‘ฟีฟ่า’

‘ฟีฟ่า’

ช่วงที่ผ่านมาอีกประเด็นใหญ่ในเรื่องของวงการฟุตบอลคงหนีไม่พ้นตำแหน่งประธานของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่าของ “เซปป์ แบล็ตเตอร์” คุณปู่วัย 78 ปีจากสวิตเซอร์แลนด์ที่กำลังจะหมดวาระสมัยที่ 4 ของตัวเอง เรียกว่าอยู่ในตำแหน่งประมุขของวงการลูกหนังมาถึง 16 ปีเต็ม

แน่นอนว่าหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมปู่แบล็ตเตอร์ถึงนั่งอยู่ในตำแหน่งนานเหลือเกิน อันนี้ก็คงตอบแทนไม่ได้เพราะถ้าดูจากรายชื่อประธานคนก่อนๆ ก็นั่งอยู่ในตำแหน่งนานไม่แพ้กัน อย่าง “โฮเซ่ ฮาเวลาส” ชาวบราซิลที่ดำรงตำแหน่งนานถึง 24 ปี (1974-1998) “เซอร์ สแตลีย์ โรมัส” ชาวอังกฤษก็อยู่ในตำแหน่ง 15 ปี

สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือ ตำแหน่งงานในฐานะประมุขลูกหนังโลกต้องดีแน่ๆ มิเช่นนั้นแต่ละคนคงไม่ผูกขาดตำแหน่งนี้ได้ยาวนานเกิน 10 ปี เรียกว่าทำงานกันลืมแก่กันไปเลย แถมคุณปู่แบล็ตเตอร์ยังออกมาประกาศว่าสมัยหน้า ปู่สู้ตาย ขอนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้อีกสักวาระ

ถึงจะไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมหลายคนถึงอยากเป็นประธานองค์กรนี้และพอได้เป็นถึงไม่ค่อยยอมลุกให้คนอื่นซักเท่าไหร่ แต่ต้องอย่าลืมว่าบทบาทของฟีฟ่าในปัจจุบันบางทีมีอำนาจมากกว่าองค์กรระดับโลกหลายๆ องค์กรด้วยซ้ำถ้ายึดหลักว่า ฟุตบอลคือกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ของโลกและกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็วในประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ ดังนั้นนี้แหละคือกีฬาที่เข้าถึงมวลมนุษย์ชาวโลกมากที่สุด

อีกทั้งในแง่ของรายได้ก็เชื่อแบบไม่ต้องเดาหรือดูหลักฐานใดใดทั้งสิ้นว่า เงินรายได้ในแต่ละปีนั้นมหาศาลเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเงินจากสปอนเซอร์ทั้งหลาย เงินจากการจัดการแข่งขันฟุตบอลในอีเว้นท์ต่างๆ เงินค่าบำรุงประจำปี ยิ่งเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกด้วยละก็อิ่มหมีผลีมันอย่างแน่นอน

ไม่นับค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดอีก เรียกว่า มีกองมหาสมบัติอยู่ตลอดเวลา (ไม่รู้จะเป็นสมบัติพระศุลีหรือเปล่านะ)

อย่างไรก็ตามในช่วงหลังภาพลักษณ์ของฟีฟ่ากำลังแย่ลง ยิ่งเรื่องของการเลือกตั้งฟุตบอลโลกในปี 2022 ที่ประเทศกาตาร์ชาติเศรษฐีน้ำมันในตะวันออกกลางได้รับเลือกว่าล็อคสเปกหรือมีการจ่ายใต้โต๊ะกันหรือเปล่า (ถ้าสมมติมีจริง คงต้องเป็นเงินจำนวนมหาศาลและมีผู้ที่เกี่ยวข้องในฟีฟ่าหลายคนแน่นอน)

ทั้งๆ ที่ประเทศกาตาร์ยังไม่เคยไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายสักสมัยเดียวด้วยซ้ำ และเมื่อได้รับเลือกแล้วยังมีปัญหาเรื่องสภาพอากาศตามมาอีกเนื่องจากช่วงที่ใช้จัดฟุตบอลโลกเป็นประจำคือ เดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม อากาศที่กาตาร์อุณหภูมิสูง 40-45 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว อย่าว่าแต่ฝรั่งเลยให้คนตะวันออกกลางแถวนั้นไปเตะบอล (ใส่ชุดฟุตบอล) ไม่เกิน 10 นาที เป็นลมหมดสติแน่

เรื่องนี้คงต้องให้ทางฟีฟ่ากับผู้ที่เกี่ยวข้องไปแก้ปัญหากันเอาเองเพราะเลือกมาแล้ว ต้องอย่าลืมว่าถึงกาตาร์สามารถบันดาลสนามติดแอร์ได้ทุกสนาม แต่ถ้าแข่งจบแฟนบอลก็ต้องออกไปเจออากาศร้อนอยู่ดี และไม่มีอะไรรับประกันว่าแฟนบอลจะมาเชียร์ทีมชาติของตัวเองในฟุตบอลโลกที่กาตาร์เหมือนที่อื่นที่ผ่านๆ มา เพราะมีปัจจัยไม่สะดวกหลายอย่าง

แน่นอนว่าผู้ท้าชิงทุกคนต้องหาเสียงผู้สนับสนุนให้ตัวเองก่อนชิงวันลงคะแนนและประกาศผลอย่างแน่นอนซึ่งช่วงเวลานี้แหละของให้จับตาดูบิ๊กฟีฟ่าอย่างคุณปู่แบล็ตเตอร์และบรรดาผู้ท้าชิงตำแหน่งให้ดีว่าแต่ละคนจะมีกลเม็ดเคล็ดลับและอำนาจขนาดไหนเพื่อที่จะทำให้สโมสรสมาชิกกว่า 200 ประเทศมาลงคะแนนให้กับตัวเอง

อย่างไรก็ตามเรื่องราวของการชิงตำแหน่งประมุขวงการลูกหนัง ยังมีเรื่องที่หลายคนอาจจะไม่คาดคิดก็คือ “มิเชล พลาตินี่” นโปเลียนลูกหนังที่ดำรงตำแหน่งประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่าคนปัจจุบัน ที่ช่วงหลังออกมาแสดงความคิดเห็นในทางลบเกี่ยวกับคุณปู่แบล็ตเตอร์ ยิ่งการนั่งเก้าอี้ผูกขาดมายาวนานบวกกับภาพลักษณ์ที่ดูย่ำแย่ขององค์กรแห่งนี้

เห็นอย่างงี้แล้ว น่าขนลุกและคาดไม่ถึงกับการชิงตำแหน่งเจ้าลูกหนังโลก ที่ยิ่งกว่าหนังฮ่องกง “เซียนตัดเซียน” จริงๆ ครับ  

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากคอลัมนิสต์ “คุณลูกแม่กิ่ง”

เกมการเมืองฟุตบอลของเซียนตัดเซียน