จารุจิต ใบหยก

จารุจิต ใบหยก

นอกจากจะเป็นทายาทแถมยังพ่วงตำแหน่งผู้ช่วยประธานกรรมการกลุ่มโรงแรมใบหยกแล้ว สาวสวยและเก่งคนนี้ยังควบตำแหน่งผู้บริหาร “โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ” ที่ตั้งอยู่เชิงสะพานหัวช้าง ซึ่งถือเป็น Luxury Hotel แห่งแรกในเครือใบหยก ที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในระดับ Luxury ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการการบริการและห้องพักสุดหรูในบรรยากาศที่แตกต่างใจกลางเมือง ...

จารุจิต ใบหยก เธอคือลูกสาวคนที่สาม ของนักธุรกิจชื่อดัง “พันธ์เลิศ ใบหยก” และเป็นเจนเนอเรชั่นที่สาม ที่ต่อยอดธุรกิจในเครือใบหยก เธอจบการศึกษาปริญญาโท ด้านการจัดการโรงแรมมาโดยตรง จากมหาวิทยาลัยซุกเมียง ประเทศเกาหลี ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดร่วมกับ เลอ กอร์ดองเบลอ

“ธุรกิจในเครือใบหยกเริ่มต้นจากรุ่นคุณปู่ค่ะ เริ่มจากท่านหาซื้อที่ดินซึ่งเล็งเห็นคุณค่าในอนาคต แล้วมารุ่นคุณพ่อเป็นผู้สร้างตึก ดำเนินธุรกิจโรงแรมและการค้า แล้วก็มารุ่นบุ๋มซึ่งพยายามต่อยอดธุรกิจในเครือใบหยกอีกต่อหนึ่ง บุ๋มจบปริญญาตรี จาก
คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ แล้วก็ไปต่อปริญญาโท Hotel Management ที่ประเทศเกาหลี เรียนเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษค่ะ ไม่ใช่ภาษาเกาหลี ซึ่งก็จบมาได้ 2 ปีแล้ว

“ประสบการณ์การทำงาน ก่อนไปเรียนต่อปริญญาโทก็ได้เริ่มเข้ามาทำโรงแรมใบหยกแล้ว ส่วนตอนช่วงเรียนปริญญาตรีเคยได้ไปฝึกงานด้านการประชาสัมพันธ์ในบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง แล้วได้นำประสบการณ์ต่างๆ มาปรับใช้กับการทำงาน ได้นำไปใช้ที่ใบหยกด้วย คิดโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ไปนำเสนอให้ตอบสนองกับคนรุ่นใหม่มากขึ้น 

“ตอนนี้ธุรกิจโรงแรมในเครือใบหยก จะมี 4 ที่ค่ะ ที่กรุงเทพฯ สามแห่ง ได้แก่ โรงแรมใบหยกสกาย โรงแรมใบหยก บูติค และ โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ ส่วนอีกที่อยู่จังหวัดเชียงใหม่ จะอยู่ในถนนนิมมานเหมินทร์‎ ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวของวัยรุ่นเลยค่ะ ชื่อว่า โรงแรมเชียงใหม่ เจ้า” 

แม้จะไม่ได้เป็นรุ่นบุกเบิกในธุรกิจหลักของครอบครัว แต่เธอก็ฉายแววนักบริหารอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจากท่าทาง แววตา หรือความมั่นใจที่ฉายออกมาจนเห็นได้ชัด

“คอนเส็ปต์การตกแต่งของที่นี่ได้มาจากสะพานหัวช้างเป็นหลัก เหมือนเอาชื่อสะพานหัวช้างมาเล่น เพราะสะพานหัวช้างสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ก็เลยเอาศิลปวัฒนธรรมตอนนั้นมาสร้างเป็นโรงแรมไปเลย มีจำนวนห้องพัก 80 ห้อง โรงแรมเป็นสไตล์ Small Luxury hotel เรามีห้องอาหารไทยแท้ๆ มีชุดน้ำชาแบบไทยๆ มีขนมไทย เปลี่ยนมุมมองตามเทรนด์ฝรั่งมาลองของดีๆ แบบไทยๆ ดูบ้าง กลุ่มเป้าหมายหลักแรกเริ่มเราจะเน้นที่คู่รัก ครอบครัวที่เพิ่งแต่งงานกัน หรือวัยรุ่นขึ้นมาหน่อย คือถ้าเทียบกับ
ที่ใบหยก ซึ่งลูกค้าส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติมาพักเยอะกว่าคนไทย 

