วิลลี่ แมคอินทอช

วิลลี่ แมคอินทอช

วิลลี่ หรือ เริงฤทธิ์ แมคอินทอช ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ผู้สวมบทบาทนักแสดง นายแบบ พิธีกร พรีเซ็นเตอร์โฆษณา ปัจจุบันเป็นประธานบริษัทลักษ์ 666 ผลิตรายการทีวี ละคร วิทยุคลื่น 98.5 GOOD FM ภาพยนตร์และหนังสือ เขาคือพี่ชายของเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิงอย่าง คัทลียา แมคอินทอช ปัจจุบันสมรสกับเยลหลี แมคอินทอช เรามักจะคุ้นกับรายการที่เขาและเพื่อนร่วมกันสร้างสรรค์ อาทิ รายการนั่งยางโชว์ รายการบางอ้อ รายการบางจะเกร็ง รวมไปถึงผลงานล่าสุดของกลุ่ม “ลักษ์ฟิล์ม” กับภาพยนตร์เรื่อง “สาระแนสิบล้อ” นำแสดงโดย มาริโอ้ เมาเร่อ ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่จะมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มร่วมกับเหล่าสาระแน รับประกันขำกลิ้งรับหน้าร้อน

 

นั่นคือเบื้องหน้า แต่เบื้องหลังของความคิด คำคม อุดมคติ จากฟากฟ้ามาสู่แดนดินและดำดิ่งสู่ห้วงทะเลของเขาที่บอกว่าทุกลมหายใจไม่ใช่ธุรกิจเสมอไป บัดนี้คัมภีร์แห่งชีวิตหน้าแรกกำลังจะถูกเปิดขึ้นแล้ว

 

ละครสะท้อนชีวิต

“ตอนเด็กๆ ผมอยู่กับคุณพ่อและคุณแม่ ตอนเย็นเลิกเรียน จากโรงเรียนย่านเอกมัย ผมก็เดินกลับบ้านกับน้องสาวกัน 2 คน พอถึงบ้านห้าโมงเย็น ก็จะมีคนมาส่งปิ่นโต เพราะเราไม่มีแม่บ้าน คุณพ่อเป็นนักบิน ก็จะไปบินอยู่ต่างประเทศ คุณแม่ทำงานอยู่ที่การบินไทย เราทั้งคู่ก็จะเรียนเปียโน บ้างก็หุงข้าวกินกันเองกับอาหารปิ่นโต บางคืนคุณแม่ก็กลับบ้านดึก เราก็จะอยู่กันอย่างนี้

 

“ชีวิตผมมันไม่เหงา ไม่อ่อนไหว ไม่สำออยกับชีวิต เพราะยังมีคนอื่นลำบากกว่าเราเยอะ สิ่งที่คุณแม่สอนตลอดเวลา เมื่อเขามีเราเขาไม่เหลือตัวเขาแล้วนะ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกทั้ง 2 อยู่รอด แล้วมีชีวิตที่ดี ที่ผมได้ไปเรียนเมืองนอก มันก็เป็นการสอนที่ท่านบอกว่า เวลาตรงนี้ที่ลูกๆ ทำงานมีเงินมาทั้งหมด นำมาฝากแม่ไว้ แล้วเดี๋ยวแม่จะส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ลูกไปอยู่กับน้าที่อเมริกา เงินตรงนี้จึงเป็นส่วนของค่าเล่าเรียนไป น้าก็จะออกค่ากินค่าอยู่ให้ เราก็เรียนที่นั่นจนจบ

 

“ในระหว่างทางมันมีอุปสรรคเยอะ แต่ผมก็ไม่เห็นคุณแม่ท้อ หรือมีข้ออ้างอะไร ดังนั้นเราต้องทำตัวเราให้เป็นคนที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงจุดหนึ่งแล้ว เราจะพลาดไม่ได้ ผมไม่อยากทำให้พ่อกับแม่เสียใจ เพราะท่านทุ่มเทมากับเราขนาดนี้ ชีวิตทุกชีวิตย่อมมีอุปสรรคหมด แต่เขาไม่ยอมแพ้ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ติดตัวผมมาถึงทุกวันนี้ สำหรับผม ผมอยากได้เงินเมื่อไร ผมก็จะให้สตางค์กับแม่ สมมุติผมอยากได้โฆษณาสัก 5 ล้าน ผมก็จะให้แม่ 5 แสน เดี๋ยวเงินมันก็จะมาเอง ไม่เชื่อลองดูสิครับ (หัวเราะ)

 

