นวมินทร์ ประสพเนตร

นวมินทร์ ประสพเนตร

หากจะพูดถึงธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่เรียกได้ว่าแทบจะครบวงจร และมาแรงที่สุดในวันนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่พูดถึงผู้คุมบังเหียนที่สำคัญแห่งอาณาจักร Mono Group คุณนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท โมโนเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)

จากวันนั้นสู่วันนี้ 

สิ่งหนึ่งที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนที่กล้าคิด กล้าทำ ฉีกทุกกรอบของความคิดนั้นมาจากพื้นฐานในวัยเด็ก หากมองย้อนกลับไปในวันวานของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาเคยวางเป้าตัวเองในอนาคตแล้วว่าอยากทำงานด้านธุรกิจ แต่ความเป็นจริงเส้นทางการเป็นนักธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความที่เขามาจากครอบครัวรับราชการ คุณพ่อเป็นทหาร ซึ่งได้รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยทูตทหารที่สหรัฐอเมริกา จึงทำให้เขาได้เรียน High School ที่นั่น แต่เนื่องจากผลการเรียนดี ทำให้เขาได้รับทุนเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาจากกองทัพบก จนได้เข้าศึกษาต่อที่ Bentley University ในสาขาวิชา Computer Information System โดยเลือกเรียน Finance เป็นวิชาโท 

เมื่อเรียนจบ เขาจึงกลับมาทำงานใช้ทุนให้กับกองทัพบก เป็นเวลา 6 ปี ด้วยการรับราชการเป็นทหาร ที่ต้องผ่านบททดสอบมากมายเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ระหว่างนั้นเขาได้มีโอกาสไปช่วยราชการในศูนย์อินเตอร์เน็ต ททบ. 5 สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ทำเกี่ยวกับการรายงานข่าวผ่านทางอินเตอร์เน็ตในยุคเริ่มต้น สิ่งที่เขาเรียนรู้ได้จากตอนนั้นคือ ความไม่แน่นอนของเทคโนโลยี ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา

นวมินทร์ ประสพเนตร
นวมินทร์ ประสพเนตร

“ที่รับราชการทหารส่วนหนึ่งต้องใช้ทุน อีกส่วนคือเพื่อพ่อแม่ เพราะพวกท่านคิดแล้วว่าชีวิตคงสบายถ้ารับราชการ แต่พวกท่านก็ไม่ได้บังคับนะครับ จากการเป็นทหารทำให้ผมได้รับมุมมอง ความคิด และการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งทุกอย่างหล่อหลอมให้ผมเป็นตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาพอใช้ชีวิตราชการทหารมาหลายปี เรารู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่ชีวิตที่เราต้องการ คิดว่าน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ พอใช้ทุนครบผมก็เลยตัดสินใจลาออก”

เขาลาออกมาเพื่อเปิดบริษัททำซอฟท์แวร์ ตามความมุ่งมั่นที่จะสร้างเส้นทางธุรกิจที่เป็นของตัวเอง ถือเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญด้วยการกลายมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัว ในยุคนั้นถือได้ว่าธุรกิจประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง และในช่วงเวลานั้นเองที่เขาได้รู้จักกับ ‘พิชญ์ โพธารามิก’ ผู้ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นบุคคลสำคัญในการทำธุรกิจร่วมกันของ บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)

“เริ่มแรกเราก็ทำเป็นบริษัทเล็กๆ ไม่มีอะไรมาก ต่อมาคุณพิชญ์ก็ได้ลงทุนทำในเรื่องเทคโนโลยีอย่างพวกอินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต แล้วก็ข้ามมาอีกสายเป็นพวกเป็นนิตยสาร จับมาปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ขยายแตกไลน์กันออกไป จนท้ายที่สุดทุกอย่างมันเชื่อมกันตามแผนธุรกิจนั่นแหละครับ Mono ก็เลยมีความเป็นธุรกิจเทคโนโลยีและสื่อเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

“จากวันนั้นถึงวันนี้ Mono ก็ยังมีดีเอ็นเอเดิม เพียงแต่ต่อยอดมันไปเรื่อยๆ เส้นทางนี้ยังอีกยาวก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร แต่ผมก็เชื่อมั่นในพลังของเราว่าจะทำให้มันเจริญเติบโตต่อไปได้ แผนการทำธุรกิจของเราจะไม่ได้มองไกลเป็นยี่สิบสามสิบปี แต่เรามองในระยะพอดี กลางๆ ด้วยธุรกิจประเภทนี้มันพร้อมที่จะเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ซึ่งเราเองก็มีข้อดีคือ พร้อมที่ปรับได้ตลอด การที่เราก้าวมาถึงทุกวันนี้ก็เพราะจุดแข็งตรงนี้”

