
Nostalgic Cycle วัฏจักรของเวลา มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนผ่านเรื่องราวในชีวิตด้วยประสบการณ์ที่แตกต่างกัน
Nostalgic Cycle วัฏจักรของเวลา
มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ล้วนผ่านเรื่องราวในชีวิตด้วยประสบการณ์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกคนมักหวนกลับมานึกถึงวันวานที่ผ่านมาเสมอ ความโหยหาอดีตหรือ Nostalgia นั้นมากกว่าความรู้สึกธรรมดา มันเป็นเรื่องทางจิตวิทยาที่ซับซ้อนซึ่งมีทั้งความสุขและความเศร้าในเวลาเดียวกัน
MiX MAGAZINE ฉบับที่ 204 ได้เล่าเรื่องของ Nostalgia กับความหมายในหลายมิติที่เชื่อมโยงกัน ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เพียงแค่ความคิดถึงอดีตเท่านั้น แต่ยังมีความลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่มากมายให้ติดตาม
วิวัฒนาการเทคโนโลยีของมนุษย์จนถึงยุคของ AI
กว่าจะมาถึงยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีทันสมัย มนุษย์พัฒนาเทคโนโลยีมานานหลายปี เริ่มตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์คือยุคหินเก่าถึงยุคหินใหม่ (500,000 – 7,000 ปี ก่อนคริสตกาล) มนุษย์เริ่มพัฒนาเครื่องมือชิ้นแรกในการช่วยดำรงชีวิตจากหินเพื่อเฉือนเนื้อสัตว์ ต่อมาได้ค้นพบไฟในการทำอาหาร ไล่สัตว์ร้าย หรือให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว ในช่วงยุคหินใหม่เริ่มทำการเกษตร และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างเช่นเครื่องปั้นดินเผา
ยุคเหล็ก (1,200 ปี – 600 ปี ก่อนคริสตกาล) มนุษย์เริ่มทำการหลอมเหล็กเพื่อทำอาวุธ เครื่องมือทางการเกษตร ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม (ค.ศ. 1760 ถึง ค.ศ. 1825) ยุคนี้เรียกว่าแทบจะเป็นยุคทองของโลกเนื่องจากมีสิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้นมากมาย มีเครื่องจักรไอน้ำที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมโรงงาน โดยเฉพาะสิ่งทอที่ใช้เครื่องจักรทำให้ผ้าราคาถูกลง ในยุคนี้เองเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเริ่มเข้ามามีบทบาท
ยุคดิจิทัล (1950-ปัจจุบัน) เป็นยุคหลังสงครามโลกครั้ง 2 ที่มีการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจและประชากรสูง เริ่มมีเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่าง ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกถือกำเนิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ENIAC (ค.ศ. 1946) ในช่วงแรกใช้ในด้านการทหาร จนกระทั่งในปี ค.ศ.1969 อินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้ร่วมคอมพิวเตอร์ เป็นเครือข่าย ARPANET (Advanced Research Projects Agency NETwork) ของกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา ต่อมามีการพัฒนาเป็น www (World Wide Web) โดย Tim Berners-Lee เปิดโอกาสให้ใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างแพร่หลาย
ความจริงแนวคิดการสร้าง AI (Artificial Intelligence) มีมานานแล้วตั้งแต่ยุคต้น ๆ ในการสร้างคอมพิวเตอร์ โดยผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาของปัญญาประดิษฐ์ในการวางรากฐานของ AI คือจอห์น แมคคาร์ธี (John McCarthy) ชาวอเมริกา เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และนักคณิตศาสตร์ โดยมองว่า AI ควรต้องทำการเรียนรู้องค์ข้อมูลจนทำให้มันมีสามัญสำนึก
