อภิชาติ ลีนุตพงษ์

อภิชาติ ลีนุตพงษ์

เทรนด์รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือที่เรียกติดปากกันว่า Big Bike นั้นกำลังมาแรงมากๆ ไม่ว่าจะด้วยไลฟ์สไตล์หรือ Community ต่างๆ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าหากเอ่ยถึง Big Bike ในฝันของผู้ชายหลายๆ คนก็คงจะไม่พ้นแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง DUCATI นั่นเอง และผู้ชายคนนี้คือหนึ่งในเบื้องหลังความสำเร็จของ DUCATI ในประเทศไทย “คุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด

“ผมเริ่มงานเป็นดีลเลอร์ของรถยนต์ BMW ในบริษัทบาเซโลนา มอเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว ในปี 2001 ซึ่งเป็นปีแรกที่ BMW ก่อตั้งแผนกมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทย แล้วทางดีลเลอร์ที่ผมทำงานอยู่ก็เป็นฝ่ายที่ช่วยก่อตั้งโชว์รูมมอเตอร์ไซค์ BMW แห่งแรกในเมืองไทย จนเมื่อปี 2009 ผมก็ได้ลาออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง 

“จุดเริ่มต้นที่ทำธุรกิจนี้เพราะผมชื่นชอบมอเตอร์ไซค์ครับ ประกอบกับตอนเรียนอยู่ที่เยอรมันช่วงทำงานที่ BMW มีเพื่อนสนิทเป็นคนเวเนซุเอล่าซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย Ducati ในประเทศของเขา ก็เลยแนะนำเพราะเห็นว่าเราสนใจ และพาไปรู้จักกับทาง Ducati ที่อิตาลีเมื่อสิบกว่าปีก่อน ช่วงเริ่มต้นนำมาเข้ามาจำหน่ายในช่วงนั้นยอดขายยังไม่เยอะเพราะ Big Bike ยังเป็นตลาดที่เล็กอยู่ เรียกได้ว่าคนละสเกลกับในปัจจุบันเลยครับ ปีแรกเราขายได้ 12 คัน มีพนักงานในบริษัทเพียง 3 คน แต่ในปี 2014 ที่ผ่านมาเรามียอดอยู่ที่ 3,057 คัน

“ภาพรวมตลาดมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยจะมียอดจำหน่ายประมาณกว่าสองล้านคันต่อปี ฉะนั้นวัฒนธรรมของคนไทยจะชอบขี่มอเตอร์ไซค์อยู่แล้ว Big Bike ก็เป็นความฝันอย่างหนึ่งของคนขี่มอเตอร์ไซค์ ที่วันหนึ่งถ้ามีโอกาสก็อยากจะขยับมาขี่ Big Bike เหมือนกับคนที่ขับรถยนต์ที่อยากจะเป็นเจ้าของซูเปอร์คาร์ 

“ในช่วงแรกตลาด Big Bike ยังไม่โตเหมือนกับรถยนต์ การตลาดก็ต่างกัน เพราะคนซื้อรถยนต์จะซื้อเพราะความจำเป็นในการใช้งานมากกว่า ยกตัวอย่างถ้าซื้อ Big Bike คันละสี่แสนบาทสักคัน ซึ่งราคาอาจจะเท่ากับรถยนต์คันเล็กๆ แม้จะเป็นคนที่มีรายได้เท่ากันแต่ความต้องการไม่เหมือนกันแล้วครับ คนที่ซื้อรถยนต์คันละสี่แสนอาจไม่ได้คาดหวังอะไรมากกว่าการใช้งาน แต่ Big Bike ซึ่งราคาเท่ากันอาจตอบโจทย์ในเรื่องไลฟ์สไตล์ที่เขาต้องการได้มากกว่า เป็นการเข้าสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง

“มีหลายคนที่ไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์มาก่อนเลย แต่พอมีเรื่องไลฟ์สไตล์เข้ามาเกี่ยวข้องก็ทำให้เขาต้องมาขี่เพื่อเข้ากลุ่ม เหมือนกับการขี่ม้าครับ ในยุคนี้ม้าไม่ใช่พาหนะที่ใช้กันแล้ว แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่ชื่นชอบการขี่ม้า Big Bike ก็เลยตอบโจทย์ว่าจะใช้เป็นพาหนะในชีวิตประจำวันก็ได้ จะใช้เข้าสังคมออกทริปกับเพื่อนๆ ก็ได้ หรือจะขี่เล่นในแทร็คก็ได้เช่นกัน