ครอบคลุมทุกการสื่อสาร

Mono Group อีกหนึ่งคลื่นลูกใหม่ ที่คอยให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ข้อมูลข่าวสาร และความบันเทิงอย่างครบวงจร ทั้งสื่อทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเตอร์เน็ต สื่อสิ่งพิมพ์ ยังครอบคลุมไปถึงธุรกิจให้บริการด้านบันเทิงอย่าง เพลง ภาพยนตร์ โดยสอดคล้องไปกับทุกไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่ทันสมัยของกลุ่มผู้บริโภคในโลกยุคดิจิตอล

“เราอาจเป็นน้องใหม่มาแรงสำหรับในแวดวงธุรกิจประเภทนี้ กลุ่มผู้บริหารเองทั้งหมดก็เป็นวัยที่เรียกได้ว่าทุกอย่างกำลังมีไฟอย่างเต็มที่ เราใช้เวลาสิบหรือยี่สิบปีในการสะสมประสบการณ์กันมาโดยตลอด เริ่มนับหนึ่งกันมาตั้งแต่แรก หรือจะเรียกได้ว่าตั้งแต่เรียนจบ พวกเราก็พยายามหาประสบการณ์ในการทำธุรกิจกันมาโดยตลอดอยู่แล้ว”

แม้หลายคนอาจจะพูดถึงเรื่องความสำเร็จ แต่เขามองว่ายังไม่ถึงจุดนั้น ยังต้องมีการพัฒนากันต่อไปอีกเรื่อยๆ พยายามลองผิดลองถูกกันมาโดยตลอด เวิร์คหรือไม่เวิร์คก็ได้เรียนรู้จากตรงนั้น ไม่เคยคิดท้อ คิดแต่เพียงว่าต้องพัฒนาต่อไป เรียนรู้ที่จะแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า “ทุกปัญหามีไว้แก้” 

นวมินทร์ ประสพเนตร
นวมินทร์ ประสพเนตร

“สำหรับผมกลยุทธ์ในการทำธุรกิจคือ ‘ใจเขาใจเรา’ ต้องคิดอยู่เสมอว่าเมื่อเราทำอย่างนี้แล้วฝ่ายตรงข้ามจะรู้สึกอย่างไร แล้วถ้าเขาทำอย่างนั้น เราจะคิดอย่างไร ทุกอย่างมีเหตุผลรองรับเสมอ อย่างเราจะทำคอนเท้นต์อะไรแล้วเราก็ต้องคิดว่าคนดูเขาจะชอบไหม ถ้าเรายังไม่ชอบเลย แล้วเขาจะชอบได้อย่างไร มันเป็นเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจ ซึ่งฟังดูอาจเป็นเรื่องง่ายนะ แต่จริงๆ แล้วมันยากมาก ซึ่งเราก็ต้องทำ”

ด้านการบริหารคน เขามองว่าองค์กรที่ทำอยู่นั้นเป็นอุตสาหกรรมบันเทิง ทำให้ต้องทำงานใกล้ชิดกับคนรุ่นใหม่อยู่ตลอดเวลา ต้องมีความเข้าใจว่าแต่ละยุคสมัยระบบการทำงานเป็นอย่างไร เพราะคนรุ่นใหม่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่มีแต่ความสะดวกสบาย 

“เราใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการทำงาน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนคุณก็สามารถทำงานให้เราได้ ไม่ซีเรียสกับการตอกบัตรนะ ตรงนี้มันจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ผมต้องนำมาปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ผมเองก็โตมากับอินเตอร์เน็ตในยุคแรกๆ ได้เห็นการเปลี่ยนการพัฒนาของโลก มองเห็นความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ทำให้เราเข้าใจกับเรื่องนี้ได้ง่าย