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา AI ถูกพัฒนาและต่อยอดมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่เรื่องของโมเดลทางคณิตศาสตร์ที่เลียนแบบเซลล์ประสาทในสมอง หรือแม้แต่การให้คอมพิวเตอร์เล่นหมากรุกกับมนุษย์ โดยทำบันทึกข้อมูลจุดแพ้-ชนะไว้หลายล้านครั้งได้โดยไม่ต้องสอน ในปีค.ศ.1997 มีการแข่งขันระหว่างแกร์รี คาสปารอฟ แชมป์โลกหมากรุกชาวโซเวียต ได้พ่ายแพ้ต่อซูเปอร์คอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของโลกเทคโนโลยีในการต่อยอดในด้านอื่น
ปัจจุบันเทคโนโลยีไปไกลแทบทุกด้าน AI เข้าสู่ยุคสร้างสรรค์ปฏิวัติการทำงานจนอาจเรียกได้ว่าสามารถต่อยอดออกไปได้อีกอย่างไม่จำกัด โดยมีพื้นฐานจากโมเดลภาษาและข้อมูลขนาดใหญ่ สามารถตีความเนื้อหาได้หลายรูปแบบทั้งอักษร ภาพ เสียง ฯลฯ มีความสามารถในการวิเคราะห์และเข้าใจมนุษย์จนกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกต่อไป
จากที่กล่าวมาทั้งหมดแม้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าจะก้าวหน้าขนาดไหนก็ตาม มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจมีความรู้สึก อีกทั้งยังต้องเผชิญกับปัญหาชีวิตและสังคมมากมาย การมุ่งหน้าสู้อนาคตทางด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีจึงอาจไม่ตอบโจทย์คนได้ทั้งหมด ความโหยหาอดีตหรือ Nostalgia ที่ผูกพันกับอารมณ์ ความทรงจำรวมถึงความรู้สึกจึงเกิดขึ้น การหยุดชีวิตให้ช้าลงปรับสมดุลให้ชีวิตจึงเป็นหนทางหนึ่งของชีวิตในยุคดิจิทัลที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
Nostalgia เรื่องราวในอดีตที่ช่วยเติมเต็มชีวิต
เวลาของโลกใบนี้มุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่เคยย้อนกลับ แต่คนเราก็ยังชอบนึกถึงอดีตที่ผ่านมา ตั้งแต่เรื่องของภาพยนตร์ แฟชั่น เพลง อาหาร หรือแม้แต่ความทรงจำของช่วงชีวิต ความรู้สึกเหล่านี้มีทั้งเรื่องความสุข สนุก เศร้า เหงา ที่แม้ไม่อาจหวนคืนกลับมา แต่ยังโหยหามันซึ่งเรียกว่า Nostalgia หรืออารมณ์การโหยหาอดีต
Nostalgia มีรากศัพท์จากภาษากรีก Nostos หมายถึง “การกลับบ้าน” และ Algos หมายถึง “ความเจ็บปวด” ย้อนกลับไป ค.ศ. 1688 เกิดสงครามความขัดแย้งในยุโรป ทหารจำนวนมากต้องออกไปรบไกลบ้าน นอกจากต้องเสี่ยงตายแล้วสภาพจิตของพวกเขาก็ย่ำแย่ตั้งแต่ซึมเศร้าและเบื่ออาหาร โจฮันเนส โฮเฟอร์ (Johannes Hofer) เป็นนายแพทย์ชาวสวิส ได้กล่าวถึงอาการเหล่านี้ไว้ว่าคนที่เกิดอาหารแบบนี้มักถูกมองว่าเป็นอาการทางจิต แต่ภายหลังมีการอธิบายสภาวะอารมณ์ในชีวิตที่ไม่ใช่อาการป่วยทางจิตคือ Nostalgia
ช่วงศตวรรษที่ 20 เป็นที่ยอมรับว่าคือห้วงอารมณ์การโหยหาอดีตไม่ได้เลวร้ายเสมอ Nostalgia คือห้วงอารมณ์ตามธรรมชาติของสมองจากการเปลี่ยนแปลงของความไม่แน่นอนในชีวิต
การโหยหาอดีตนักจิตวิทยามองว่าเป็นหนทางหนึ่งของการช่วยลดความโดดเดี่ยวในสังคม ช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้เช่นการนึกถึงเรื่องที่มีความสัมพันธ์ในแง่บวกหรือความสำเร็จในอดีต ในแง่ของอารมณ์ Nostalgia ยังช่วยปรับความสมดุลทางความเครียดเสมือนอยู่ในที่ปลอดภัยแม้อาจเป็นเรื่องในจินตนาการก็ตาม