“เพราะพ่อกับแม่รักและทุ่มเทให้กับลูกทุกคน มันจะสอนเราเองว่า เราจะไม่เห็นแก่ตัว เพราะทุกวันนี้ต้องปากกัดตีนถีบกันหมดทั้งเด็กทั้งวัยรุ่นในสมัยนี้ เพื่อต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมที่มันค่อยๆ เสื่อมลงไปเรื่อยๆ ทุกวัน พระพุทธเจ้าเคยบอกเอาไว้ว่า วันหนึ่งมันจะเสื่อมจนคุณรับไม่ได้ จากนั้นเราก็จะฆ่ากันเองหมด แล้วมันก็จะล้างโลก เรารู้อยู่ว่าสักวันหนึ่ง มันจะเดินทางมา เดี๋ยวนี้มันเสื่อมขึ้น ยางอายมันไม่มีแล้ว แต่ถ้าเราเริ่มต้นที่ตัวเรา เราต้องไม่เห็นแก่ตัวก่อน อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ต้องเอากฎเกณฑ์เป็นที่ตั้ง กฎเกณฑ์เขาสอนมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวด แล้วมันจะถ่ายทอดต่อไปให้ลูกให้หลาน ฉะนั้นถ้าเราอยากได้อะไร เราทำให้คนอื่น ทำให้ตัวเองแล้วมันจะได้อยู่แค่นั้น แต่ทำให้คนอื่น เราจะได้เท่าตัว มันถึงได้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

 

“ผมเองก็ทำเพื่อพ่อ เพื่อแม่และเพื่อน้อง ทำไปแล้วมันจะได้กลับมาเอง ไม่ได้หมายความว่าผมคิดการณ์ไกล แอบทำโน่นแอบทำนี่ ผมบอกได้เลยว่าทั้งหมดที่ได้มาถึงวันนี้ เป็นโอกาสที่อยู่ดีๆ มันเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องตั้งใจทำให้ดีแค่นั้นเอง แต่ถ้าคุณตั้งใจทำเพื่อตัวเองก่อนเลย อย่างนั้นตัวใครตัวมัน แบบฝรั่งก็จบ ต้องตัดหางปล่อยวัดตั้งแต่วัยรุ่นเลย เมื่อถึงตอนแก่ชราแล้วค่อยมาเจอกัน เราไม่ได้อยู่ในสังคมแบบนั้น ของดีๆ เราเก็บเอาไว้ ของไม่ดีอย่าเอาเข้ามา

 

“หากสังเกตดู สมัยก่อนเวลาเราดูหนัง เราจะมองพระเอกเป็นไอดอล เราต้องเป็นแบบนั้นให้ได้ แต่เดี๋ยวนี้ เราเริ่มอยากเป็นผู้ร้ายหรือเป็นตัวอิจฉามากกว่าเป็นพระเอก นางเอก คล้ายๆ กับดูละคร การดูละครมันสะท้อนสังคมเราจริงๆ ละครมันจะไม่โด่งดังหากมันไม่ใกล้เคียงชีวิตกับชีวิตจริง อย่าไปคิดว่ามันน้ำเน่านะ นั่นล่ะมันคือชีวิตจริงของเรา นางเอกสุภาพเรียบร้อยที่โดนกระทำในสมัยก่อน แต่เดี๋ยวนี้นางเอกมันลุกขึ้นมาตบอีนางอิจฉาแล้ว นั่นคือสังคมปัจจุบัน ที่มันไม่ยอมกันแล้ว พระเอกสมัยนี้ ต้องเจ้าเล่ห์ต้องโหดร้ายบ้างเล็กน้อย มีตบมีตีนิดๆ โอ้โห ผู้หญิงชอบแบบแบดบอย (หัวเราะ) นั่นคือสิ่งที่สะท้อนสังคมออกมา เราก็ต้องยอมรับความจริงว่าสังคมมันไปทางไหนแล้ว”

 

จากฟากฟ้าสู่แดนดิน

“ในวัยเรียนตอนนั้น ผมอยากจะเป็นสัตวแพทย์ แต่มันค่อนข้างเสียเวลา เพราะต้องเรียนถึง 8 ปีเหมือนหมอจริงๆ มันเสียเวลาตรงนั้นมาก แล้วผมไม่มีเงินเก็บพอ มันต้องรีบจบภายใน 4 ปี แล้วรีบมาทำงาน เพราะที่บ้านไม่ค่อยมีสตางค์

 

“พ่อกับแม่ผมทำงานอยู่การบินไทย ถือว่ารายได้ดีที่สุดตรงนั้น นอกเสียจากจะเป็นซีอีโอนักบิน ผมจึงตัดสินใจไปเรียนการบินจริงๆ ในเมื่อพ่อบินได้ ทำไมลูกจะบินไม่ได้ มันแตกต่างกันตรงไหน ผมมาเรียนเครื่องบิน PTL ได้ประมาณ 60 ชั่วโมง สุดท้ายเงินก็หมด เพราะเราต้องจ่ายเงินค่าน้ำมัน จ่ายค่าชั่วโมงบิน จ่ายไปสารพัดก็เลยเรียนได้แค่นั้น จึงเรียนจนจบคอร์สของเรา แล้วมาสอบเข้าการบินไทย จากนั้นเขาส่งเราไปเรียนต่อที่หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ เรียนจนจบ ตอนนั้นผมเรียนเครื่องโบอิ้ง และเครื่องแอร์บัส

 