“การทำงานในสื่อแต่ละแบบก็จะมีทีมงานที่แตกต่างกันไปในการทำงาน เมื่อมาอยู่ในจุดนี้สิ่งที่ผู้บริหารทุกคนต้องทำก็คือการบริหารคนกับงบนโยบาย ถ้าเราได้บุคลากรที่ดี มีความเข้าใจที่ตรงกัน ก็สามารถเดินไปด้วยกันได้ ด้วยความที่เรามีแขนขาทางธุรกิจตั้ง 7 อย่าง มันทำให้เราต้องรู้จักบริหารคน เช่นถ้าวันหนึ่งธุรกิจตัวไหนมันสะดุด ผมยังสามารถส่งผ่านให้คนที่มีประสิทธิภาพขยับขยายไปทำในแขนขาอื่นได้ คนเก่ง มีความสามารถ ก็จะยังอยู่กับเราแล้วเราก็จะได้พัฒนาเขาต่อไปได้”

นวมินทร์ ประสพเนตร
นวมินทร์ ประสพเนตร

ต่อยอด ขยายฐาน

15 ปีที่ผ่านมา Mono เติบโตมาจาก New Media (Internet & Mobile) ซึ่งปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็น Mobile Content เบอร์ 1 ครอบคลุมทุกสื่อ แต่สิ่งที่ยังไม่มีคือ Mass Media เมื่อจังหวะเหมาะสมได้โอกาสที่จะเข้าประมูลทีวีดิจิตอล เขาจึงไม่รอช้าจัดสรรสิ่งที่มีอยู่ในมือด้วยจุดแข็งของความเชี่ยวชาญในเรื่องของเทคโนโลยี แล้วถือกำเนิดช่องดิจิตอลโมโนขึ้นมา

“เมื่อเราประมูลช่องทีวีดิจิตอลได้ เราก็คิดแล้วว่าจะต้องรุกหน้าธุรกิจประเภทนี้ให้ได้ คือเรามีเสาหลักของเราอยู่ 6-7 เสาแล้ว ตอนนี้ก็มาคิดว่าจะเสริมความแข็งแรงของเสาเหล่านี้ยังไงดีมากกว่า เพราะเราเปิดช่องทีวีดิจิตอลมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 ก็ถือว่ามาได้ระดับหนึ่ง ต้องยอมรับเลยว่าธุรกิจในส่วนนี้จะมาแรง เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจหลักที่เราให้ความสำคัญเลยก็ว่าได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นธุรกิจที่มีรายได้เกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมด”

โดยเป้าหมายหลักของกลุ่มทีวีดิจิตอล ช่อง Mono 29 จะอยู่ในช่วงอายุตั้งแต่ 30-60 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มคนที่มีเวลาอยู่บ้านดูทีวีนั่นเอง ซึ่งเขาต่อยอดจากการที่เป็นผู้บุกเบิกเรื่องของภาพยนตร์ แผนผังของช่องจึงเน้นไปที่หนังดี ซีรีย์ดัง แบ่งสัดส่วนคละกันไปกับรายการอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ Mono 29 ได้นำภาพยนตร์ดี มีคุณภาพเข้ามาฉายในเมืองไทยมากขึ้น เป็นการต่อยอดธุรกิจไปอีกขั้น

“เรามีการวางแผนในธุรกิจแต่ละด้านเอาไว้แล้ว ช่องก็จะมีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง แต่เราก็ไม่ได้คิดว่าเจ๋งที่สุด เพียงแค่เรามีจุดยืนที่ชัดเจน การแข่งขันกับคนอื่นก็มีบ้าง แต่การทำธุรกิจถ้ามีเอกลักษณ์เป็นตัวเราเองแล้ว ทุกอย่างก็จะวิ่งไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น ในส่วนคอนเท้นต์ด้านอื่นๆ เราก็ต้องทำให้มีหลากหลายด้วยเช่นกัน

“ผมไม่ได้คาดหวังถึงขนาดที่ว่าคนดูต้องอยู่กับช่องเราทั้งวันนะ มันเป็นเรื่องธรรมดา ที่เขาจะมีทางเลือก เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ เพียงแค่เราต้องทำให้เขารู้ให้ได้ว่าช่องของเรามีหนังดี ซีรีย์ดัง เมื่อเขาอยากดูเขาต้องกลับมาดูอีกแน่นอน ผมบอกกับทีมงานเสมอว่า ถ้าเขากดรีโมทมาที่เราแล้ว ทุกนาทีต้องทำให้เขาอยู่กับเราให้ได้ ต้องทำงานผ่านกระบวนการทางความคิด ผลงานที่ออกมาจึงจะมีคุณภาพ จะให้มาเผาเวลาไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ เสียเวลาคนดู คอนเท้นต์หลวมๆ นี่จะเป็นตัวเปิดโอกาสให้คนดูกดรีโมทเปลี่ยนช่องหนีทันที เพราะอย่างนั้นเราจึงต้องทำมันออกมาให้ดีที่สุด ตามมาตรฐานของเราที่ตั้งไว้”

