Elegy

Elegy

Elegy เป็นหนังปี 2008 โดยผู้กำกับหญิงชาวสเปนชื่อ อิซาเบล คัวเซต์ ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง The Dying Animal ของ ฟิลิป รอธ นักเขียนรางวัลพูลิตเซอร์

พล็อตคร่าวๆ ของหนังกล่าวถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของหนุ่มใหญ่วัยกลางคนชื่อ เดวิด อาจารย์มหาวิทยาลัยและนักวิจารณ์วรรณกรรม ผู้ประสบความสำเร็จในวิชาชีพ

เดวิด เคยผ่านการแต่งงานเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว และจบลงด้วยการหย่าร้าง (ส่งผลให้ลูกชายของเขาโกรธเคืองผู้เป็นพ่อตลอดมา ในข้อหา ‘ทิ้งลูกทิ้งเมีย’) นับจากนั้นมาเขาก็ครองตนเป็นโสด มีสัมพันธ์กับหญิงสาวแทบไม่ซ้ำหน้า (หลายคนในจำนวนนี้ เป็นลูกศิษย์ของเขาเอง) โดยปราศจากการผูกมัด แสวงหาเพียงความพึงพอใจเฉพาะเรื่องเซ็กซ์ล้วนๆ

เหตุการณ์ในชีวิตของ เดวิด ดำเนินไปด้วยดีเสมอมา จนกระทั่งเขาได้พบกับสาวสวยนาม คอนซูเอลลา เธอลงทะเบียนเรียนในวิชาที่เขาสอน เพียงแรกพบ เดวิด ก็หมายมั่นปั้นมือว่า จะต้องมีอะไรกับหญิงสาวให้ได้

เดวิด นั้นคร่ำหวอดรอบจัดมากพอที่จะระมัดระวังตัว ไม่ทำอะไรเกินเลยกับบรรดาสาวๆ ในขณะที่ยังเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กันให้เป็นที่เสื่อมเสียและผิดจรรยาบรรณ เขาอดทนรอคอยอย่างเยือกเย็น จนกระทั่งทุกรายเรียนจบ สอบผ่านวิชาของเขาไปเรียบร้อยแล้ว จึงค่อยเริ่มต้นลงมือผูกสัมพันธ์

กรณีของ คอนซูเอลลา ก็ดำเนินไปตามครรลองนี้แต่สิ่งที่แตกต่างจากความสัมพันธ์กับหญิงสาวรายอื่นๆ ก็คือ เดวิด หลงใหลในความงามของเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น จากเดิมที่คิดไว้แค่สัมพันธ์สวาทชั่วคืนประเดี๋ยวประด๋าว กลายเป็นความผูกพันต่อเนื่องระยะยาว

ข้อยุ่งยากใจและก่อให้เกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นความสับสนลังเลก็คือ ด้านหนึ่ง เดวิด ปรารถนาอย่างรุนแรงที่จะครอบครองเป็นเจ้าของหญิงสาว (ซึ่งก็แสดงออกเด่นชัดว่า เธอรักเขา) แต่อีกด้านหนึ่งเขาก็หวั่นเกรงว่า วันหนึ่งเธอจะผละหนีตีจากไปสู่
ชายอื่นที่หนุ่มแน่นกว่า กลัวว่าตนเองจะเป็นฝ่ายผิดหวังสูญเสีย กลัวจะต้องจบสิ้นชีวิตอิสระ ...

เหนือสิ่งอื่นใด เดวิด กลัวว่า หากเป็นเช่นนี้นานวันเข้า ความสัมพันธ์ผิวเผินฉาบฉวยนี้จะเปลี่ยนแปลงจากเรื่องเซ็กซ์ไปเป็นความรัก

ความสับสนลังเล ทั้งอยากหนีตัดขาดยุติความสัมพันธ์กับหญิงสาว แต่ก็โหยหาอยากใกล้ชิดเธอมากเท่าๆ กัน ส่งผลให้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ เดวิด คิดจะบอกเลิก กลับต้องลงเอยพ่ายแพ้ต่อความอ่อนแอในใจตนเอง ส่งผลให้การคบหาระหว่างเขากับ คอนซูเอลลา เกิดขึ้น เป็นไป ท่ามกลางความคลุมเครือไม่ชัดเจนว่าจะเป็นเพียงแค่คนรักหรือไปไกลกว่านั้นถึงขั้นเป็นคู่ชีวิต

