หลังจากที่ผู้ผลิตได้ส่งโทรทัศน์ Full HD เข้าไปอยู่ในห้องนั่งเล่นของคุณได้สำเร็จแล้ว เป้าหมายต่อไปคือโทรทัศน์ 4K ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาดและถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในช่วงฟุตบอลโลกที่ผ่านมา

ก่อนจะไปพูดถึงโทรทัศน์ 4K ที่ภาพบนจอนั้นถือได้ว่ามีความละเอียดสมจริงที่สุดในปัจจุบัน ขออนุญาตเล่าความเป็นมาของเจ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บอกได้เลยว่าไม่มีมนุษย์คนใดที่เกิดมาบนโลกใบนี้แล้วไม่เคยเหลียวมองมันสักครั้ง 

เป็นเวลากว่า 130 ปีมาแล้วที่ผู้คนทั่วโลกต่างก็นั่งอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์เพื่อพักผ่อน เพื่อรับข่าวสาร เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับตัวเอง หรือแม้แต่เพื่อฆ่าเวลาไปเฉยๆ 

วิวัฒนาการของโทรทัศน์เดินคู่ขนานมากับการวิวัฒนาการของเทคโนโลยีวิทยุ จนถึงจุดหนึ่งที่ทุกคนต้องการอะไรที่มากกว่าการรับข่าวสารข้อมูลที่เป็นเสียงเพียงอย่างเดียว ซึ่งการแพร่ภาพสัญญาณโทรทัศน์ครั้งแรกเกิดขึ้นที่เมืองเบอร์ลินในประเทศเยอรมนี เป็นสัญญาณภาพแบบขาวดำและมีดีเลย์ถึง 85 วินาที 

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อเศรษฐกิจโลกกลับฟื้นฟู โทรทัศน์ก็กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านชิ้นสำคัญ ในปี พ.ศ. 2510 มวลมนุษยชาติได้สัมผัสโทรทัศน์ ‘สี’ ครั้งแรก และได้พบกับนวัตกรรมที่สำคัญอย่าง ‘รีโมทคอนโทรล’ ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานของโทรทัศน์ทุกเครื่องนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 เป็นต้นมา 

เทคโนโลยีโทรทัศน์เปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2540 โดยฟิลลิปส์ได้นำเสนอโทรทัศน์พลาสม่าให้โลกรู้จักเป็นครั้งแรก จากนั้นเป็นต้นมาอุตสาหกรรมโทรทัศน์ก็แข่งขันกันอย่างเข้มข้น นอกจากตัวเครื่องจะบางลงแล้ว ความละเอียดในการแสดงผลก็ถูกพัฒนาให้มีความละเอียดและคมชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดสามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวสามมิติได้ แน่นอนว่าราคาก็ถูกลงด้วย จนในที่สุดก็ถึงการอวสานของโทรทัศน์จอตู้ในบ้านของใครๆ หลายคน

ตัดฉับกลับมาที่โทรทัศน์ 4K ... 

ในทางทฤษฎีหลายคนคงทราบแล้วว่าภาพจะคมชัดมากกว่าโทรทัศน์ HDTV1080p ปัจจุบันถึง 4 เท่า (จากความละเอียด 1920 x 1080 เพิ่มขึ้นเป็น 3840 x 2160) ซึ่งคำถามที่เกิดขึ้นในเวลานี้ที่เริ่มมีการจำหน่ายโทรทัศน์ 4K หรือ UDTV, UHDTV แล้วแต่ผู้ผลิตแต่ละรายจะเรียก ก็คือมันจำเป็นหรือไม่ คุ้มหรือเปล่าที่จะซื้อมาแทน HDTV เครื่องเดิม?

คำตอบของเรื่องนี้น่าจะอยู่ที่เรื่องของ ‘คอนเทนต์’ หรือเนื้อหาที่จะนำมาเปิดดูบนโทรทัศน์และแสดงผลได้เต็มประสิทธิภาพเป็นหลักสำคัญครับ โทรทัศน์ HDTV ความละเอียด 1080p ในปัจจุบันมีเนื้อหารองรับมากมายไม่ว่าจะเป็นแผ่นภาพยนตร์บลูเรย์ ไฟล์ภาพยนตร์ไฮเดฟที่มีให้โหลดเพียบบนเน็ต (อุ๊บส์!!)

จะมีประโยชน์อะไรที่ต้องลงทุนซื้อโทรทัศน์ 4K ที่ราคาแตะเลขหกหลักมาเปิดดูบลูเรย์ที่มีความละเอียดจำกัดแค่หนึ่งในสี่ ขณะที่ดิจิตอลทีวีบ้านเราก็แพร่ภาพด้วยสัญญาณ HD แต่ไม่ใช่ Full HD ทุกช่อง 

ทางเดียวที่จะสามารถสัมผัสศักยภาพของภาพ 4K ได้ขณะนี้ก็คือไปยืนดูตามห้างนั่นแหละครับ เพราะภาพที่คุณเห็นนั้นคือหนังตัวอย่างที่ถ่ายทำโดยกล้องความละเอียด 4K ประมวลมาเป็นไฟล์ 4K ฉายด้วยเครื่องเล่น 4K พูดได้ว่า ถ้าจะดู 4K แบบเพอร์เฟ็กต์จริงๆ ต้องลงทุนกันอีกโข! 

อย่าลืมว่าวันนี้ยังไม่มีสื่อบันทึกมาตรฐานใหม่ออกมาแทนที่บลูเรย์อย่างเป็นทางการ ทางเดียวที่จะชมเนื้อหา 4K ได้คือต้องย้ายบ้านไปที่อเมริกา เพื่อสตรีมภาพยนตร์จากบริการ Netflix หรือง่ายกว่านั้นหากคุณมีเพื่อนซี้เป็นผู้กำกับหนังสักคน เพราะโดยทั่วไปเขาจะทำมาสเตอร์เป็น 4K ก่อนที่จะบีบอัด ลดความละเอียดลงมาให้เหมาะสมสำหรับทรานส์เฟอร์ลงบนแผ่นฟิลม์และบลูเรย์

ไม่เถียงครับว่ามันชัดกว่า แต่ที่ผ่านมาเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในกรณีของการเปลี่ยนผ่านจากเทปวิดีโอ มาเป็นดีวีดี จากดีวีดี มาสู่บลูเรย์ ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่งที่ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จะสร้างสมดุลกันได้ลงตัว 

แต่สำหรับคนที่ไม่แคร์ (และมีตังค์) ฉบับหน้าผมจะมาเล่าต่อเกี่ยวกับสิ่งจำเป็นและการเตรียมพร้อมเพื่อให้ประสบการณ์การรับชมโทรทัศน์ 4K เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบให้ฟังครับ 

4K TV พร้อม? ไม่พร้อม!?!