พิมพ์พิชา อุตสาหจิต

พิมพ์พิชา อุตสาหจิต

คุณนิว พิมพ์พิชา อุตสาหจิต คือผู้บริหารสาวรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของเครือบันลือกรุ๊ป ผู้สร้างสรรค์ Content ครบวงจรชั้นนำระดับประเทศ หลาย ๆ คนคงคุ้นหูกับหลากหลายแบรนด์ของบันลือกรุ๊ป เช่น บรรลือสาส์น, วิธิตา แอนิเมชั่น, แซลมอน, แซลมอนเฮ้าส์ และมินิมอร์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การ์ตูนไทยแนวแก๊กอารมณ์ดีระดับตำนานอย่างขายหัวเราะ–มหาสนุก เป็นตัวชูโรง สร้างความบันเทิงให้กับแฟนหนังสือการ์ตูนมาหลายสิบปี

หลังจากที่เธอเรียนจบระดับปริญญาตรี นิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณนิวก็ได้ไปศึกษาต่อด้านธุรกิจที่  Imperial College London ประเทศอังกฤษ ก่อนจะกลับมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวที่มีงานมากมายรอเธออยู่

“ครอบครัวนิวไม่ได้บังคับให้ต้องมาทำงานตรงนี้เลยค่ะ แต่เนื่องจากตัวเองเป็นลูกคนโตที่อยู่กับสภาพแวดล้อมของหนังสือการ์ตูนและสิ่งพิมพ์มาตั้งแต่เด็ก เลยรู้สึกว่าทำสิ่งเหล่านี้ได้ดีกว่าอย่างอื่น จึงเลือกที่จะเรียนทางด้านนิเทศศาสตร์การบริหารธุรกิจ การมีคอนเทนต์ที่ดีไม่ได้การันตีว่าจะขายได้ มุมมองด้านการตลาดด้วย คือถ้าเรามีครบทั้งสองอย่างเราก็จะเข้าใจทั้งกระบวนการทำงานภายใน แล้วรู้ด้วยว่าคนภายนอกเขาต้องการอะไร”

“หน้าที่หลักของนิวคือดูแลโปรเจ็กต์ทางธุรกิจต่างๆ และอีกอย่างหนึ่งที่ทำควบคู่ไปคือดูเรื่องคอนเทนต์ร่วมกับคุณพ่อ (วิธิต อุตสาหจิต) แต่ทำให้ได้เรียนรู้ว่าจุดประสงค์ที่เรามีนักเขียนหลายคนในเล่มเพราะนักอ่าน ต้องการความฮาที่หลากหลาย ซึ่งนิยามของขายหัวเราะคืออ่านแล้วตลก อ่านแล้วอารมณ์ดี ด้วยความที่เป็นหนังสือสำหรับคนทุกกลุ่มหลากหลายช่วงวัย ซึ่งมีแบคกราวน์อารมณ์ขันที่ไม่เท่ากัน เราจึงวางตัวเองไว้ว่า ทุกแก๊กของเราต้องทำให้อารมณ์ดี ฟีลกู๊ด มีไดนามิกระดับความฮาที่หลากหลายก็ตาม

“ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ ถ้าใครคิดถึงการ์ตูนแก๊กในรูปแบบ ปู ชง ตบ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขันก็ต้องคิดถึงขายหัวเราะเป็นอย่างแรก ต่อมาก็อาจจะคิดถึงมหาสนุกเพราะมีรูปแบบคล้ายกัน แตกต่างตรงที่มหาสนุกนั้นเจาะกลุ่มครอบครัว เนื้อหาอ่านง่ายและเหมาะกับเยาวชนมากกว่าขายหัวเราะ คือจะไม่มีภาพเซ็กซี่ โจ๊กแนวสามีภรรยา การเมือง หรือแก๊กลึก ๆ ที่เข้าใจยาก ซึ่งปัจจุบันนอกจากจะสนุกแล้ว เรายังสอดแทรกความรู้น่าสนใจเข้าไปด้วย ส่วนแบรนด์อื่น ในเครืออย่างหนูหิ่น ปังปอนด์ สาวดอกไม้กะนายกล้วยไข่ หนังสือทุกเล่มก็จะมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

“ในยุคที่อุตสาหกรรมหนังสือเฟื่องฟู สำนักพิมพ์ต่าง ๆ สามารถออกหนังสือได้หลากหลายปกในแต่ละรอบการขาย  แต่ในยุคปัจจุบันนโยบายของเราเน้นไปที่ ‘ความแม่นยำ’ มากกว่า ‘จำนวน’ คือ เลือกออกเล่มที่แมทช์กับทาร์เก็ตของเราค่อนข้างแน่นอนเพื่อลดความเสี่ยง คือถ้าไม่แน่ใจว่าดีจริง ๆ เราจะไม่ปล่อยออกมา ส่วนเล่มที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วก็รักษาจุดแข็งเอาไว้ ส่วนเล่มใหม่ ๆ เราก็พยายามทำให้คอนเทนต์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต่อยอดคอนเทนต์ของเราไปยังสื่ออื่น ๆ ด้วย”

