในย่านนิวออร์ลีน และเก็บเกี่ยวประสบการณ์เรื่อย ๆ จากนักทรัมเป็ตชื่อดังหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็น Bunk Johnson, Buddy Petit, Kid Ory จนราว ๆ ในปี 1919 เขาได้พบกับ Joe “King” Oliver นักคอร์เน็ตและหัวหน้าวงแจ๊สชื่อดังที่สุดในสมัยนั้น Joe เปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของ Louis และได้ชักชวนให้เขามาร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกวงโดยเริ่มแรกให้ทำหน้าที่เป่าทรอมโบน จนกระทั่งสถานเริงรมย์ในเมืองนิวออร์ลีนถูกทางการสั่งปิด อาร์มสตรองจึงหันมาเล่นดนตรีในเรือสำราญล่องแม่น้ำมิสซิสซิปปี จากนั้นโอลิเวอร์ชวนเขาไปร่วมวง “Creole Jazz Band” ของเขาที่เมืองชิคาโก และออกทัวร์ไปเรื่อย ๆ ตระเวนไปเล่นดนตรีในรัฐต่าง ๆ สะสมประสบการณ์สะสมชื่อเสียงของตนเองย้ายตัวเองไปเล่นให้วงต่าง ๆ จนในที่สุด เขาก็กลับมาที่ชิคาโกเหมือนเดิมพร้อมวงของตัวเองที่มีชื่อว่า “ฮ็อต ไฟว์” (Hot Five) โดยออกแผ่นเสียงกว่า 60 ซีรีส์ อย่างเช่น “Potato Head Blues”, “Muggles” และ “West End Blues”

จนในปี 1959 Louis ได้ประสบปัญหาเรื่องการสบฟันและข้อนิ้วที่แข็ง จึงเลิกการเป่าทั้งทรัมเป็ตและคอร์เน็ต หันมาพัฒนาการร้องของตนเอง จนเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียง ซึ่งเอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของเขาและถือเป็นไฮไลท์ของโชว์ในแต่ละค่ำคืนนั่นก็คือ เขามีเทคนิคการเปล่งเสียงเลียนเสียงเครื่องดนตรีที่เรียกว่า “สแก็ท” (Scat Vocal) ด้วยปากเปล่าให้เป็นเพลง ซึ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจและเป็นที่ชื่นชอบแก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก 

เขาถือเป็นนักร้องผิวสีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก มีเพลงที่ติดตราตรึงใจเป็นตำนานอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น What a wonderful world, When You’re Smiling, La vie en rose ซึ่งนับจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันก็ยังคงนำเพลงของ Louis มา Cover และประกอบภาพยนตร์อยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง Louis ยังเป็นนักร้องนักดนตรีต้นแบบและต้นตำรับให้กับนักร้องนักดนตรีแจ๊สผิวสีในยุคหลัง ซึ่งรวมไป Nat King Cole อีกด้วย และที่สำคัญ Louis Armstrong ยังเป็นนักร้องผิวสีที่ชาวอเมริกันผิวขาวยอมรับ และได้เป็นนักร้องผิวสีคนแรกที่ได้ไปออกรายการทีวีของคนขาว ในยุคสมัยที่มีความขัดแย้งทางสีผิวมากที่สุดอีกด้วย 

Louis Armstrong เสียชีวิต ที่นครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 1971 รวมอายุได้ 69 ปี ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ภายหลังการเสียชีวิต มีการสร้างสนามบินโดยใช้ชื่อเขาว่า “Louis Armstrong New Orleans International Airport” และมีการสร้าอนุสาวรีย์สวนสาธารณะเพื่อรำลึกถึงเขาหลายแห่งในเมืองนิวออร์ลีนบ้านเกิดของเขาอีกด้วย สิ่งพิเศษของ Louis Armstrong อีกสิ่งหนึ่งก็คือ เพลงทุกเพลงของเขานั้นฟังแล้วล้วนสร้างความสุข 

หากใครมีความคิดที่ท้อแท้ ผิดหวัง ผมหวังว่าบทเพลงของ Louis Armstrong จะเป็นดนตรีบำบัดให้กับท่านได้ และในเวลานี้ที่ภรรยาผมตั้งท้องลูกผมอยู่ ผมก็ไม่พลาดที่จะเปิดเพลงดี ๆ ของ Louis Armstrong ให้ลูกผมฟัง สำหรับ MiX Legend ฉบับนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ 

 

Louis Armstrong