อัฐชพงษ์ สีมา

อัฐชพงษ์ สีมา

การแข่งขันฟุตบอลจะขาดไม่ได้เลยกับการบรรยายที่จะทำให้การแข่งขันสนุกน่าตื่นเต้นและเร้าใจยิ่งขึ้น เราได้มีโอกาสทำความรู้จักกับนักพากย์ฟุตบอลแถวหน้าของเมืองไทย ที่คุณสุรพจน์ เค้าอ้น แนะนำให้เราได้มาร่วมพูดคุยกับนักพากย์เสียงหล่อคนนี้ตลอดระยะเวลาที่ร่วมพูดคุย เราได้เสียงหัวเราะพร้อมกับคำตอบสุดประทับใจ และได้ข้อคิด ...

รู้จักกับคุณสุรพจน์ได้อย่างไร

รู้จักกับเขาตั้งแต่สมัยทรูวิชั่นส์ยังเป็น IBC คุณพจน์เขาก็ทำงานที่เดียวกันก็เลยรู้จักกัน ผมเป็นผู้บรรยายเขาเป็นผู้จัดการดูแลผู้บรรยาย ผมกับเขาก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัย IBC, UBC จนเป็น UTV และก็เป็นทรูวิชั่นส์ทุกวันนี้ ผมพากย์บอลมาตั้งแต่ปี 1996 ถึงตอนนี้รู้จักกันมา 18 ปีแล้ว

พูดถึงคุณสุรพจน์จะนึกถึงเรื่องอะไร

เป็นเพื่อนฝูงที่เล่นกีฬาด้วยกัน และก็เป็นพรรคพวกที่พึ่งพาอาศัยกันได้ เข้าใจความเป็นเพื่อน เป็นลูกผู้ชายด้วยกัน ลูกผู้ชายไม่ต้องพูดมากเห็นอะไรๆ เราเข้าใจกัน ต่างคนต่างรู้ว่าเราเป็นคนมีใจลูกผู้ชาย พจน์เขาจริงจังในการทำงานและเขาก็เป็นคนตรงไปตรงมาทำงานคือทำงาน การวางตัวของเราก็เหมือนเดิมยังเป็นเพื่อนกัน แต่ช่วงทำงานก็ทำงานนะ หมดงานเราก็เฮฮา ไม่มีความแตกต่างของความผูกพัน

กว่าจะมาถึงทุกวันนี้มีจุดเริ่มต้นในวงการกีฬาอย่างไร    

ผมบรรยายบอลมาตั้งแต่สมัยเรียนจุฬาฯ พากย์บอลที่สนามศุภฯ บอลภายในบอลคณะ เราก็พากย์เฮฮาไปเรื่อยเปื่อย แล้วทีนี้เจออาจารย์สุวัฒน์ (น้าติง) แกเป็นอาจารย์ผมที่จุฬาฯ เราก็บอกว่า “อาจารย์ถ้ามีงานพากย์บอลเอาผมไปด้วยนะ” ตอนนั้นพูดไปก็ไม่ได้หวังอะไรมาก ต่อจากนั้นอาจารย์เรียกไปช่วยงานเราก็ได้รับโอกาสไปพากย์บอลที่ UTV จากนั้นก็ทำต่อมาเรื่อยๆ

กว่า 20 ปีในฐานะนักพากย์ต้องผ่านพบอุปสรรคอะไรบ้าง

มีอยู่แล้วอุปสรรค แต่เราก็ต้องต่อสู่กับมัน เมื่อก่อนพากย์ใหม่ๆ ผมพากย์บอลสเปนมันมาตอนดึก ไม่มีคนพากย์เราก็ต้องทำ เมื่อก่อนมีทั้ง บอลเยอรมัน บอลสเปน อังกฤษ บอลพรีเมียร์ลีก มันมาดึกเราก็อาจจะง่วงนอน ต้องอดนอน เราก็ต้องปรับตัว อุปสรรคก็มีอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเรื่องคน เรื่องอะไรๆ มีทั้งนั้นแหละ แค่เราแก้ไขมันไป 