ในส่วนของสังคม การมีความทรงจำในเรื่องสิ่งบันเทิง แฟชั่น วัฒนธรรมป๊อป ฯลฯ นอกจากตัวบุคคลจะได้รับความสุขเมื่อหวนย้อนนึกถึงวัยอดีตแล้ว ยังกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างกลุ่มที่มีความชอบเดียวกัน แม้จะเกิดคนละยุคสมัยก็ตาม
นอกจากนี้ในเรื่องของการตลาด บริษัทที่ขายสินค้ารู้ถึงจิตวิทยาในข้อนี้ดีจึงผลิตสินค้าต่าง ๆ ออกมา เช่น เครื่องแต่งกายแฟชั่นย้อนยุค วงการการกีฬาก็มักออกแบบเครื่องแต่งกายในยุคคลาสสิกมาให้นักกีฬาสวมใส่ วงการภาพยนตร์และเพลงที่นำเนื้อหาเก่ามาทำใหม่ตลอด เพราะรู้ดีว่าผู้บริโภคนั้นชื่นชอบผูกพันกับความทรงจำเหล่านี้
ปัจจุบัน Nostalgia ไม่ได้เข้าถึงยากอีกต่อไป เราสามารถเปิดเพลงเก่าผ่านสตรีมมิงได้ทันที หรือแม้แต่อยากดูภาพยนตร์หรือการ์ตูนในวัยเด็กก็สามารถดูผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้แม้แต่แฟชั่นการแต่งกายก็สามารถค้นหาผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอดเวลา
Nostalgia จึงเป็นเรื่องของภาวการณ์โหยหาอดีต ความทรงจำที่มีทั้งความเจ็บปวดและงดงาม ความอบอุ่นและเหน็บหนาว ผสมปนเปกันไปในชีวิตมนุษย์นั่นเอง
AI เทคโนโลยีผู้ปลุกชีพความทรงจำ
เมื่อ AI (Artificial Intelligence) ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์แทบทุกด้าน มันไม่ใช่นวัตกรรมแห่งอนาคตเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถรื้อฟื้นอดีตได้อีกด้วย
สิ่งที่ AI ทำได้อย่างรวดเร็วคือเรื่องของรีทัชแต่งภาพขาว-ดำ ภาพเก่า ภาพมีตำหนิให้กลับมาสวยงาม แม้แต่การตัดทอนหรือเพิ่มเติมก็ทำได้ไม่ยาก ซึ่งมีโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์จากหลายองค์กรที่ออกมาแข่งขัน เช่น เทคโนโลยี Deep Nostalgia ของMyHeritage ในช่วงที่ออกมาใหม่ ๆ เรียกเสียงฮือฮาในสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากทำภาพนิ่งให้เคลื่อนไหวได้ แม้จะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ AI สร้างขึ้น แต่สิ่งนี้ทำให้มนุษย์รู้สึกปลาบปลื้มที่ได้เห็นตัวเองหรือคนที่รักเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่อาจหวนคืนมาได้
ในเรื่องภาพแล้วยังมีเรื่องของเสียง AI ยังสามารถนำเสียงของบุคคลที่เคยบันทึกไว้ นำกลับมาพูดใหม่ในสิ่งที่ต้องการ เช่นร้องของนักร้องที่ล่วงลับไปแล้ว ก็นำกลับมาร้องเพลงใหม่ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ตัวอย่างเทคโนโลยีของ Descript’s Overdub หรือ Microsoft VALL-E (2023) ที่สามารถเลียนเสียงได้แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีเหล่านี้ยังมีช่องว่างนำมาสร้างข่าวปลอมบิดเบือนความจริง หรือมิจฉาชีพนำมาใช้เป็นเครื่องมือหลอกลวงผู้คนได้เช่นกัน
นอกจากนี้โซเชียลมีเดียในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, TikTok ฯลฯ ก็ทำหน้าที่เหมือนสมุดบันทึกดิจิทัล บางอย่างเราเคยทำไว้ในอดีตที่อาจลืมไปแล้ว พวกมันถูกตั้งโปรแกรมแจ้งเตือนความทรงจำในโซเชียลมีเดียให้เราได้นึกถึงอีกครั้ง