“ที่กระแสหรือตลาด Big Bike บูมมาก ผมว่าเนื่องจากในปัจจุบัน Big Bike หลายๆ ค่ายจะประกอบภายในประเทศ ทำให้ได้รับการยกเว้นในเรื่องของภาษี ฉะนั้นราคาขายภายในประเทศจะใกล้เคียงกับประเทศผู้ผลิต เพราะได้รับยกเว้นค่าภาษีถึง 60 % และสามารถผ่อนกับสถาบันการเงินต่างๆ ได้ ในเรื่องของกำลังซื้อปัจจุบันคนจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้นครับ”

หลักในการบริหารงาน เขามุ่งเน้นในเรื่องของการบริหารคนมากมากว่า เพราะคนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ต้องเลือกคนให้เหมาะกับคาแรกเตอร์ขององค์กร หลังจากได้คนที่เหมาะสมกับงานแล้วก็จะเป็นเรื่องการบริหารงานอื่นๆ ในองค์กร บริหารเรื่องต้นทุน และการจัดการต่างๆ 

“สังคมของ Ducati เราเริ่มมาจากให้ลูกค้ามาเรียนในหลักสูตร DRE (Ducati Riding Experience) ซึ่งเป็นการเรียนรู้พื้นฐานในการขับขี่ให้ถูกต้อง สนุกและปลอดภัยโดยมีครูฝึกที่ชำนาญคอยแนะนำอย่างใกล้ชิดก่อน เมื่อเรียนเสร็จเราก็จะมีการจัดทริป เขาก็จะออกทริปกับเราเพื่อจะได้รู้ว่าขับขี่ออกทริปอย่างไรให้ปลอดภัย เพื่ออีกหน่อยเขาอยากจะจัดทริปแล้วเป็นผู้นำทริปซึ่งเราเรียกว่า Marshall จะต้องทำอย่างไร 

“พอไปทริปเสร็จก็จะทำให้เขารู้จักกัน เกิดเป็น Communityในการขี่มอเตอร์ไซค์ของเขาขึ้นมา เมื่อเกิดสังคมในการขับขี่แน่นอนครับว่าเขาก็จะกลับมาซื้อใหม่หรือแนะนำเพื่อนๆ ให้มาซื้อบ้าง ทริปที่เราจัดจะไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเน้นการไปสนุกกับครอบครัว มีการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เพื่อให้ครอบครัวเขาได้รู้ว่าการออกทริปอย่างปลอดภัยเป็นอย่างไร ส่วน Big Bike ที่ผมใช้จะมีอยู่สองคัน เป็น Ducati รุ่น Streetfighter S และสปอร์ตคลาสสิกรุ่น GT 1000 นอกนั้นจะเป็นรุ่นคลาสสิกที่ซื้อเก็บสะสมครับ 

“แนวทางการตลาดของเราจะเน้นในเรื่องการสร้าง Community ความปลอดภัยในการขับขี่ การสร้างแบรนด์ และการบริการหลังการขาย รุ่นเริ่มต้นของ Ducati จะเป็นรุ่น Scrambler Ducati ราคาเริ่มต้นที่สามแสนกว่าบาท ส่วนรุ่นที่แพงที่สุดจะเป็นรุ่น Ducati 1199 Superleggera ซึ่งเป็น Super Bike ราคาจะอยู่ที่ประมาณสี่ล้านบาทครับ การตัดสินใจของกลุ่มลูกค้าจะอยู่ที่ความคุ้มค่าในตัวรถ อุปกรณ์ที่ใช้ ดีไซน์หน้าตาของรถ สุดท้ายก็คือ Performanceส่วนรุ่นที่ขายดีที่สุดจะเป็นรุ่น Monster ครับ อาจเพราะด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม การดีไซน์ให้ขี่ง่ายและราคาอยู่ใน Range ที่ไม่สูงมาก สมเหตุสมผล 

“สำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็นเจ้าของ Big Bike สักคัน ต้องถามใจตัวเองก่อนครับว่าชอบรถสไตล์ไหน รูปทรงอย่างไรที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ ต่อมาคืองบประมาณที่กำหนดเอาไว้ สุดท้ายคือกิจกรรมและ Community ที่เข้าไปอยู่ ความปลอดภัยในการขับขี่สำคัญมากครับ หรือก่อนจะตัดสินใจซื้อรถให้มาทดลองเรียนในหลักสูตร Basic ของ DRE ดูก่อนก็ได้ครับ ว่าพอได้ลองขับขี่จริงแล้วรู้สึกอย่างไร” 

Know Him

จบการศึกษา ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท MBA จาก Clark University ประเทศสหรัฐอเมริกา

ร่วมงานกับ BMW ตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปี 2009 หลังจากนั้นจึงเปิดบริษัท ดูคาทิสติ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย Ducati ในประเทศไทย

Ducati Thailand มีโชว์รูมอยู่ 14 สาขาทั่วประเทศ

ยอดขาย Ducati ในเมืองไทยปี 2014 ติดอันดับ Top 5 จากทั่วโลก

Big Bike is Lifestyle