“การบินมันไม่ได้ยาก หากเราเรียนรู้ด้วยความชำนาญเหมือนการขับรถ แต่เผอิญที่ผมสอบตก เพราะว่าเขาต้องการคนเฉพาะตามเกณฑ์ที่เขาตั้งเอาไว้ อย่างคนที่มั่นใจในตัวเองมากกับคนที่เป็นลูกแหง่ติดแม่ตลอด เขาจะหาค่าตรงกลางที่มีความปลอดภัยในการเป็นนักบิน ไม่มั่นใจในตัวเองมากเกินไป แต่ก็ไม่เหยาะแหยะอะไรมากเกินไป ขณะบินเราสามารถตัดสินใจอะไรได้เร็ว แต่ก็ยังต้องปรึกษากับคนอื่นด้วย มันจะมีความพอดีของคน ผมก็เลยสอบไม่ได้ ผมมาสำรวจตัวเองแล้วพบว่าผมคงจะเหมาะกับอาชีพอื่นมากกว่า ผมเลยไม่ได้เป็นกัปตันวิลลี่ (หัวเราะ) ผมเชื่อว่าผมยังขับเครื่องบินได้ แต่คงจะลงไม่นุ่มนวลเหมือนกับตอนที่ขับครั้งแรกๆ เพราะเครื่องบินแต่ละลำมันไม่เหมือนกัน ชีวิตจริงของการขับเครื่องบินมันไม่ใช่ภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ด ผมขับเครื่องบินครั้งสุดท้ายเมื่ออายุ 20 ปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้แตะมันอีกเลย ตอนนี้มันก็ผ่านมา 20 ปีแล้ว

 

“ถึงแม้ผมจะไม่ได้บินบนท้องฟ้า แต่ชีวิตจริงของผมก็ชอบโลกใต้ทะเล ผมชอบดำน้ำมาก มันเสมือนเป็นโลกอวตาร มันเป็นอีกโลกหนึ่ง มีอย่างเดียวที่มันยั้งเราเอาไว้ไม่ให้ลงไปลึกๆ นั่นคือความกลัวที่เหลืออยู่ แต่เมื่อเราลงไปใต้น้ำ เราจะเห็นเลยว่า สังคมใต้น้ำของเขาก็จะคล้ายๆ กับของเรา ปลากับกุ้งจะอยู่รูเดียวกันในหิน หน้าที่ของกุ้งก็คือการทำความสะอาดโพรงนั้น หน้าที่ของปลาก็คือการโผล่หัวออกมา กุ้งก็จะเอาหนวดไว้บนตัวปลา ปลาก็จะมองซ้ายมองขวา ถ้ามีศัตรูจะเข้ามากินปลามันก็จะกระดิกๆ กุ้งก็จะถอยก่อน แล้วปลาถอยตาม มันพึ่งพาอาศัยกันหมด ทุกอย่างในโลกใต้น้ำ ผมก็จะดำลงไปสังเกตไปนั่งดู บางครั้งก็จะถ่ายวีดีโอเอาไว้ มันสวยงาม มันเพลิดเพลิน ตลกและสนุกมาก แต่คนจะกลัวหลายอย่างคือ หนึ่ง กลัวหายใจไม่ออก สอง กลัวจมน้ำตาย สาม กลัวปลาฉลามกัด ของพวกนี้จะมีความกลัวแฝงอยู่ตลอด

 

“ฉะนั้น บนฟ้า บนดินหรือใต้น้ำ มันก็จะมีอะไรเหมือนและแตกต่างกัน สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้เป็นเคสๆ ในทุกปัญหา หรือทุกทางแยกที่เราเจอ ทางยากมักจะถูกเสมอ ทางง่ายเมื่อเดินทางไปมันมักจะเจอทางตัน ทำไมเราต้องเหนื่อยขนาดนี้เราจะเลือกทางง่ายก็ได้ ไม่ต้องมารับงานหรือไม่ต้องมาเปิดบริษัทก็ได้ ผมรับเล่นละครอย่างเดียว ผมสบายมากไม่ต้องมานั่งรับผิดชอบไม่ต้องมีความเกร็งว่าผ่านไป 2 ชั่วโมงแล้ว แขกแต่งหน้ามารอ ยังไม่ได้เข้าฉากเลย มันทำให้เราระแวง กับการเป็นดาราเฉยๆ แต่งหน้ารออย่างเดียวนั่งกดโทรศัพท์เล่น เดินเข้าฉาก ไม่ต้องมานั่งรับภาระ จะได้ไม่มีอะไรอยู่บนไหล่ แต่การเป็นเจ้าของบริษัท เราต้องระแวงอยู่ตลอดเวลา แต่ผมก็เลือกทางยาก เพราะทางยากจะทำให้เราประสบผลสำเร็จ เราไม่อยากเป็นคนมักง่ายหากเรามักง่าย มันก็จะไปไม่ถึงไหน

 

“ชีวิตผมจึงชอบความท้าทาย ไม่ได้กลัวที่จะลำบากหรือกลัวเหนื่อย จากประสบการณ์ของเรา เรารู้ว่าทางยากทำให้เราประสบผลสำเร็จ เมื่อมีปัญหาเข้ามา ทางออกง่ายๆ อย่าไป มันไม่มีหรอก อยู่ดีๆ คำว่าฟลุคมันไม่ได้เกิดขึ้นทุกวันหรือทุกการตัดสินใจ

 

