Fukushima 50 : ตำนานแห่งซามูไรยุคใหม่

Fukushima 50 : ตำนานแห่งซามูไรยุคใหม่

ในช่วงนับตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2025 จนถึงช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผมกำลังเขียนบทความอยู่นี้ ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวนกว่า 900 ครั้งในฐานความรุนแรงที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้เกิดสภาวะสุญญากาศของประชากรชาวญี่ปุ่นด้วยหวั่นเกรงและวิตกว่าจะมีเหตุเภทภัยพิบัติใดเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เพราะการเกิดแผ่นดินไหวนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถรับรู้หรือคาดเดาเหตุการณ์ได้เหมือนลมฟ้าอากาศตามหลักอุตุนิยมวิทยา เมื่อเกิดขึ้นมันก็มาถึงตัวเสียแล้ว

มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นครั้งหนึ่งที่ฝังใจคนทั้งโลกเอาไว้ สิ่งที่คนทั้งโลกต่างจดจำในเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ความรุนแรงของแผ่นดินไหวหรือคลื่นสึนามิที่เข้าถล่มเมืองแต่อย่างใด แต่เป็นกลุ่มคนญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชีวิตของตนเองเสี่ยงเข้าไปในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพื่อปฏิบัติการดับเตาปฏิกรณ์ไม่ให้ระเบิดและเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ กลุ่มนี้มีชื่อเรียกขานว่า “Fukushima 50”

วันที่ 11 มีนาคม 2011 ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ (โทโฮกุ) ของคาบสมุทรโอชิกะ ประเทศญี่ปุ่น ลึกลงไปใต้พื้นดิน 32 กิโลเมตรได้เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ แผ่นดินไหวขนาด 9.0 แมกนิจูดเขย่าชายฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นเป็นเวลายาวนานถึง 6 นาที ความรุนแรงระดับนี้ไม่ปรากฏให้เห็นบ่อย ๆ และมันคือการเกิดแผ่นดินไหวครั้งที่รุนแรงที่สุดที่ประเทศญี่ปุ่นได้เคยประสบมา (ลำดับ 3 ของโลก) ยังผลให้เกิดคลื่นสึนามิสูงกว่า 40 เมตรพร้อมกวาดล้างเมืองทั้งเมืองในพริบตา ผู้คนหลายหมื่นชีวิตจมหายไปพร้อมสายน้ำ ไม่ใช่เพียงแค่แผ่นดินไหว ไม่ใช่เพียงแค่คลื่นสึนามิถล่มกวาดพัดบ้านเรือนถล่ม เพราะฝันร้ายไม่หยุดเพียงแค่นั้น ในอีกฟากหนึ่งของหายนะคลื่นสึนามิยังได้กวาดพัดถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ บริษัท TEPCO จนแทบสิ้นซากด้วย นี่ไม่ใช่แค่ภัยพิบัติธรรมดาแต่มันคือการปะทุของวิกฤตนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดนับแต่เชอร์โนบิลปี 1986

จินตนาการภาพสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า กัมมันตภาพรังสีที่พวยพุ่งขึ้นฟ้า เครื่องปั๊มน้ำดับ การหล่อเย็นล้มเหลว เตาปฏิกรณ์ร้อนขึ้นทุกวินาที ประชากรทุกชีวิตต่างอพยพเพราะไม่รู้ว่าการระเบิดครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อใด ในขณะที่ทุกคนต่างวิ่งหนีทว่ามีกลุ่มวิศวกร 50 คนที่ยังอยู่ พวกเขาไม่ได้วิ่งหนีแต่พวกเขาเลือกจะอยู่ต่อด้วยความสมัครใจ ซึ่งภารกิจหลักที่สำคัญก็คือการดับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์

พวกเขา 50 คนไม่มีพลังวิเศษ ไม่มีเกราะเหล็ก ไม่มีปีก ร่างกายไม่มีพลังรักษาตัว พวกเขาคือวิศวกร ช่างเทคนิค พนักงานประจำโรงงานที่ตื่นเช้ามาทำงานเหมือนมนุษย์เงินเดือนคนอื่น ๆ ทั่วไป  แต่เมื่อภัยพิบัติพังทุกอย่างลง พวกเขากลับลุกขึ้นยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครอยากทำและไม่มีใครร้องขอให้ต้องทำ กลุ่มคนกลุ่มนี้ถูกเรียกขานจากสื่อว่า “Fukushima 50” แม้ในความเป็นจริงจำนวนอาจมากกว่านั้นเมื่อรวมการผลัดเปลี่ยนเวร แต่ชื่อ “50” กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเสียสละไปแล้ว พวกเขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อควบคุมการหลอมละลายของแกนปฏิกรณ์ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเพียงหายใจเข้าอาจหมายถึงชีวิตที่สั้นลงอย่างมาก