ปัจจุบัน AI ถูกพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเรียกว่าแทบจะทุกสาขาอาชีพต้องมีนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์เป็นผู้ช่วย ส่วนในเรื่องของ Nostalgia ข้อดีคือเราสามารถกลับไปสัมผัสบรรยากาศความทรงจำในอดีต ทำให้กลับมามีชีวิตได้ นอกจากจะช่วยให้คลายความคิดถึงแล้วยังช่วยบำบัดจิตใจของผู้ป่วยทางจิตได้
แต่ในอีกด้านหนึ่งบางคนอาจยึดติดกับอดีตมากเกินจนปล่อยวางไม่ได้ เฝ้ามองแต่ AI สร้างภาพในอดีตขึ้นมาใหม่เฝ้ามองซ้ำเล่าซ้ำเล่าจากการสูญเสียบางอย่างในชีวิต ตรงส่วนนี้เองก็อาจสร้างภาพไปกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกให้เกิดความเศร้าหมองทางจิตใจได้เช่นกัน
แม้ AI จะเป็นเครื่องมือที่เปลี่ยนแปลงโลก โดยเฉพาะในเรื่องของ Nostalgia ในเรื่องความทรงจำในอดีตทั้งภาพและเสียง แต่เราควรใช้มันเพื่อเยียวยาจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อให้เราได้ดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขต่อไป
Nostalgic Syndrome ภาวะโหยหาอดีต ตามหลักจิตวิทยา
ธรรมชาติของมนุษย์ที่ต่างจากสัตว์โลกทั่วไปคือมีจิตสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี อีกทั้งยังรวมถึงความรู้สึกที่เกิดในจิตใจNostalgia หรือสภาวะการโหยหาอดีต เป็นความรู้สึกที่เกิดได้ทุกคน มีนักจิตวิทยาชื่อว่า Constantine Sedikides แห่ง University of Southampton ให้คำจำกัดความไว้อย่างน่าสนใจว่า "อารมณ์แบบผสมที่มีทั้งความเศร้าและความสุข" ปัจจุบันมีการยอมรับกันว่าไม่ใช่เรื่องอาการป่วยทางจิต แต่เป็นเรื่องของกลไกทางอารมณ์ที่เชื่อมโยงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในอดีต
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวการณ์โหยหาอดีต ตามงานวิจัยของ Tim Wildschut (นักจิตวิทยาสาขาจิตวิทยาสังคมและบุคลิกภาพ) ได้แบ่งเหตุผลออกเป็น 4 ข้อคือ
1.เกิดจากความเครียดและความไม่แน่นอนในชีวิต
2.ขาดการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมทำให้เกิดความเหงา
3.มีอารมณ์เศร้าหรือสภาวะซึมเศร้าไม่มากนัก
4.เกิดการเปลี่ยนแปลงของชีวิตอย่างฉับพลันจนบางครั้งรับไม่ได้ เช่น การสูญเสียคนสำคัญ ตกงาน หรือต้องย้ายที่อยู่
นอกจากนี้สภาพแวดล้อมทางสังคมยังมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการโหยหาอดีตได้จาก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ซึ่งเกี่ยวข้องกับเกี่ยวข้องกับ Hippocampus และ Prefrontal Cortex ในสมอง (ด้านการทำงานของความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม)
การหวนนึกถึงอดีตทำให้เกิดอารมณ์ที่หลากหลายตั้งแต่ความเศร้าหมอง อบอุ่นใจ ซึ้งใจ หดหู่ใจ ตามแต่ประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน แต่การหมกมุ่นมากเกิดความพอดีอาจนำไปสู่สภาวะซึมเศร้า แม้ว่า Nostalgic Syndrome ไม่ใช่โรคความผิดปกติทางจิต แต่ถ้าย้ำคิดย้ำทำเรื่องในอดีตมากเกินไปก็อาจกระทบต่อชีวิตประจำวันได้เช่นกัน
แน่นอนว่าเรื่องของ Nostalgic Syndrome มีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยจะขอเริ่มจากข้อดีก่อน ได้แก่
1.ทำให้ชีวิตรู้สึกว่ามีคุณค่าเมื่อนึกถึงความหลังในครั้งอดีต
2.ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น
3.ลดความคิดถึงหรือความเหงาในจิตใจลงได้