“ช่วงที่ผมอายุ 27 ปีผมจึงตัดสินใจเปิดบริษัทลักษ์ 666 มันเป็นโอกาสที่เราคิดว่าเราน่าจะทำได้ เพราะว่าโอกาสมันมา ตอนนั้นผมยังไม่มีบริษัท แต่ผมเป็นดาราของช่อง 3 ปรากฏว่าพี่ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา ไปคุยกับนายประวิทย์ มาลีนนท์ นายก็ให้เวลาเรามา 1 ชั่วโมง เมื่อโอกาสมาถึงขนาดนี้แล้ว เราก็ต้องทำบริษัท แต่ยังทำไม่ได้ ผมก็เอาเวลาไปให้พี่กิ๊กกับพี่ติ๊ก (เกียรติ กิจเจริญ และ ติ๊ก กลิ่นสี) เช่าไปก่อน แบ่งสตางค์มาให้ค่าเช่านิดหน่อย แล้วให้เขามาทำรายการ

 

“ในระหว่างนั้นเราก็ไปคุยกับพี่ติ๊กว่าเมื่อไรผมจะได้ทำรายการทีวี ผมอยากจะเปิดบริษัททำอย่างนี้บ้าง พี่ติ๊กก็บอกว่าพี่มีน้องอยู่ 2คน มันก็อยากจะทำ จะลองดูไหม สุดท้ายก็เลยนัดมาเจอกัน ก็ปรากฏว่าเป็นเปิ้ลกับหอย ก็มาคุยกันว่าเราจะทำแบบนี้นะ แล้วพี่กิ๊กกับพี่ติ๊กก็เป็นคนคอยประคองเราตลอด เราจึงตัดสินใจเปิดบริษัทด้วยกัน พี่ๆ เขาก็จะสอนวิธีทำรายการมา จนถึงทุกวันนี้ ผมไม่เคยลืมว่าบุคคลทั้ง 2 คนนี้เป็นผู้ที่มีบุญคุณที่ช่วยสอนเรา ส่วนพี่ไก่ วรายุฑ เป็นผู้ที่มีบุญคุณนำเอาเวลามาให้กับผม ผมเป็นคนที่ไม่ลืมบุญคุณคน ผมเกิดปีจอ ก็คงจะเป็นหมาและหมาตัวนี้ก็จะกระดิกหางอยู่ตลอดเวลา แม้ใครจะเตะ จะต่อย จะให้มันอดอาหาร มันก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพราะมันมีความซื่อสัตย์”

 

วิกฤตมา ปัญญามี 

“ที่ผมเคยบอกไปว่าอย่าทำอะไรให้กับตัวเอง แต่ควรทำให้กับคนอื่นรอบข้างบ้าง ผมก็บริหารบริษัทแบบนั้น เมื่อผมนำเอาเด็ก
คนหนึ่งมาอยู่กับผม เขาต้องออกจากอ้อมอกพ่อ อกแม่ ทั้งที่เพิ่งจบการเรียนมาใหม่ๆ มาอยู่กับเรา เราก็ต้องเอามันให้รอดก่อนถ้ามันดีแล้วเดี๋ยวเราก็รวยเอง ผมเคยมี 3-4 รายการ จากนั้นก็ขยายรายการออกไปเรื่อยๆ แต่เมื่อสถานีไอทีวีปิดตัว ผมเหลืออยู่เพียงรายการเดียว หากผู้บริหารเป็นนักธุรกิจจริงๆ จะต้องเอาพนักงานออกไปประมาณ 80% เพื่อให้บริษัทอยู่ได้ แต่สำหรับผมพนักงานทุกคนยังอยู่ครบหมด กำไรที่ผมเก็บสะสมมาหลายปี เอามาใช้ให้หมด ดูสิว่ามันจะตายไหม เด็กๆ พวกนี้ ผมไม่เคยไล่ออก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ถ้าแย่มากๆ ก็จะเป็นหน้าที่ของเปิ้ลกับหอย เขาจะไปจัดการเอง

 

“ผมอยู่วงการนี้ไม่ได้อยู่เพื่อเงินอย่างเดียว เพราะสมัยที่ไอทีวีปิดตัวไป ผมเดือดร้อนมาก เพราะมีอยู่เพียงรายการเดียว เด็กที่อยู่กับผมอีกเกือบ 70 คน ค่าเงินเดือนๆ หนึ่งก็ 2-3 ล้านบาทแล้ว เราต้องจ่ายไปเรื่อยๆ แล้วก็พยายามหาเวลา เมื่อทุกอย่างผมทำเต็มที่ไปหมดแล้ว แล้วจะทำอะไรต่อ อุปสรรคที่เข้ามามีหมด ถ้าจะเอาเงินก็ต้องเอาเด็กออกไป 80% เหลือ 20% ก็พอเพื่อประคองรายการนี้ให้ได้ เงินที่เหลืออยู่ก็แบ่งเอาไป จากนั้นเมื่ออะไรมันดีขึ้นแล้วค่อยมาเริ่มต้นกันใหม่ นั่นคือหลักการ แต่สำหรับผม ผมทำไม่ได้

 