แล้วที่ผ่านมาแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง

ต่อยเลย (หัวเราะ) ไม่หรอก ก็อย่างเรื่องนอนดึก มันต้องปรับการใช้ชีวิต คือเราต้องจำไว้ว่าปัญหามันแก้ไขได้ ทางที่ดีที่สุดคือการอดทนอดกลั้น คิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้า เดี๋ยวเดียวก็หมดไปอีกหนึ่งปี แล้วพอเรามองกลับไปดูปัญหาเมื่อวานหรือปีที่แล้ว เราจะรู้สึกดี เพราะเราชนะ อยากให้ลองดูเวลาเจอปัญหาแล้วอดทนอดกลั้นไว้ แล้วเราจะไม่เสียใจที่ตอนนั้นเราอดทนกับมันมาได้ 

แล้วกีฬาที่ชอบที่สุดคืออะไร

ประกวดนางงามสิ (หัวเราะ) กีฬาโปรดของผมสมัยเด็กก็คือฟุตบอล แต่ถ้าเป็นตอนนี้ก็คือกอล์ฟ ถ้าผมรู้จักกอล์ฟมาก่อนผมจะไม่เล่นกีฬาอย่างอื่นเลย ถ้ารู้ตั้งแต่เด็กคงจะเล่นจนเป็นโปรไปแล้ว คงไม่ได้มาอยู่ทางฟุตบอล 

งั้นเสน่ห์ของกอล์ฟคืออะไร 

มันเป็นกีฬาสุภาพบุรุษ มันสอนให้เราคิดก่อนลงมือทำอะไร ไม่ใช่แค่ว่าเราจะตีไปเฉยๆ มันเป็นกีฬาที่ต้องมีอารมณ์ร่วมไปกับมัน อารมณ์เราเปลี่ยนนิดเดียวการลงไม้ตีลูกก็เปลี่ยนแปลง คนที่เล่นกอล์ฟเก่งต้องสามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้ 

เคยเบนเข็มไปพากย์กอล์ฟบ้างไหม

ไม่เคย เขาก็มีจะให้ไปพากย์นะ แต่ไม่ได้ไปเพราะเรามุ่งมาทางสายฟุตบอลแล้ว เรามีชื่ออยู่ตรงนี้มีคนรู้จักเราเราก็เลยอยู่ตรงนี้

อย่างเป็นนักพากย์ต้องทำอย่างไรบ้าง

หนึ่งเลยต้องเป็นพวก Positive Thinking ในการพูดต้องพูดในเชิงบวก ไม่พูดในเชิงลบ ของทีวีนะ ถ้าเป็นวิทยุอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อันนี้ผมก็ไม่รู้เพราะไม่ได้ทำวิทยุ แล้วก็ต้องรู้จักกีฬานั้นดี รู้กติกาอะไรต่างๆ ถึงจะมาพากย์ได้ ส่วนพวกรายละเอียดลึกๆ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของคน 

พากย์อย่างไรให้ให้สนุกดุเดือดเร้าใจแฟนบอล

เราต้องอินกับเกมและก็พากย์ให้เป็นกลางไม่เชียร์ข้างไหนเป็นพิเศษ ถ้าเราบรรยายไปแบบเฟคๆ พูดไปแบบดาดๆ คนดูเขารู้ เขาจับอารมณ์ได้ว่าเราไม่อินกับการแข่งขัน ถ้าเราใส่อารมณ์ให้มันพอดี การพากย์ของเราจะออกมาสวยงาม อันนี้ก็ขึ้นอยู่ที่เทคนิคของแต่ละคน 

บอลไทยจะไปบอลโลกได้ไหม

เอางี้ ... ผมอินกับบอลไทยมากเลยนะ ถ้าในแง่ของความรู้สึกศักยภาพทางการแข่งขันพัฒนาขึ้นมานะ คือมีความต้องการสูงที่จะไปให้ถึงระดับโลก และด้วยบรรยากาศของแฟนๆ ของผู้คนมันก็บีบเข้ามาอยากให้บอลไทยดีอย่างโน้นอย่างนี้ ตอนนี้เป็นการพัฒนาที่ถูกต้องแล้วที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับนักกีฬา โค้ชทีมอะไรต่างๆ ก็ต้องพัฒนาตัวเอง ผมมองว่าถ้าบรรยากาศยังเป็นแบบนี้ต่อไปมีการพัฒนาในทุกๆ ด้านกฎเกณฑ์อะไรต่างด้วยๆ บอลไทยไปบอลโลกได้ 

นักพากย์เสียงหล่อ