4.ลดอารมณ์ความเครียดในจิตใจ
5.สร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตไปสู่อนาคต
ในส่วนของข้อเสียนั้นเป็นเรื่องของความมากเกินพอดีสำหรับผู้ที่อ่อนไหวง่ายต่อจิตใจดังนี้
1.ไม่พอใจกับชีวิตในปัจจุบันหลีกหนีไปอยู่กับอดีต
2.ไม่สามารถปรับตัวหรือรับมือในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิต
3.โหยหาอดีตมากเกินไปจนเกิดอาการซึมเศร้า
4.มีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์กับคนในสังคมจนกระทั่งมองว่าอดีตดีกว่าปัจจุบัน
อาการโหยหาอดีตนั้นมีทั้งคุณและโทษ อาการของ Nostalgic Syndrome เป็นภาวะทางจิตวิทยาที่สะท้อนให้เห็นถึงอดีตและปัจจุบัน ไม่ใช่สิ่งเลวร้ายแต่ควรการจัดการอารมณ์ความรู้สึกให้สมดุลเพื่อก้าวสู่อนาคตต่อไป
Nostalgia Marketing
Nostalgia Marketing คือรูปแบบการตลาดที่นำเอาช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งในอดีตมาช่วยกระตุ้นความทรงจำเชิงบวกเพื่อทำให้สินค้าและบริการดูพิเศษมากยิ่งขึ้น โดยกลุ่มเป้าหมายหลักมักเป็นคนรุ่น Millennial หรือ Gen Y ที่อยู่ในช่วงวัยของการเปลี่ยนผ่านระหว่างยุคอนาล็อกไปสู่ยุคดิจิทัล แต่นอกจากนี้ Gen Z ก็ยังเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากคนกลุ่มนี้มักจะตามกระแสได้ไวและมีอิทธิพลอย่างมากสำหรับการขับเคลื่อนเทรนด์ฮิตต่าง ๆ ในยุคปัจจุบัน
เมื่อปี 2022 ทางวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ได้เปิดเผยผลวิจัยทางการตลาดที่ชื่อ “Nostalverse การตลาดในอดีตเชื่อมสู่โลกอนาคต” ออกมา โดยค้นพบว่าผู้คนยุคปัจจุบันนั้นเริ่มโหยหาอดีตกันมากขึ้นแม้พวกเขาจะกำลังก้าวเข้าสู่โลกอนาคตก็ตาม นอกเหนือไปกว่านั้นเทคโนโลยีต่าง ๆ ยังสามารถเป็นเครื่องมือตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ผ่านการตลาดรูปแบบใหม่ที่เรียกกันว่ากลยุทธ์ FMAM ด้วย ซึ่งมันก็พัฒนาต่อยอดมาจากกระแส Nostalgia Marketing นี้เอง
กลยุทธ์ FMAM
F =Flashback หวนกลับคืนสู่อดีต
ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนคือฟีเจอร์ Stories Achieve หรือ Memories บน Instagram และ Facebook ที่เตือนความทรงจำว่าเราได้อัพโพสต์ใด ๆ ไปบ้างในวันนี้ของปีก่อนหน้า แถมเรายังสามารถแชร์โพสต์เก่า ๆ นั้นอีกครั้งได้ด้วย
M Moment of Happiness ความทรงจำอันแสนสุข
ตัวอย่างเช่นเทรนด์ใน #Nostalgia บนโลกออนไลน์ที่มีคอนเทนต์หลากหลาย อาทิ POV Kids In 2000 – 2010 / Welcome Back To 2015 / How We See The World As Kids เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ได้หวนนึกถึงอดีตและวันวานในความทรงจำของเรานั่นเอง
A = Align All Sensories เชื่อมโยงผ่านสัมผัส
พบตัวอย่างได้จากการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเรา ทำให้รู้สึกเข้าใกล้ความเสมือนจริงได้มากยิ่งขึ้นอย่างถุงมือ Testa Glove และชุด Skinetic
M = Meta – Experience ประสบการณ์ผ่านเทคโนโลยี
ปัจจุบันมีตัวอย่างคอนเสิร์ตมากมายที่ใช้ Hologram ในการสร้างภาพจำลองศิลปินซึ่งจากไปแล้วให้มาปรากฏกายอีกครั้ง อาทิ บิ๊ก D2B / โจ้ Pause / แรปเปอร์ TUPAC / ดีว่า Whitney Houston เป็นต้น
Nostalgia: สีสันใหม่ (เก่า) ใน Pop Culture