ปัจจุบันโลกของหนังสือเปลี่ยนไปเมื่อเทคโนโลยีโดยเฉพาะในโลกออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น พฤติกรรมการบริโภคสื่อก็เปลี่ยนแปลงตามไปอย่างรวดเร็วเมื่อมาถึงจุดนี้ คุณนิวในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของบริษัท ได้เข้ามามีบทบาทดูแลในส่วนของการสรรหาและพัฒนาธุรกิจใหม่ ให้เกิดขึ้นกับองค์กร โดยที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่หนังสือการ์ตูนอีกต่อไป

บริษัทเราโชคดีตรงที่เราเป็น Multi-Platform Media Content Provider คือทำเนื้อหาสื่อแบบครบวงจร ซึ่งไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่สิ่งพิมพ์อย่างเดียว ทำให้เรามีโอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้น เล่นอะไรสนุก ๆ กับโปรเจ็กต์ของเราได้มากขึ้นเช่น เราต่อยอดคอนเทนต์ของเราไปได้ทั้งแอนิเมชั่น ดิจิตอลคอนเทนต์ สติ๊กเกอร์แชท เว็ปไซต์ แอพพลิเคชั่น และรายการโทรทัศน์และออนไลน์ อย่างขายหัวเราะ–มหาสนุกนั้นมีจุดเด่นคือ เป็นคอนเทนต์ที่สร้างอารมณ์ขัน ได้ในทุกสื่อรอบ ๆ ชีวิตประจำวันของทุกคน

“เรามีบริษัทในเครือคือ วิธิตา แอนิเมชั่น ทำหน้าที่ต่อยอดคาแรกเตอร์ของเราโดยเฉพาะ อย่างการ์ตูนปังปอนด์ ที่เป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นออกฉายในรูปแบบ2D และ 3D ทางช่อง 3 และไปฉายต่อที่จีนและเอเชียแปซิฟิก หรือการ์ตูนสามก๊กของเราจากที่เป็นหนังสือการ์ตูน ก็พัฒนาเป็นแอนิเมชั่น 2D ออกฉายทางช่อง 7 ซึ่งต่อมาขายลิขสิทธิ์ไปประเทศเกาหลี และยังมีคาแรกเตอร์และคอนเทนต์อื่น ๆอีกมากมาย ซึ่งปัจจุบันเรายังเป็นพาร์ทเนอร์กับ Online Platform ต่าง ๆ หลายเจ้าซึ่งจะทำให้อาณาจักร Content ของเราขยายดินแดนกว้างออกไปไกลในปีนี้

“จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งคือ เรามีทั้งนักเขียนรุ่นเก๋ารุ่นใหม่ ทีม Creative และทีมงานที่มีศักยภาพมากพอที่จะนำพาคาแรกเตอร์การ์ตูนและ Content ทุกรูปแบบของเราไปสู่ดินแดนใหม่ในระดับนานาชาติ อย่างล่าสุดนิวได้ไปออกงานที่ฮ่องกงมาได้พาปังปอนด์และหนูหิ่นไปให้ชาวต่างชาติได้รู้จัก  ซึ่งชาวต่างชาติจะสนใจเป็นพิเศษเพราะรู้จักเราในฐานะ Best Local อันดับหนึ่งของการ์ตูนไทย

“การทำงานของบริษัทเราจากนี้ไปไม่ได้มองเราแค่ว่าจะออกหนังสืออะไร Content อะไรเท่านั้น แต่เราแพลนไปเลยว่าโปรเจ็กต์นี้สามารถต่อยอดไปเป็นอะไรได้บ้าง เช่น เป็นออดิโอบุ๊ค เป็นแอนิเมชั่น หรือสติ๊กเกอร์แชท แล้วโปรเจ็กต์นั้น ๆ มี International Appeal มากแค่ไหน เหมาะจะโกอินเตอร์ไหม เช่นเราอยากนำพาขายหัวเราะไปให้ต่างชาติรู้จักมากขึ้น เพราะเราเชื่อว่าอารมณ์ขันเป็นเรื่องสากล ถ้าไม่นับแก๊กส่วนมากขำกันได้แบบไร้พรมแดน และธุรกิจที่ได้ทำให้คนหัวเราะเป็นธุรกิจที่ทำแล้วเราเองก็มีความสุขด้วย Humour Business ของเรา 

The Business of Humor อีกก้าวของการเปลี่ยนแปลง