แล้วในที่สุด ความลังเล ความหวาดกลัวของ เดวิด ก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลง โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงหลบหนีความจริงอยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นการทำร้ายจิตใจหญิงสาวอย่างหนักหน่วง กระทั่งถึงจุดที่เธอไม่สามารถทนทานยอมรับได้อีกต่อไป

คอนซูเอลลา จึงเป็นฝ่ายเลือกตัดสินใจ ... เดินจากไป

เรื่องราวถัดจากนั้นไปจนจบ ซึ่งผมขอเล่าได้แต่เพียงกว้างๆ เพื่อไม่ให้กระทบถึงความลับสำคัญในหนังก็คือ การสะท้อนให้ถึงความเจ็บปวดของ เดวิด ในการใช้ชีวิตตามลำพังโดยปราศจาก คอนซูเอลลา การทบทวนความผิดพลาดหลายๆ อย่างในอดีตที่ผ่านมา การอยู่กับปัจจุบันอันโดดเดี่ยว และหวั่นกังวลต่ออนาคตภายหน้า การเริ่มตระหนักถึงความชราของตนเอง และย้ำเตือนให้รู้สึกมากขึ้นทุกขณะว่ามีเวลาในชีวิตน้อยลงตามลำดับ

ช่วงท้ายๆ ของหนังเล่าถึงการที่ตัวละครเดวิด ต้องฝ่าฟันนำพาตนเองให้ผ่านพ้นปัญหาเหล่านี้ อย่างถี่ถ้วนทีละขั้นทีละตอน แต่แล้วก็เกิดจุดพลิกผันอีกครั้ง เมื่อ 2 ปีต่อมา คอนซูเอลลา ก็ติดต่อส่งข่าวคราวมาและเป็นข่าวคราวที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างโดยสิ้นเชิง ...

ความน่าสนใจเบื้องต้นของ Elegy ก็คือ การเล่าเรื่องที่ลงลึกถึงความขัดแย้งในใจตัวละคร อีกทั้งยังเป็นแง่มุมที่ยาก เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน ให้ออกมากลายเป็นหนังที่เพลิดเพลินมีเสน่ห์ชวนติดตาม ดูสนุกตั้งแต่ต้นจนจบ

โดยเนื้อเรื่องเค้าโครงแล้ว แทบจะไม่มีเหตุการณ์โลดโผนหวือหวาเลยนะครับ แต่สิ่งที่สะกดตรึงผู้ชมไว้ได้ตลอดเวลาก็คือ บรรยากาศ รายละเอียดในเชิงสมจริง การเขียนบทสนทนา และจังหวะจะโคนในการเดินเรื่อง

วิธีการที่หนังนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ในการทำให้ ‘เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย’ นั่นคือ การอธิบายสรุปความในใจของ เดวิด ซึ่งแทรกสลับเข้ามาอยู่เป็นระยะๆและฉลาดมากตรงที่ไม่เป็นการเฉลยข้อสอบ ด้วยการให้เบื้องลึกของตัวละครต่างๆ นานาเหล่านี้ ถ่ายทอดผ่านการที่ เดวิด ปรับทุกข์ระบายความในใจกับเพื่อนสนิท

ความโดดเด่นต่อมาก็คือ อารมณ์ของหนังที่มีหลายรสชาติ มีตั้งแต่ดราม่าจริงจัง โรแมนติก เซ็กซี่เย้ายวน และอารมณ์ขันรื่นรมย์ ข้อดีของการเร้าอารมณ์ในหนังเรื่องนี้ก็คือ นำเสนออย่างเปี่ยมด้วยชั้นเชิง ไม่บีบคั้นจงใจจนดูฟูมฟาย แต่แสดงออกเพียงผ่านๆ ปล่อยให้ความผูกพันคล้อยตามของผู้ชม (พูดง่ายๆ คือ ทำให้คนดูอินไปกับเรื่องราว) แล้วซึมซับอรรถรสต่างๆ ด้วยตัวเอง