การอยู่ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีสารกัมมันตรังสีรั่วไหลเปรียบเสมือนอยู่ในสมรภูมิที่มองไม่เห็นข้าศึก ศัตรูของพวกเขาไม่มีใบหน้าแต่ซึมเข้าสู่ร่างกายเงียบ ๆ ผ่านอากาศ ผ่านน้ำ ผ่านฝุ่น กลุ่ม Fukushima 50 ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเติมน้ำทะเลเข้าหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์ที่กำลังปะทุ ทำอย่างไรก็ได้ในการสูบน้ำทะเลและเติมเข้าไปดับเตาปฏิกรณ์ให้ได้มากที่สุดแม้จะรู้ว่าการทำเช่นนั้นอาจทำลายเตาถาวรทั้งยังทำลายตัวเขาเองไปพร้อมกัน พวกเขาแบกท่อหนักเป็นตัน ๆ ขึ้นบันไดที่ถล่มกึ่งหนึ่ง สูบฉีดน้ำภายใต้เสียงระเบิดและประกายไฟที่ลุกจากหม้อปฏิกรณ์ร้อนจัด มีบางคนในกลุ่มนี้ที่อายุเกิน 60 ปีแล้วแต่ทุกคนต่างพร้อมใจทำหน้าที่นี้ เพื่อไม่อยากให้ลูกหลานของตนเองและเด็ก ๆ วัยเยาว์ที่มีอนาคตถูกหลอมละลายไปพร้อมเตาปฏิกรณ์

ขณะที่โลกภายนอกเฝ้าติดตามข่าวด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ กลุ่มคน 50 คนกลับตั้งหน้าตั้งตาทำงานโดยไม่มีแสงแฟลช ไม่มีเสียงเชียร์ ไม่มีผู้บริหารมาจับมือขอบคุณ ทุกการตัดสินใจคือความเสี่ยงต่อชีวิต พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งข้อมูลแน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเตาปฏิกรณ์ระเบิดขึ้นมาอีก จนผู้สื่อข่าวทั่วโลกเปรียบพวกเขาเป็น “ซามูไรยุคใหม่” ด้วยเกียรติภูมิแห่งความรับผิดชอบและการเสียสละของซามูไรที่เป็นมากกว่าดาบหรือเกราะ

เวลาผ่านไปแม้เตาปฏิกรณ์จะดับลงแล้ว แต่ฟุกุชิมะยังคงเป็นพื้นที่ต้องห้ามเพราะมีความกังวลว่าส่วนของสารกัมมันตรังสีอาจจะยังหลงเหลืออยู่ ในส่วนของประชากรที่อยู่ในมือง ผู้คนจำนวนมากยังไร้บ้าน สูญเสียคนที่รัก บางคนเสียชีวิตจากมะเร็งจากรังสีของเตาปฏิกรณ์ที่แผ่พุ่งออกมา ผู้กล้าทั้ง 50 คนเสียชีวิตไปแล้วส่วนหนึ่งและบางส่วนกำลังเผชิญกับสภาวะมะเร็ง แต่กระนั้นไม่มีใครออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบ ไม่มีใครเรียกร้องซึ่งเกียรติยศชื่อในหน้าประวัติศาสตร์หรือสิ่งช่วยเหลือ...แต่ทว่าไม่เคยมีใครลืมพวกเขา คนญี่ปุ่นไม่ลืม ทั่วโลกไม่ลืม ชื่อของ Fukushima 50 ยังถูกพูดถึงในญี่ปุ่นด้วยความเคารพ

ไม่มีใครรู้ชื่อของพวกเขา ไม่ได้ขึ้นปกนิตยสาร ไม่มีเหรียญตรา ไม่มีพิธีอันหรูหรา แต่ความกล้าหาญของพวกเขากลายเป็นบทเรียนสากลว่ามนุษย์ธรรมดาเมื่อถึงเวลาจำเป็น อาจกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่กว่าใครทั้งหมด

เรื่องราวของกลุ่ม Fukushima 50 ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เพื่อรำลึกถึงความเสียสละและความกล้าหาญ โดยใช้ชื่อภาพยนตร์ว่า “Fukushima 50” ตามชื่อกลุ่ม ออกฉายเมื่อปี 2020 

Fukushima 50 : ตำนานแห่งซามูไรยุคใหม่