จารุจิต ใบหยก
จารุจิต ใบหยก

“อีกตำแหน่งหนึ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยก็คือเป็นผู้ช่วยประธานที่โรงแรมใบหยก แต่ก็ยังเน้นบริหารที่นี่เป็นหลัก ส่วนที่ใบหยกก็ดูบ้าง ดูรายงานคอยประชุมพวกตัวเลข คือในครอบครัวบุ๋ม จะมีพี่น้อง 4 คน มีพี่ชายคนโตเป็นคนที่ดูแลและทำเรื่องการตลาด
เป็นหลัก ส่วนพี่สาวเปิดร้านอาหาร ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ที่มีหลายสาขา ส่วนน้องสาวคนสุดท้องจะช่วยบุ๋มบริหารงานที่หัวช้าง เฮอริเทจค่ะ 

“ความต่างของโรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ เริ่มจากกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างแตกต่างอย่างชัดเจน จะเป็นกรุ๊ปทัวร์แทบทั้งหมดเลย เน้นปริมาณลูกค้ามากว่า ที่ตึกใบหยกจะมีห้องพักถึง 700 ห้อง แต่ที่นี่ โรงแรมหัวช้าง เฮอริเทจ มีเพียง 80 ห้อง การเซอร์วิสจะเน้น
เป็นแบบ Butler ซึ่งเปี่ยมด้วย Service Mind ที่เข้าใจในการบริการจนลูกค้าประทับใจ

“เสน่ห์ของหัวช้างคือด้วยการที่ทำเลอยู่ใจกลางเมือง แต่ถ้าแขกเข้ามาแล้วจะเหมือนอยู่รีสอร์ทโฮเต็ล จะมีต้นไม้ มีสระน้ำ จะไม่เหมือนอยู่ใจกลางเมือง การทำธุรกิจโรงแรมทำเลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เป็นอย่างแรกคุณพ่อบอกเสมอว่าต้องดูที่ทำเลก่อน เพราะ
ถ้าทำเลดีทุกอย่างง่าย การตลาดก็ง่ายขึ้นด้วย 

“ด้วยความที่ตัวเองและครอบครัวไปเที่ยวที่โน่นที่นี่บ่อยๆ จึงได้มีโอกาสไปพักตามโรงแรมมากมาย เวลาเราไปเห็นสถานที่หรือการบริการของที่อื่น ก็สามารถนำมาปรับใช้ได้ ยกตัวอย่างที่ใบหยกจะมีคอนเส็ปต์อย่างหนึ่งที่ใช้มานานตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้ คือ ทุกคนจะมีเข็มกลัดติด I Love Customer ด้วยลูกค้าที่เยอะมากอาจทำให้เขาคิดว่าพนักงานอาจดูแลไม่ทั่วถึง พอลูกค้าเห็นเข็มกลัดอันนี้ก็จะรู้สึกได้ว่าคนนี้อยากเซอร์วิสเขา ‘การบริการคือหัวใจของธุรกิจโรงแรมค่ะ’

“ส่วนเรื่องของความกดดันในการทำธุรกิจนั้นมีอยู่แล้วค่ะ เคยคิดเผื่อไปถึงถ้ามันเจ๊งเลยนะ พนักงานที่นี่ก็อยู่กันมานานมาก เราเห็นเขามาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าเราจะไม่ทำก็ไม่ได้และต้องทำให้ดี ให้สุดความสามารถ และด้วยความที่ใบหยกประสบความสำเร็จมาก 
ตัวเลขไม่เคยตกเลย เราเลยยิ่งต้องทำให้ดี ทำให้สุดๆ อยากให้ลูกค้าที่มาแล้วรู้สึกประทับใจอยากมาอีกเรื่อยๆ ค่ะ”

อาจเรียกได้ว่าเติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจระดับอภิมหาเศรษฐี หลายๆ คนเลยมองเธอไม่ต่างจากไฮโซคนหนึ่ง แต่เธอกลับมองต่างออกไป

“เท่าที่คนอื่นมองก็คงเป็นเซเลบฯ ในสายตาเขา เพราะบุ๋มออกงานเยอะ หรือที่บุ๋มออกสื่อบ่อยก็ด้วยความที่เราทำธุรกิจโรงแรม เราก็ต้องโปรโมทของๆ เราบ้าง ต้องให้คนรู้จักบ้าง ถ้าไปถามเพื่อนจริงๆ ไลฟ์สไตล์ของบุ๋มเป็นเซเลบฯ หรือเปล่า ก็บอกได้เลยว่าไม่ใช่ค่ะ ด้วยหน้าที่การงานเราเลยต้องเป็นหรือต้องทำมากกว่า จริงๆ บุ๋มเป็นคนชอบทำอาหารชอบทำขนม และเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว ชอบเดินตลาด ตลาดนัดขายของแบกะดินก็เดินนะ หาดูไอเดียใหม่ๆ มาปรับใช้ แล้วก็ไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อนๆ ชอบปาร์ตี้ชอบสังสรรค์ 

“เเต่เมื่อบุ๋มได้เข้ามารับหน้าที่ดูแลธุรกิจตรงนี้แล้ว ก็จะพยายามทำให้มันออกมาดีที่สุดแน่นอนค่ะ” 

 

บริหารงานด้วยหัวใจ