Mono Group ไม่ได้เพียงเจาะกลุ่มแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังขยับขยายธุรกิจดิจิตอล คอนเท้นต์ และความบันเทิงไปทั่วโลก ตอนนี้ได้เผยแพร่ไปแล้วหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย เกาหลี เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย


นวมินทร์ ประสพเนตร

“เราเติบโตมากับ International มองว่าธุรกิจไม่น่าจะอยู่แค่ที่เมืองไทย ถ้าเรามีโอกาสขยายไปต่างประเทศได้ก็ควรที่จะไป เพราะเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน อย่างน้อยสิ่งที่เราทำไปมันก็ไม่อยู่กับที่ มันมีการพัฒนา ต่อยอดไปในส่วนอื่น ด้านการบริหารงานแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกันไปตามแต่สไตล์ประเทศนั้นๆ จะรุกทางด้านไหนก็ต้องดูโอกาส ธุรกิจของแต่ละประเทศนั้นด้วยเช่นกัน”

และแน่นอนแต่ละธุรกิจเมื่อมีสัดส่วนที่เป็นรายได้มาก ก็มีส่วนที่ทำรายได้น้อยเช่นกัน เขาบอกว่าธุรกิจด้านสิ่งพิมพ์เป็นสิ่งที่กำลังมีปัญหา เมื่อเทคโนโลยีเข้ามา ก็ทำให้การใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไป

“เราต้องปรับตัว แต่เรามีหลายธุรกิจก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรจะเติบโตได้แค่ไหนอย่างไร ส่วนด้านสิ่งพิมพ์นั้นยังคงมีเสน่ห์อยู่ในตัวเสมอ เราก็เล็งไปที่ด้านเนื้อหา ให้สามารถไปอยู่ที่ไหนก็ได้บนอากาศ สิ่งพิมพ์อาจเป็นแค่สินค้าที่ทำให้คนเห็น คนรู้จักเท่านั้น ยังมีสื่อออนไลน์ที่สามารถเพิ่มลูกเล่น สร้างสรรค์สิ่งพิเศษมากขึ้นไปกว่านั้นได้อีก อย่างล่าสุดเรากำลังมีโปรเจ็กต์ใหม่เป็นคลื่นวิทยุ ก็ค่อนข้างหินเหมือนกัน เพราะการตลาดยังคงนิ่งๆ อยู่ งบโฆษณาไปลงที่สื่อทีวีหมด ราคาเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนก็ไม่ได้สูงมากนัก มันก็มีอีกหลายคนที่มีโอกาสได้มาลงโฆษณากับเรา ถือว่า Mono เปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดกลางมาลงกับเราได้” 

ในเดือนมีนาคมนี้ เตรียมพบกับโปร์เจ็กต์ใหม่ของ Mono คลื่นวิทยุน้องใหม่ “FRESZ 91.5 FM” ด้วยแนวคิดที่ไม่ธรรมดาและมีเอกลักษณ์ โดยคอนเท้นต์จะป็นแบบ Music Timeline ไม่ใช่สถานีฮิต แต่เป็นสถานีเพลงเพราะ ในรูปแบบ One Stop Music Station ทั้งเพลงไทย เพลงสากล และเพลงเอเชี่ยน ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคอเพลงโดยเฉพาะ

เป้าหมายหลักที่เขาตั้งเป้าไว้ในอนาคตคือพัฒนาให้ Mono ติด 1 ใน 3 ของกลุ่ม Media Entertainment ในฐานะผู้ผลิตคอนเท้นต์และให้บริการที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แน่นอนว่าพฤติกรรมผู้บริโภคคงเปลี่ยนแปลงต่อไปเรื่อยๆ ตามเทคโนโลยีที่พัฒนาเพิ่มขึ้นทุกวันซึ่งเขาหวังว่า Mono Group จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะตอบโจทย์คนเจนเนอเรชั่นใหม่ได้อย่างตรงไปตรงมา และคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าทั้งหมดที่เขาเปิดใจกับเรานั้น เป็นความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่เขาพร้อมจะนำพาองค์กรไปให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างแท้จริง 

นวมินทร์ ประสพเนตร
นวมินทร์ ประสพเนตร

ก้าวสู่ความสำเร็จ