“ตอนนั้นผมรับภาระอยู่หลายปี จนกระทั่งผมฝ่าวิกฤติออกมาได้ ผมเชื่ออย่างหนึ่งที่ว่า ตัวคำว่า “สาระแน” มันเป็นแบรนด์ของรายการ ฉะนั้นแบรนด์แม่จะตายไม่ได้เด็ดขาด เหมือนกับเวิร์คพอยท์ จะต้องมีรายการชิงร้อยชิงล้าน ไม่ว่าจะกี่ปี ต่อกี่ปีรายการนี้ก็จะต้องอยู่ รายการสาระแนก็ต้องอยู่เหมือนกัน เราก็ต้องหาเวลาเพื่อหาที่ลงให้มันอยู่ได้ ด้วยการขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ใจดี จนกระทั่งมีโอกาสได้อยู่ที่ช่อง 5 ก็เริ่มเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่

 

“โอกาสเราเริ่มที่ช่อง 5 เมื่อไอทีวีปิดตัว ตอนนั้นเราไปไหน ใครก็ไม่เอาเราแล้ว แต่โชคดีที่ผู้ใหญ่ทางช่อง 5 ให้โอกาส เราก็
เริ่มเติบโตขึ้น จากรายการสาระแนก็เริ่มมีรายการบางจะเกร็ง และรายการอื่นๆ เรื่อยๆ ก็เลยเติบโตขึ้นมาใหม่ มันมีขึ้นมีลงสำหรับชีวิตคน แต่เราไม่ตกใจไปกับมัน เมื่อเจอวิกฤติแล้วมันจะตายไหม มันไม่ตายหรอก มันไม่น่ากลัวแบบที่เครื่องบินกำลังตกหรอก(หัวเราะ)

 

“ผมเชื่อว่าชีวิตมันไม่น่าจะติดขัดหรือเลวทรามได้ขนาดนี้ ทุกคนมีทางออกได้หมด มันไม่มีหรอกว่าชีวิตมันจะมีแต่เรื่องที่ไม่ดีเข้ามาแล้วไม่มีทางออก มันจะมีทางรอด ฉะนั้นจงอย่าไปกลัวมัน ทุกวันนี้ผมอยู่กันสามคน มีผม เปิ้ล หอย คาแร็กเตอร์มันจะแตกต่างกัน เปิ้ลกับหอยเขาจะมองโลกในแง่ดี เขาก็บอกว่ารายการนี้ทำได้ รายการนั้นมันสนุกน่าทำมาก ผมจะมองก่อนเลยว่า ถ้าทำแล้วมันจะเจ๊งเท่าไร เราจะคุ้มไหมกับการเจ๊ง แล้วหากเจ๊งครั้งนี้ไม่เท่าไร ถ้าทำแล้วสนุกได้ประโยชน์ ทำแล้วสร้างคนขึ้นมาได้ จะเจ๊งก็ไม่เป็นไร เราให้โอกาสคน เราทำครั้งแรกเราเองก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จไปทุกอย่าง ที่รอดพ้นมาได้ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่หากย้อนกลับไปทำใหม่อีกครั้งหนึ่ง ผมเชื่อว่าผมทำได้ดีกว่านี้เยอะ เพราะเรามีประสบการณ์

 

“ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่าต่อไปจะมีสัญญาช่องหนึ่งเป็น 10 ปี หรือจะมีช่องหนึ่งเป็นของตัวเองหรือเปล่า อาจจะมีเคเบิ้ล แต่ตอนนี้เรามีอยู่ 4 รายการทีวี 1 คลื่นวิทยุ มีหัวหนังสือ OHO หนังสือการ์ตูนชื่อ ฮาจะเกร็ง และบริษัททำภาพยนตร์ เรื่องแรก สาระแนห้าวเป้ง ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จพอสมควร ปีนี้เราทำสาระแน 10 ล้อ ผู้กำกับหนังเขาอยากทำมานานแล้ว แต่เราเป็นพวกคิดมากกลัวว่าจะไปซ้ำทางคนอื่น เพราะเราวิจารณ์คนเอาไว้เยอะ เราดูหนังของเขาแล้วเราจับได้ เอาแค่ต้นเรื่องที่จะทำภาพยนตร์ก็ใช้เวลาถึง 10 ปี กว่าจะเริ่มทำจริงๆ ผมอยากให้พวกเขาทำภาพยนตร์นานแล้ว แต่พวกเขาจบเรื่องไม่ได้ เมื่อทำแล้วไม่ได้ ไม่โดนก็อย่าไปบีบบังคับเขา ในเมื่อคุณจับพู่กันวาดรูปไม่ได้ คุณก็ปล่อยเขาไป อารมณ์ ติสต์มันไม่ได้ แต่ในส่วนของบริษัท ผมจะช่วยเหลือด้านอุปกรณ์และตัวเลขไม่ให้ ฟุ่มเฟือยได้ จากประสบการณ์ที่ได้เล่นละครมา เราก็จะเก็บวิธีทำงานของกองถ่ายทำที่เป็นมืออาชีพ สิ่งที่เราเห็นของเขา แล้วเรานำเอากลับมาใช้ได้ในบางอย่าง

 

