จุดเปลี่ยน

จุดเปลี่ยน

ชั่วโมงนี้กระแสฟุตบอลไทยมาแรงแซงทางโค้ง เพราะฟุตบอลทีมชาติไทยมีผลงานดีมาก แต่ภาพการยุติบทบาทของ คุณวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลเมืองไทย ห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลเมืองไทยก็เป็นเรื่องที่คนฟุตบอลในเมืองไทยยิ่งไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนมีคำถามมากมายว่าทิศทางของฟุตบอลเมืองไทยจะเป็นอย่างไร

เรื่องนี้คาดเดายากมากเพราะฟีฟ่าที่เป็นหน่วยงานใหญ่ควบคุมฟุตบอลทุกประเทศทั่วโลกกำลังสังคายนา คนทำงานในองค์กรที่มีเรื่องราวไม่ดี ขนาดเจ้าพ่อวงการฟุตบอลอย่าง เซปป์ แบล็ตเตอร์ หรือทายาทคนต่อไปอย่าง มิเชล พลาตินี่ ยังต้องพิสูจน์ว่ามีปัญหาเกี่ยวข้องกับเรื่องมัวหมองที่ฟีฟ่าสงสัยหรือไม่ และส่งหลักฐานเพื่อรอการพิสูจน์ ทำให้การเลือกตั้งเลขาธิการและประธานคนใหม่ของฟีฟ่า ก็ดูยากว่าจะเป็นใครที่ได้รับการยอมรับเข้ามาดูแลองค์กรระดับโลกอย่างฟีฟ่า ที่มีผลประโยชน์มากมายมหาศาล

ส่วนในเมืองไทยชั่วโมงนี้ ปัญหาก็เยอะมากเพราะนายกถูกสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับ วงการฟุตบอลเมืองไทยที่ตัวเองเป็นนายกอยู่ โดยมีระยะเวลา 90 วันเพื่อให้กรรมการกลาง 6 คน ที่ฟีฟ่าแต่งตั้งขึ้น เข้ามาเคลียร์ปัญหาโดยเฉพาะเสียงของสมาชิก 72 เสียง ที่มีสิทธิในการเลือกนายกสมาคมฟุตบอลคนใหม่ เหตุผลที่มีคณะกรรมการก็เพราะฟีฟ่าได้รับการร้องเรียนว่า สมาชิก 30 เสียงที่คัดเลือกใน  AIS ลีกภูมิภาค มีการเลือกแบบไม่โปร่งใส

พอมีคณะกรรมการกลางที่เข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทางออกก็น่าจะชัดเจน เพราะเมื่อฟีฟ่าได้รับรายงานการสรุปจากคณะทำงานก็น่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งตามระยะเวลาที่กำหนด และไม่ขัดกับพระราชบัญญัติทางด้านกีฬาของเมืองไทย 

โจทย์ที่ทุกคนในวงการฟุตบอลเมืองไทยสงสัยว่านายกคนเก่า คุณวรวีร์ จะมีสิทธิ์สมัครเข้ารับการเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้ก็จะหมดไป เพราะฟีฟ่าจะไม่ยับยั้งหรือห้ามคนในแวดวงฟุตบอลที่มีสิทธิในการสมัคร หลังจากคณะกรรมการกลางทำงานจบลง และกำหนดวันเลือกตั้งซึ่งตรงกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์เดือนหน้า ทุกอย่างก็จะมีภาพชัดเจน

ส่วนผู้สมัครที่ลงเลือกตั้งประมุขลูกหนังไทย ประกอบไปด้วย แชมป์เก่า คุณวรวีร์ มะกูดี ที่จะพ้นโทษระงับสิทธิ์ 1 วัน ก่อนวันรับสมัครวันสุดท้าย บิ๊กอ็อด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากขั้วตรงข้ามของคุณวรวีร์, บิ๊กหอย คุณธวัชชัย สัจจกุล อดีตผู้จัดการทีมชาติไทยชุดดรีมทีม และ คุณพินิจ สะสินิน หนึ่งในอดีตคณะกรรมการกลางการเลือกตั้ง ที่แต่งตั้งจากฟีฟ่าต้องดูว่าจะลาออกมาเพื่อลงสมัครหรือไม่

โดยส่วนตัว ผมอยู่ในแวดวงฟุตบอลเมืองไทยมาตั้งแต่จำความได้ เคยมีโอกาสเข้าไปเห็นการทำงานของสภากรรมการหลายชุดหลายสมัย เคยคิดอยากเข้าไปทำงานเพื่อสนองความต้องการของตัวเองที่อยากเห็นบอลไทยไปบอลโลก จนได้บทสรุปว่าหมดหวัง  ออกมายืนนอกวงกลมและบอกกับตัวเองว่าเจนเนอเรชั่นของผมคงหมดโอกาส ไม่มีทางเป็นไปได้

แต่พอฟีฟ่าโชว์จุดยืนที่ชัดเจน ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม จะเป็นใครมาจากไหน ถ้าทำผิดฟีฟ่าก็ไม่สนใจ ทำให้ผมศรัทธาองค์กรฟีฟ่าเพิ่มมากขึ้น และเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายฟ้าว่าเมืองไทยมีความหวัง ถ้าเราได้คนดีมีความรักในเรื่องของฟุตบอล มีความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการ...ฟุตบอลไทยไปบอลโลกมีโอกาสครับ

ในชั่วโมงนี้สมาคมฟุตบอลมีปัญหาอยู่พอสมควร ทางออกในความคิดผม อยากเห็นสภากรรมการชุดใหม่ เป็นชุดผสมครับ คนที่ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม ต้องมีความจริงใจ อยากเห็นฟุตบอลเมืองไทยมีการพัฒนาและมีการบริหารงานที่โปร่งใส กล้าเชิญมืออาชีพในแต่ละฝ่ายเข้ามาทำงานเป็นรัฐบาลผสม นายกคนใหม่และทีมงานต้องมาจากคนทุกกลุ่มที่อยู่ในแวดวงฟุตบอลเมืองไทย มาช่วยกันบริหารงานและตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ขอเวลาในการบริหารงานอาจเทอมเดียว 4 ปี หรือถ้าผลงานดีก็อาจจะทำงานต่ออีกเทอมรวมเป็น 8 ปี  พองานเสร็จแล้วก็เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสานต่อการทำงาน ไม่ปล่อยให้ตำแหน่งนายกสมาคมเป็นเจ้าของสัมปทาน และไม่เปิดโอกาสให้มีการรวบอำนาจของกลุ่มใด

ผมฝันว่าฟุตบอลเมืองไทยน่าจะมีอนาคตที่ดี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นความจริง งานนี้ต้องการความร่วมมือของคนในวงการฟุตบอล ชั่วโมงนี้วงการฟุตบอลเมืองไทยมีโอกาส อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ขอเพียงคนในแวดวงฟุตบอลเมืองไทย มีความกล้าพอและมีความจริงใจ ฟุตบอลเมืองไทยจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างอยู่ที่พวกเราว่ากล้าพอที่จะเปลี่ยนแปลงหรือจะยอมให้ทุกอย่างอยู่ในวังวนของคนไม่กี่คน ผมจะรอดูว่าคนวงการฟุตบอลจริงใจหรือจิงโจ้ครับ 

แวดวงฟุตบอลเมืองไทย