เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

เมื่อไม่กี่ปีหลังมานี้ วงการฟุตบอลไทยเริ่มมีสีสันขึ้นมาก จากที่เคยหมดหวังกับการพลาดแชมป์ซีเกมส์ถึง 2 สมัย แต่แล้วก็ได้กุนซือคนนี้ที่สามารถกลับมากู้ศรัทธาจากแฟนบอลชาวไทยได้อีกครั้ง รวมทั้งเป็นความหวังเดียวที่จะพาบอลไทยไปบอลโลก เขาคือเจ้าของฉายา “จอมตีลังกา” อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย ... ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โค้ชนักฟุตบอลทีมชาติไทย

เส้นทางการเป็นกุนซือ

ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ในแวดวงลูกหนัง บอกได้เลยว่าเพียงแค่ได้ยินฉายา “จอมตีลังกา” ก็สามารถการันตีความสามารถของเขาได้เป็นอย่างดี วันนี้เขามาพร้อมบทบาทหน้าที่ใหม่ที่ใหญ่และท้าทายกว่าเดิม ในฐานะกุนซือ โค้ชนักฟุตบอลทีมชาติไทย

“เดิมทีผมเป็นนักเตะทีมชาติ แต่ช่วงที่เล่นอยู่ที่เวียดนาม 2 ปีสุดท้ายก่อนที่จะอำลา ผมก็จับพลัดจับผลูได้เป็นผู้ช่วยโค้ชและเฮดโค้ชที่สโมสรฮอง อันห์ ยาลาย ของเวียดนาม หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่ที่ประเทศไทย คิดว่าจะมาใช้เวลาดูแลครอบครัว ซึ่งตอนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องการเป็นโค้ชมากนัก แต่กลับมีโอกาสได้มาเป็นโค้ชให้กับจุฬาฯ ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี และบางกอก เอฟซี

“พอมีประสบการณ์ในการเป็นโค้ชระดับสโมสร ประกอบกับขณะนั้นฟุตบอลซีเกมส์ของไทยเราไม่ได้แชมป์มา 2 สมัย หลังจากที่เราเคยได้มาตลอด 8 สมัย 16 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากตกรอบแรกมา 2 สมัย ที่ลาวและอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ พอมาซีเกมส์ครั้งนี้ ที่พม่า จึงมีการมองหาว่าใครจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นโค้ชให้ทีมชาติไทย ผมเลยได้รับโอกาสจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

“ณ ตอนนั้นที่ถูกทาบทามก็ยังสองจิตสองใจอยู่ เพราะว่าซีเกมส์มีเป้าหมายเดียวคือต้องได้แชมป์อย่างเดียวเท่านั้น พูดง่ายๆ ว่าไม่นรกก็สวรรค์ แต่ด้วยความรู้สึกของการเป็นแชมป์ซีเกมส์ในตอนที่ผมเคยเป็นผู้เล่นมันก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม จึงคิดว่าถ้ามาเป็นโค้ชก็คงมีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน ซึ่งมันก็มีคำถามขึ้นมาอีกว่า แล้วถ้าไม่ได้แชมป์ล่ะจะว่าอย่างไร ใครต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าได้แชมป์ใครมีความสุขที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นคนไทย 60 กว่าล้านคน ดังนั้นต่อให้เป็นผมคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบก็ไม่เป็นไร น่าลองเสี่ยงดู

“ผมเติบโตมาจากฟุตบอล แล้วเรายึดอาชีพเกี่ยวกับฟุตบอลมา 20 ปี เป็นผู้เล่นด้วย เป็นโค้ชด้วย วันนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เหมือนกับอีกหลายอาชีพที่ต้องมีอุปสรรคกันบ้าง สิ่งสำคัญคือเราจะผ่านอุปสรรคตรงนี้ไปได้อย่างไร ยิ่งมีกระแสที่รุนแรง ความสำเร็จก็จะทำให้ฟุตบอลไทยกลับมามีสีสันอีกครั้งหนึ่ง”

บอลไทยจะไปบอลโลก (?)