“เราเองต้องมีคาแร็คเตอร์เป็นของตัวเอง ไม่ใช่ไปก็อปปี้ของคนอื่นเขา เรามีความชอบของเรา เราเลือกหนังที่เราจะดู ทุกวันนี้มีหนังให้ดูเยอะมาก ตอนนี้มันเป็นคอนซูเมอร์มาร์เก็ต เรามีสิทธิ์เลือกทุกอย่าง เราเลือกที่จะเสพได้ ดังนั้นเวลาเราเลือกแล้ว เราเอาพอประมาณ เหมือนกับที่ถามว่าแถวๆ ทองหล่อ เอกมัย มีร้านอาหารนับพันแห่งที่ดีๆ หากคุณเข้าไปกินทุกร้าน คุณก็แย่แน่คุณต้องเลือกเฉพาะเป็นร้านๆ ไปเหมือนการชมภาพยนตร์ ทำไมต้องมาดูภาพยนตร์ที่ผมสร้างด้วย ก็เพราะเราสร้างบริษัทขึ้นมาเราไม่มีเจตนาในใจแม้แต่นิดเดียวที่จะหลอกคน เป็นความจริงใจที่เกิดขึ้นมันเป็นหนังจริงๆ มีสตอรี่บอร์ด มีเส้นเรื่อง มีการถ่ายทำจัดไฟ จัดแสง

 

“เรื่องสาระแนห้าวเป้ง มันไม่น่าจะเป็นหนัง ถือว่าเป็นเรื่องความจริงมากกว่า แล้วมาถ่ายทอดให้เห็นว่าบริษัทเขารับคนเข้ามาทำงานอย่างไร แต่สาระแน 10 ล้อ อันนี้เป็นหนังเรื่องแรกของเรา รับประกันได้ว่าทุกคนที่ชมได้รับความสุขและสนุกมากๆ ดูจากนักแสดงทุกคน ดูจากเนื้อเรื่องและการทุ่มทุนสร้าง มีทั้งสัตว์ เด็ก เอฟเฟค สลิง ซีจีก็มี แต่จีสตริงจะมีช่วงท้ายๆน่าจะมีหอยกับโก๊ะตี๋นี่แหละที่ใส่ (หัวเราะ)

 

“เราไม่มีวันที่จะมีหนังที่ออกไปโปรโมทว่ามีมุขนี้ตลก แต่เมื่อไปดูในหนังก็มีแค่ 4 มุขนั้นจริงๆ เนื้อหาต้องตลกด้วย มันไม่คุ้มค่ากับตั๋วหนัง อันนั้นมันจะเกิดเยอะมากกับบ้านเรา เพราะตอนนี้เราใช้ชีวิตที่ผสมผสานกับพวก 18 มงกุฎ หนังของเราตลกจริงๆ แต่ไม่ใช่ตลกเพียง 4 มุข เราต้องใส่เข้าไปเยอะๆ ขอเพียงอย่างเดียวว่าอย่ามาขอสาระจากผมนะ ผมทำเอนเตอร์เทนเมนท์ ผมไม่ได้ทำเพื่อมาสอนใคร ผมต้องการสร้างรอยยิ้มให้กับทั้งครอบครัว ตลก สนุกในช่วงซัมเมอร์ ขำกันแค่นั้นพอ”

 

วัฒนธรรมบันเทิง

“ผมคิดว่ารัฐบาลเขาคงไม่เคยเห็นว่าเงินในภาคอุสาหรรมบันเทิงมันเยอะขนาดไหน ทำไมรัฐบาลถึงไม่หันหน้าเข้ามาดึงให้เป็นส่วนหนึ่งที่ชูโรงในส่วนของการหารายได้เข้ามาสู่ประเทศ เหมือนเราอยู่หมู่บ้านไกลๆ วัฒนธรรมดีๆ วิวทิวทัศน์สวยงาม แล้วมีสายไฟฟ้าพาดผ่านหมู่บ้านเขาไป เขาก็ยังอยู่กันได้ ทางที่ดีคุณควรที่จะอำนวยความสะดวกสิ่งต่างๆ มีทั้งน้ำประปา ไฟฟ้า เพราะแม้แต่ถนนหนทางยังเป็นลูกรังอยู่ แล้วใครเขาจะมาเที่ยว 

“คนเขาคงจะไม่เห็นว่าจะทำเงินได้ นอกจากคนที่อยู่ข้างในอยู่แล้วว่าเงินมันหมุนเวียนมาเท่าไร สามารถเป็นอุตสาหกรรมโลกได้ถ้าได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ทุกวันนี้เมื่อเอ่ยว่าจะไปเป็นดารา คนเขาจะบอกว่าไปเต้นกิน รำกิน มันยังเป็นคำจำกัดความที่เรารู้สึกว่ามันฉาบฉวย มันไม่ได้เป็นธุรกิจที่อยู่คงที่นานๆ ของเราเองพยายามนำกรอบวัฒนธรรม นำเอาสิ่งต่างๆ ที่เรียนมาหลายๆ ด้าน นำมาครอบเสียจนไม่สามารถกระดิกตัวได้ ดังนั้นพวกลำตัด ลิเก จำอวด มันถึงต้องมีบททะลึ่งตึงตังบ้างเพราะมันเป็นของพื้นบ้าน แล้วคุณดันไปจำกัดว่าห้ามเล่นทะลึ่งนะ ห้ามเล่น
หยาบคายนะ แล้วมันจะไปตลกตรงไหน 