ช่วงสิบปีที่ผ่านมาปรากฏการณ์ Nostalgia ได้วนเวียนอยู่กับ Pop Culture ตลอดอย่างไม่มีหยุดพัก โดยเราจะเริ่มเห็นว่าสิ่งที่เคยฮิตในอดีตนั้นกลับมาได้รับกระแสอีกครั้งในปัจจุบัน แถมเทรนด์ต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงความ ‘เก่าแต่เก๋’ ก็กลายเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความ ‘เทสดี’ ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ภาพยนตร์คืออุตสาหกรรมหนึ่งที่ใช้การตลาดแบบ Nostalgia มาตลอดหลายปีให้หลัง อย่าง Live Action ของแอนิเมชันเรื่องต่าง ๆ จาก Disney และ Marvel การกลับมาของภาพยนตร์ดังอย่าง Ghost Busters (2021) Avatar (2022) Toy Story (2026) ที่สร้างภาคต่อหลังห่างหายไปนานหลักสิบปี รวมถึงวงการนี้ก็ยังรีเมคภาพยนตร์เก่า ๆ กันอยู่เรื่อยไม่ว่าจะเป็น Mean Girls (2004 และ 2024) Mr. & Mrs. Smith (2005 และ 2024) มังกรหยก (1994 และ 2025) ซึ่งที่ยกตัวอย่างมานี้ถือเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ตัดภาพมาอุตสาหกรรมดนตรี กระแส Nostalgia ก็มีอิทธิพลมากไม่ต่างกัน อย่างการกลับมาของแผ่นเสียง (Vinyl) ที่ดูเหมือนจะเข้ามาอยู่ในกระแสหลักอีกครั้ง ทำให้ศิลปินหลายคนเริ่มผลิตมันออกมาควบคู่ไปกับอัลบั้มซีดีมากขึ้น และเช่นเดียวกับวงการภาพยนตร์ที่เพลงเก่า ๆ หลายเพลงนั้นถูกหยิบยกมา Remake กันบ่อย ๆ อย่างค่าย SM Entertainment แห่งเกาหลีใต้ที่ผุดโปรเจกต์การนำเพลงฮิตของไอดอลเจน 1 มาร้องใหม่โดยไอดอลเจน 4 - 5 รวมทั้งมีการ Remaster มิวสิควิดีโอในอดีตขึ้นอีกหลายตัวด้วย
ส่วนในแง่การตลาดของตัวศิลปิน เมื่อปี 2024 ฝั่งตะวันตกเองก็มีนักร้องสาว Sabrina Carpenter แจ้งเกิดขึ้นมาด้วยเพลง Espresso กับภาพลักษณ์สาว Coquette อันเป็นที่จดจำ หรือย้อนกลับไปปี 2022 ฝั่งเอเชียได้มีวง NewJeans ที่เดบิวต์ขึ้นมาด้วยคอนเซปต์ Y2K จนโด่งดังทั้งเพลงและแฟชั่น ซึ่งปี 2023 พวกเธอก็ไปคอลแลปกับการ์ตูนดังยุค 90s อย่าง Powerpuff Girls ในอัลบั้มเต็มชุดแรกของวง อีกทั้งปีเดียวกันนั้น Jennie วง BLACKPINK ยังได้ร่วมงานกับอาจารย์ Naoko Takeuchi ผู้ให้กำเนิด Sailor Moon มาช่วยวาดภาพปกซิงเกิลเพลง You & Me ของเจ้าตัวจนเรียกกระแสฮือฮาไม่น้อยด้วย
แถมในวงการแฟชั่นเอง พวกเทรนด์เก่า ๆ ก็มักจะวนเวียนกลับมามีกระแสใหม่อยู่เรื่อย ๆ อย่างสไตล์ชุดแบบ Y2K สไตล์เมคอัพแบบสาว Coquette สไตล์ผมยาว Curtain Haircut ของวัยรุ่นชายยุค 90s และอีกมากมายหลายสิ่งที่เราเองก็คงเห็นมาแล้วว่ามันฮิตขนาดไหนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามาล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร Nostalgic Cycle หมดทั้งสิ้น
Nostalgia Effect ปรากฏการณ์ที่เวลาหมุนย้อนกลับ
แม้เวลาจะกำลังเดินหน้าไปไม่หยุด ทว่ากลับมีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่หันย้อนไปมองอดีตด้วยเลนส์แห่งความคิดถึง ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความทรงจำธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่มันคือปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า ‘Nostalgia Effect’ หรือ ‘ภาวะโหยหาอดีต’ นั่นเอง