การคล้อยตามมีส่วนร่วมของผู้ชมนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการผูกสร้างรายละเอียดสารพัดสารพันให้แลดูสมจริงน่าเชื่อถือ เกิดจากวิธีการเล่าเรื่องที่มีเสน่ห์ชวนติดตาม และประการสุดท้าย เกิดจากฝีมือการแสดงที่ดีของทุกๆ ตัวละคร ที่เด่นมากเป็นพิเศษ ได้แก่ เบน คิงส์ลีย์ ในบท เดวิด, เพเนโลเป ครูซ ในบท คอนซูเอลลา และเดนนิส ฮอปเปอร์ ในบทเพื่อนกวีคนสนิทของ เดวิด

อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ทรงพลังและแข็งแรงมากสุดในหนังเรื่องนี้ คือ ประเด็นทางด้านเนื้อหาสาระ ซึ่งลงลึกและไปได้ไกล ในการเจาะลึกสภาพจิตใจของตัวละครอย่าง เดวิด ได้ละเอียดถี่ถ้วนหลากหลายแง่มุม ทั้งในส่วนของการทำหน้าที่พ่อและคนรักผู้บกพร่อง ชีวิตเบื้องนอกที่ประสบความสำเร็จในฐานะปัญญาชนผู้ชาญฉลาด กับชีวิตภายใน (โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ที่จริงจัง) อันเต็มไปด้วยปัญหาและล้มเหลวไม่เป็นท่า

พูดให้เข้าใจง่ายๆ นะครับ จุดใหญ่ใจความของ Elegy อธิบายอย่างลงลึกถึงราก ว่าทำไมหรือเพราะเหตุใด ‘ผู้ชายคนหนึ่งจึงกลายเป็นมนุษย์ที่รักใครไม่เป็น’ จากนั้นก็แสดงให้เห็นถึงอีกด้านว่า คนประเภทนี้สามารถเปลี่ยนแปลงตนเอง กลับมารู้จักและตระหนักถึงคุณค่าของความรักได้อย่างไร?

ความน่าประทับใจนั้น ไม่เพียงเฉพาะแค่หนังอธิบายเรื่องยากๆ เช่นนี้ ได้อย่างมีเหตุมีผลจนผู้ชมเกิดความเข้าใจโดยกระจ่างเท่านั้น สิ่งที่น่าทึ่งกว่านั้นก็คือ ลำดับของความเปลี่ยนแปลงภายในใจของตัวละคร ยังเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและแนบเนียนมาก

มีฉากอีโรติกเลิฟซีนอยู่พอประมาณ ในช่วงระยะแรกของหนัง ทั้งหมดนี้นำเสนอโดยเน้นไปที่ความสวยเป็นหลัก ไม่ได้ร้อนแรงหรือเร้าใจมากนัก 

หากแต่แง่มุมอีโรติกในหนัง มุ่งทำหน้าที่สำคัญคือ แสดงให้เห็นถึงความงาม ซึ่งจะกลายเป็นเหตุผลหลัก

ในเวลาต่อมา ในการอธิบายถึงความลุ่มหลงที่เดวิดมีต่อคอนซูเอลลา (หลังจากนั้น หนังจึงค่อยๆ เผยแสดงให้เห็นด้านอื่นๆ ของหญิงสาว เช่น นิสัยใจคอ รสนิยม ทัศนคติ ฯลฯซึ่งประกอบรวมกันเป็นสิ่งที่ดึงดูดและเพิ่มทวีความลุ่มหลงของเดวิดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เขาไม่ทันได้ตระหนักหรือรู้สึกตัว)ในฐานะหนังอีโรติก Elegy นั้นดีประมาณหนึ่งเท่านั้นนะครับ แต่ในฐานะหนังรักและหนังชีวิต นี่คือผลงานที่ยอดเยี่ยม ชนิดที่นักดูหนังไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง 

 

ผู้ชายที่รักใครไม่เป็น