“คนที่มาจำกัดพวกนี้ ไม่ได้เป็นคนอยู่ข้างใน เป็นคนมาจากไหนไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็ได้อำนาจมา แล้วเข้ามาเคาะพวกเรา อย่างกองเซ็นเซอร์เป็นใคร กองเซ็นเซอร์ที่ได้รับเกียรติเข้ามานี่ควรเป็นคนที่เรารู้จัก อุตสาหกรรม
ภาพยนตร์มันเป็นธุรกิจหนึ่งที่สามารถอุ้มชูประเทศชาติได้ดีทีเดียว ถ้าเราได้รับไฟเขียวที่จะทำออกไป ถ้าประเทศเกาหลีทำได้ทำไมประเทศไทยจะทำไม่ได้ ถ้าพวกเราที่มีโอกาสเข้ามา คงทำได้ดีกว่านี้ เพราะว่ามีหลายบริษัทในประเทศไทยที่ติดอันดับโลกในเรื่องของวงการบันเทิง คนดี คนเก่ง คนเจ๋งที่มีฝีมือในบ้านเรามีเยอะมาก แต่ไม่ได้ออกหน้า โดยเฉพาะคนที่เก่งที่เข้ามาแก้ปัญหาของประเทศไทย เยอะมาก ผมรู้จักเยอะ เขาแก้ปัญหาได้หมด แต่ว่าถ้าเกมมันสกปรก เขาจะไม่ออกมา เขาไม่อยากเปลืองตัว ขออยู่เบื้องหลังดีกว่า”

 

สุภาพชนคนแกร่ง

“การจะประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน เราจะเอาอะไรไปวัด ถ้าเอาเงินก็ถือว่ายังไม่ประสบผลสำเร็จ ถ้าเป็นเรื่องของชื่อเสียงก็คิดว่าใช่ แต่เราไม่ได้มองตรงนั้นด้วย เราเป็นคนสร้างงาน เมื่อมันออกมาแล้วมันมีความสุข แค่นั้นก็ถือว่าผมมีความสุขกับการทำงาน แค่นั้นมันก็สำเร็จ ทุกวันนี้ที่ผมทำงานอยู่ หากจะมองวงการบันเทิง ผมจะชอบมองไปที่รางวัลออสการ์ เวลาเขาให้รางวัลต่างๆ ในอาชีพนั้นๆ มันยิ่งใหญ่มาก ผมมานั่งดูตาแก่คนหนึ่งได้รับรางวัล เขาอยู่วงการบันเทิงมาตั้งแต่ตอนโน้นแล้วมาทำอันนั้นอันนี้ให้เราดู พอมาถึงตอนนี้ เขาก็ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ไปครอง บ้านเราเองเรามักจะเห่อของใหม่ จนลืมของเก่าตลอดทำไมไม่มองย้อนกลับไปมองถึงปูชนียบุคคลเก่าๆ ที่เขาสอนเรามา เขาอาบน้ำร้อนมาก่อนเรา เขาเห็นมาก่อนเรา สังเกตว่าคนแก่จะไม่ค่อยพูดมาก เพราะพูดมาพอแล้ว ปล่อยให้เด็กๆ มันพูดไป แต่ถ้าถามว่าคนแก่รู้หมดไหม ท่านรู้หมด แต่ไม่พูด

 

“ส่วนการดูแลสังคม ผมจะทำทุกอย่างที่จะดูแลสังคมได้ เพราะหนึ่ง เราเป็นคนของประชาชน ไปไหนมาไหนเขาจะพูดคุยอะไรกับเราได้เลย ผมยินดีเสมอ เพราะเราเป็นดารา สองหน้าที่ของเรา เราอาจจะมีบางส่วนที่มองแล้วนำเอาตัวอย่างของเราไปเป็นการดำรงชีวิตก็ถือว่าแฮปปี้ ผมพยายามประคับประคองตัวเองให้อยู่ในเกมที่ดี แต่อย่าลืมว่าคนเราเป็นมนุษย์ มันก็ย่อมมีวันพลาดบ้างแล้วผมพลาดอะไร พลาดกับโครงการเมาไม่ขับ ผมยังเคยโดนมาแล้ว พวกนี้มันจะมีข่าวอยู่แล้ว เราก็ยอมรับ และรับใช้สังคมด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ทำอะไรต่ออะไรที่มีประโยชน์ ถ้าทำก็ต้องทำให้เห็น เพราะเราอยู่ในที่แจ้ง เมื่อกระทำความผิด ก็ต้องยอมรับผิด เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราทำลงไป มันไปกระทบกับความรู้สึกของใครบ้าง อันดับแรกเลยคือต้องขอโทษ

 