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่คนสูงวัยจะคิดถึงวันเก่า ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำทั้งสุขและเศร้า แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือกระแสโหยหาอดีตเหล่านี้เองก็มีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่อย่างเจน Y และเจน Z มากไม่แพ้กัน เพราะ Nostalgia Effect อาจเป็นเครื่องมือทางจิตวิทยาในการหลีกหนีความเครียดและแรงกดดันจากยุคปัจจุบันได้ โดยเฉพาะวัยผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับหน้าที่ความรับผิดชอบและอนาคตอันไม่แน่ไม่นอน รวมถึงวัยรุ่นวัยสร้างตัวที่กำลังกังวลกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเติบโต
และอีกหนึ่งข้อสังเกตที่ตามมาคือกระแสนี้ยิ่งทวีความชัดเจนขึ้นหลังจากยุคโควิด-19 ที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน หลายคนเริ่มมองหาความสบายใจจากอดีต ก่อนขยายมาเป็นเทรนด์ใหม่ในรูปแบบแฟชั่น คอนเทนต์ และสื่อบันเทิงต่าง ๆ อย่างที่เขาว่ากันว่าวัฏจักรเหล่านี้มันมักจะวนเวียนกลับมาในทุก 20 - 30 ปี ดูท่าแล้วก็คงจะจริง
อย่างไรก็ตาม ในยุคที่โลกหมุนเร็วและเต็มไปด้วยภาวะแห่งการเปลี่ยนแปลง Nostalgia Effect กลับกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยทางใจของผู้คนจำนวนมากได้ แต่คำถามที่ตามมาก็คือเรากำลังใช้ความทรงจำในอดีตเพื่อเยียวยาหรือเพื่อหลีกหนีความเป็นจริงกันแน่ ขณะที่เรามองย้อนกลับไปนั้น เราได้เตรียมใจที่จะสร้างวันวานที่ดีสำหรับอนาคตแล้วหรือยัง?
Nostalgic Cycle วัฏจักรของเวลา (ไม่สิ้นสุด)
ลองจินตนาการถึงปี 2035 กับวัยรุ่นเจน Alpha ที่เติบโตมาในโลกเอไอและดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ พวกเขาอาจเริ่มรู้สึก ‘เท่’ กับสิ่งที่เคยถูกมองว่าธรรมดาในยุคเจน Z ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นเสื้อ Crop-Top การแต่งหน้าสไตล์ Makeup No Makeup หรือแอปโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok กับแผ่นเสียงต่าง ๆ และเพลง SpeedX2 อันสุดแสนจะฮิต ซึ่งที่เกริ่นมานี้คือการตั้งข้อสังเกตแบบสนุก ๆ ถึงสิ่งที่คนรุ่นใหม่ยุคเรากำลังเป็นและอาจจะวนลูปสู่อนาคตด้วยสิ่งเดียวกันจากเทรนด์ที่เรียกว่า ‘Nostalgia’ นั่นเอง
กระแสของเทรนด์ต่าง ๆ จาก Nostalgia มีแนวโน้มว่าจะหมุนเวียนกลับมาทุก ๆ 20 ปี โดยคนที่เติบโตแล้วในยุคหนึ่งจะหันกลับมาชุบชีวิตสิ่งที่ผูกพันในวัยเด็ก ก่อนส่งต่อความฮิตของสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไปสู่วัยอื่นด้วยเช่นกัน นั่นจึงอธิบายได้ว่าทำไมปัจจุบันเราถึงเห็นคนเจน Z สนใจแฟชั่น Y2K บางคนเริ่มไปเล่นกล้องฟิล์ม แถมจู่ ๆ วัยรุ่นก็เข้าวงการสะสมแผ่นเสียงเสียอย่างนั้น
ท้ายที่สุดเราอาจกล่าวได้ว่า Nostalgia มันไม่ใช่แค่เทรนด์หรือแฟชั่น แต่เป็นวงจรทางวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และความทรงจำที่สะท้อนให้เห็นว่าความผูกพันกับอดีตมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างเอกลักษณ์ในแต่ละยุคสมัยยังไงบ้าง ซึ่งแม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน กระแสนี้ก็จะยังคงวนเวียนกลับมาเสมอผ่านรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานอดีตกับปัจจุบัน กระทั่งกลายเป็น Nostalgic Cycle วัฏจักรของเวลาที่ไม่มีทางสิ้นสุดลง