การเดินทาง  ศิลปะ และการให้

การเดินทาง ศิลปะ และการให้

ในวันที่พบว่าจุดที่ยืนอยู่นั้นมันไม่ตอบโจทย์ชีวิต การกลับมามองที่ความต้องการของตัวเอง แล้วฟังเสียงจิตวิญญาณที่ชัดเจนในตัวตน สองขาที่พร้อมจะก้าวไปในทิศทางที่แตกต่าง คล้ายกับว่ามันคือการเริ่มต้นที่พร้อมจะเชื่อมโยงสู่โลกใบใหม่ และพร้อมที่จะบอกกับทุกคนว่า ... เพียงแค่ก้าวเท้าออกจากจุดที่ยืนอยู่ ก็ถือว่าการเดินทางได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ...

นี่คือจุดเริ่มต้นของสามหนุ่มสาวผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการเรียนรู้ จ๊ะจ๋า-อาภามาศ เบ็ญพาด, ต้า-ศักดิ์สิทธิ์ ภัทรประกฤต และ เอก สุวรรณรัตน์ เพื่อนสนิทในรั้วธรรมศาสตร์ที่จับมือกันออกเดินทางจากเหนือสุดแดนสยามสู่ประเทศลาว ด้วยระหว่างการเดินทางได้พบเรื่องราวที่น่าแบ่งปัน จึงได้ก่อตั้งเพจ Go Went Gone เพื่อรวบรวมและเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่พบเจอ

“พอมาถึงจุดหนึ่งของการเที่ยว พวกเรามานั่งคุยกันว่าการที่เราได้มารู้จักกันขนาดนี้ เราน่าจะให้ค่าของมิตรภาพของเราได้มากกว่าการมาเจอ มาเที่ยวกัน เราเลยแชร์เรื่องราวจากการไปเที่ยวลงในเฟซบุ้ค พูดถึงแรงบันดาลใจ วิธีการเดินทางแบบที่เราไม่เคยทำอย่างการโบกรถไปเรื่อยๆ ทำให้เราได้เห็นชีวิตผู้คน

“เมื่อถึงเวลาหนึ่งกับบริบทที่เปลี่ยนไป ก็มาคุยกันอีกว่า เรามีความสามารถอะไรกันบ้าง ประจวบเหมาะที่ช่วงนั้นใกล้วันเด็ก เราเรียนมาทางด้านสิ่งทอ มีทักษะการย้อมผ้าอยู่ บวกกับมีคนที่สามารถเอ็นเตอร์เทนคนได้ เราเลยลงมือจัดงานเวิร์คช็อป สอนทำมัดย้อม พอทำเสร็จก็มีคนมาอุดหนุน เราก็นำเงินส่วนนั้นเป็นทุนไปซื้อตุ๊กตาให้เด็กที่ป่วยเป็นมะเร็งในโรงพยาบาลเด็ก นั่นถือเป็นโปรเจ็กต์แรกที่แทบจะสมบูรณ์ครบถ้วนในสิ่งที่เราต้องการ การเดินทางครั้งนี้มันจึงไม่ได้เป็นแค่การเดินทางที่ออกไปแล้วจบลง แต่มันคือการเดินทางที่ก่อให้เกิดเป็นสิ่งที่เราสามารถใช้ความรู้ทางศิลปะมาร่วมด้วย ได้สร้างความสุขให้คนในพื้นที่ จนเกิดเป็นรายได้และสามารถส่งต่อให้คนอื่นไปได้อีก เพื่อสังคมด้วย

“ตอนแรกเรายังไม่คิดว่าจะทำเพื่อสังคมขนาดนั้น แรกเริ่มแค่อยากทำ เราทำอะไรได้บ้างเมื่อออกจากบ้าน ใช้ศิลปะเป็นพื้นฐาน ประเด็นหลักเลยขอให้เราทำแล้วมีความสุข เมื่อเราเห็นคนอื่นยิ้มได้ เราก็ยิ้มได้ หลังจากนั้นก็มาคิดให้เป็นรูปเป็นร่าง โปรเจ็กต์ต่างๆ เลยเกิดขึ้นตามมา ซึ่งเราก็ทำให้มันตอบโจทย์ตัวเรา และคนที่เราให้ เรียกได้ว่าเป็นการส่งต่อ”

โปรเจ็กต์ของ Go Went Gone นั้นสามารถเข้าถึงทุกเพศทุกวัยได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการสอนทำผ้ามัดย้อม, สอนทำภาพพิมพ์จากสีธรรมชาติให้แก่เด็กๆ, ผลิตถุงยังชีพเพื่อคนไร้บ้าน และงานพัฒนาผลิตภัณฑ์สิ่งทอที่สุรินทร์ ซึ่งรายได้ของแต่ละโครงการนั้นมีทั้งส่วนที่มาจากการต่อยอดจากโครงการหน้านั้น ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทางภาครัฐ และองค์กรต่างๆ อีกด้วย และเป้าหมายที่สำคัญของพวกเขาก็คือการกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมกันมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ 