“ผมเคยคิดเสมอว่าเราเป็นดารา เราอยู่ในวงการบันเทิงเหมือนเราอยู่ในครอบครัวของเขา อาจจะอยู่มาเป็นสิบปีแล้ว เพราะเขาเห็นเรามานาน ดังนั้นเวลาเขาเจอเราแล้ว เขาจะพูดกับเราเหมือนเป็นญาติ บางครั้งเขาเจอเราในที่สาธารณะ เขาจะกวักมือเรียก แล้วพูดห้วนๆ ‘วิลลี่ วิลลี่ มานี่ มาถ่ายรูปกัน’ เราก็ต้องไป เพราะผมปรากฏอยู่ในทีวี อยู่ตรงหน้าโต๊ะกินข้าวเขามาเป็นเวลาสิบปี เขาจึงไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็นดารา เขารู้สึกว่าเขาใกล้ชิดกับเรา เขารู้สึกว่าเราเป็นญาติกับเขา เขาดูรายการเรามาตลอด 12 ปี ดังนั้นเมื่อเราทำอะไรผิด เรารู้ว่าเรามีผลกระทบกับความรู้สึกของหลายคน เพราะฉะนั้นเราต้องขอโทษ

 

“ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนย่อมมีทั้งข้อดี ข้อเสีย ไม่มีใครสมบูรณ์แบบทั้งหมดหรอก เราพยายามประคองมันไปในเส้นทางให้ดีที่สุดอย่างตอนที่ผมจบวิศวะการบินอายุราวๆ 23-24 กลับจากสหรัฐอเมริกา เป็นช่วงที่เข้าวงการบันเทิงใหม่ๆ ผมก็ไปบวชเรียนแสวงหาธรรมะ ที่วัดธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร กับหลวงพ่อแบนถึง 6 เดือน เพราะเข้าวัยเบญจเพสพอดีและบวชให้กับพ่อกับแม่ด้วย ทุกวันนี้ก็ยังยึดมั่นตามที่พระอาจารย์แบนสอน เราอยู่ในโลกแบบนี้ไม่มีโอกาสได้นั่งสมาธิ แต่ก็ต้องพยายาม เพราะมันสร้างปัญญาให้กับเรา มันหาทางออกให้เราได้ เมื่อเกิดปัญหา เราก็จะไม่เสียใจมากจนเกินไปกับเหตุการณ์ที่มันไม่ดี เราไม่ยึดติดกับอะไร เพราะเรายังมีแก่นธรรมอยู่ในตัว

 

“ตอนนั้นเราเจอความศรัทธา เมื่อเราเอาจังหวะของชีวิตด้วยการบวช ใจผมตอนนั้นเลยไม่อยากจะอยู่ในวงการนี้ แต่อาชีพนี้มันเอื้อเฟื้อ ส่งผมเรียนจนจบ แล้วมีงานมีอาชีพเข้ามาตลอดกับวงการนี้ ผมเรียนมาเพื่อมาเป็นนักบิน เมื่อสอบไม่ผ่านก็ต้องกลับมาที่ประเทศไทย ก็คงหนีไปไหนไม่ได้ เคยหนีไปบวชกลับมาก็ยังมีงานเข้ามาอีก

 

“ถ้าเราเลือกงานมันจะมีอยู่ 2 ทางให้เราเลือก เราเลือกงานที่คุณชอบ งานที่คุณชอบเมื่อคุณทำแล้ว คุณขาดทุน กับงานที่คุณเก่งเมื่อคุณทำแล้วคุณรวย แต่คุณไม่ชอบ แต่คุณทำเก่ง คุณจะตัดสินใจเป็นนักธุรกิจมากกว่า เหนื่อยก็จริง แต่มันเป็นอาชีพที่ทำให้เรามีรายได้ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ มาถึงทุกวันนี้ ผมมีความเชื่อเรื่องลิขิตฟ้า การกำหนดชะตา ลิขิตฟ้าเขาจะประคับประคองเรา แต่คนที่วิ่งต้องเป็นตัวเรา ลิขิตฟ้าไม่สามารถบอกให้คุณวิ่งไปจุดเอจุดบีได้ แต่สามารถทำให้คุณรู้ว่าไม่หลงทาง วิ่งไปทางขวามากหรือทางซ้ายมากเกินไปวิ่งตรงกลาง เพื่อไม่ให้คุณไปไหน

 

“ฉะนั้นค่าของคุณยังอยู่ที่ผลของงานและการกระทำ พูดง่ายๆ เพราะความเชื่อในบ้านเรามีเยอะมาก มันจะมีทั้งหมอดู มีโหราศาสตร์ มีฮวงจุ้ยทั้งของจีนและแบบไทยมาผสมผสานกันหมด ทุกอย่างจะบอกว่าคุณโหวงเฮงดีมาก ฮวงจุ้ยคุณถูกต้องหมดแล้ว ดวงคุณนี่ดีมาก ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ทุกอย่างมันรวมตัวกันหมดแล้ว เป็นผู้นำของคนทั้งประเทศ แต่ถ้าเรานั่งอยู่เฉยๆ เราก็ไม่ได้เป็น เพราะไม่มีใครมาบังคับให้เราไปเป็นได้ ดวงจะดีขนาดไหหน ถ้าเราไม่ทำมันก็ไม่ได้

 

“ผมเคยทำรายการ ฮวงจุ้ยหมายเลข 8 มา ผมถึงได้รู้ พอดูได้&

วิลลี่ แมคอินทอช เจ้าชายแห่งวงการมายา