“เมื่อมีโครงการจัดประกวดแผนธุรกิจพัฒนาสังคม เราก็ส่งแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปยังสุรินทร์ เป็นหมู่บ้านทอผ้า งานหลักของเขาคือทำนา แต่งานเสริมของเขาคือทอผ้า เราก็นำความรู้เรื่องพัสตราภรณ์ แฟชั่นต่างๆ มาประยุกต์แปรรูปผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้น เช่น พวงกุญแจ ปลอกหมอน สร้อย กำไร ออกแบบลายผ้าไหมในหลากรูปแบบ ทุกวันนี้คนทอผ้ามักจะมีแต่ผู้สูงอายุ คนรุ่นใหม่ไม่มีเลย เพราะพวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว พอเราลงมาจัดทำแผนการที่นี่ มันเหมือนเป็นการลดช่องว่าง ทำให้เด็กในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น เด็กๆ ก็จะสนุกสนานเวลาเห็นกรรมวิธีการย้อมผ้า อย่างน้อยเราก็สามารถทำให้เด็กกลุ่มนี้มีความสนใจเรื่องการทอผ้ามากขึ้น

“อีกหนึ่งความท้าทายของงานเราคือ ทุกคนมีงานประจำทำกันหมด เวลาเราจะไปทำอะไรส่วนมากก็สะดวกวันเสาร์อาทิตย์ มีเวลาเตรียมงานน้อย มันจะมีข้อจำกัดยิบย่อย สองกระบวนการคิดงานของพวกเราก็แตกต่างกันไป แต่เราสามารถคุยกันได้ เพราะว่าพื้นฐานเรามาจากความเป็นเพื่อน กล้าพูดกล้าคุยกันตรงๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการอยู่ร่วมกัน

“บางครั้งโจทย์งานที่เราไปเจอ เป็นงานที่เราอยากทำ แต่เงื่อนไข กฎข้อบังคับเยอะ บางทีเราก็ท้อเหมือนกัน เรายังโชคดี พอคนไหนแย่ก็ช่วยดึงกันขึ้นมา ด้วยความที่เรามีความชอบเหมือนกัน จากวันแรกที่เราชอบในการเดินทาง มาวันนี้เราก็ชอบที่จะให้ แล้วเราก็เรียนรู้มาทางด้านศิลปะเหมือนกัน มันก็เป็นส่วนผสมที่ลงตัว เวลาเราจะลงมือทำอะไรบางอย่าง มักจะตั้งอยู่บนพื้นฐานสามอย่าง มีศิลปะ การเดินทางและการให้ เพราะเราเชื่อว่า Go Went Gone ทำได้ทุกอย่าง

“มีคนถามว่าพวกเราเลี้ยงองค์กรกันแบบไหน เราก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะเราเลี้ยงตัวเองด้วยความสุข ความพอใจ เงินเป็นเรื่องรอง คือเราอยากทำอะไรก็ทำ ทำให้ตัวเองมีความสุข อะไรที่ไม่มีความสุขก็ไม่ทำ จริงๆเราก็ไม่ได้เป็นเพื่อสังคมเสียทีเดียว เราทำเพื่อตอบสนองความต้องการของเรา แต่บังเอิญว่าความต้องการของเราได้ช่วยเหลือสังคมได้พอดี

“ก็คิดกันไว้ว่าอีก 10 ปี Go Went Gone อาจเปิดโรงเรียนสอนศิลปะ เหมือนเป็นศิลปะอีกหนึ่งทางเลือก คือมาทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นการจัดการทั้งกระบวนการ ไม่ได้จัดการทั้งการเรียนการสอน ทุกกิจกรรมที่เราสร้างขึ้นคือกระบวนการ มันมากกว่าผลลัพธ์ที่ได้ อยากทำงานร่วมกับคน พัฒนาไปทั้งตัวเขาแล้วตัวเราด้วย” 

Know We

โปรเจ็กต์ ‘ถุงยังชีพเพื่อคนไร้บ้าน’ กำลังพัฒนาให้เป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ ผู้คนสามารถระดมทุนสร้างได้ ซึ่งในหนึ่งถุงจะมีของใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งมอบให้แก่คนไร้บ้าน ทั้งละแวกตัวเมืองกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล เพราะเชื่อว่าคนไร้บ้านมักเป็นสังคมที่ถูกลืมเสมอ

Go Went Gone ยังมีสมาชิกอีกหนึ่งคนที่คอยให้การสนับสนุนเป็นเบื้องหลังอยู่ที่นิวยอร์ก

Go Went Gone มีแพลนจะแสดงละครเพื่อสังคมเร็วๆ นี้

ติดตามการเดินทางของพวกเขาได้ที่ www.facebook.com/gowentgonevoyager

Go Went Gone