ยิ่งการทำผลงานซีเกมส์ที่พม่าเป็นที่น่าพอใจมากเท่าไหร่ ความกดดันและความคาดหวังที่อยากจะเห็นบอลไทยไปบอลโลกก็ยิ่งหลั่งไหลและถาโถมเข้ามาเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งเขาก็อยากให้ความฝันของคนไทยเป็นจริงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร ทว่ากุนซือมาดนิ่งคนนี้บอกเพียงว่าทุกอย่างมันต้องใช้เวลา 

“แฟนบอลถามผมตลอดว่าเมื่อไหร่บอลไทยจะไปบอลโลก ผมก็พยายามบอกกับทุกคนว่า ความจริงแล้วมันไปได้ แต่อยู่ที่ว่านักเตะชุดไหนจะได้ไปก่อน ถ้าเราสร้างนักเตะเยาวชนขึ้นมา แล้วไปในรุ่น 16 ปี หรือ 19 ปี ชิงแชมป์โลกให้ได้ก่อน ถึงตรงนั้นค่อยมาฝันว่าเราจะไปบอลโลกในชุดใหญ่ ทุกอย่างมันต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจน ...

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

“ทุกวันนี้ที่เราเสพสื่อ จะเห็นสื่อประโคมว่าเด็กไทยเก่ง เพราะมีการแข่งขันระดับเยาวชนที่ต่างประเทศซึ่งเป็นลีกเล็กๆ แล้วสามารถชนะกลับมาได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วผมเติบโตมากับทีมชาติตั้งแต่ระดับเยาวชน 16 ปี ผ่านการเล่นชิงแชมป์เอเชีย ผมรู้ว่าเด็กไทยเรายังไม่เก่งจริง เพราะถ้าเก่งจริงต้องไปเวิลด์คัพในระดับเยาวชน ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของฟีฟ่าให้ได้ก่อน ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นโค้ชก็จะต้องพยายามวางแผนให้ทีมชาติไทยของเราแข็งแกร่ง เหมือนที่วันนี้เรากำลังปลูกต้นไม้ ซึ่งต้นกล้าที่ดีก็จำเป็นต้องรอเวลาเพื่อจะให้ได้น้ำ ปุ๋ย และสารอาหารที่ครบถ้วน รอเวลาที่จะแข็งแกร่ง จึงไม่อยากให้ทุกคนไปเร่งต้นกล้าเหล่านั้นให้เติบโตไวๆ”

นักเตะไทย ใจต้องรัก

การจะเป็นนักฟุตบอลที่ดีนอกจากจะต้องมีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม หมั่นเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจให้ดี เหนือสิ่งอื่นใดใจต้องรักด้วย เพราะหากวันใดอยากหันหลังกลับมันก็เป็นเรื่องยากไม่น้อยที่จะต้องยอมรับว่าคนรอบข้างเหนือกว่าเราไปแล้วก้าวหนึ่ง

“ฟุตบอลทุกวันนี้สู้กันที่ความแข็งแรง ใครแข็งแรงกว่าก็อยู่รอดปลอดภัย แต่ถ้าบาดเจ็บกลับมาผลประโยชน์ทั้งหมด เงินทองที่จะได้ก็สูญเสียหมด ขณะเดียวกันจะให้กลับไปเรียนก็ไม่ทันเพื่อนแล้ว ผมจึงพยายามบอกเด็กๆ ว่า ‘ถ้าวันนี้เลือกมาเล่นฟุตบอล ต้องมาด้วยใจรักร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วต้องมาให้สุด’

“ผมจะให้ความสำคัญและซีเรียสกับการซ้อมมาก เพราะซ้อมอย่างไรแข่งอย่างนั้น ผมมักบอกกับน้องๆ เสมอว่า ใน 1 วัน ขอเวลาแค่ 2 ชั่วโมง เล่นให้จริงจัง เอาใจให้อยู่กับผมตรงนี้ ทีมชาติเป็นของพวกเรา ถ้าเรามีสมาธิอยู่กับเกมที่อยู่ตรงหน้า รับรองยังไงก็ชนะ ผมเชื่อในเรื่องเหตุและผลว่าถ้าเรามีเหตุดี ซึ่งก็คือการซ้อมที่ดี ผลย่อมต้องออกมาดีตาม แต่ทุกวันนี้เราไม่สามารถเรียกนักเตะจากสโมสรต่างๆ มาเก็บตัวได้ เพราะสโมสรเป็นผู้จ่ายเงินให้นักเตะเดือนละหลายแสน ดังนั้นการที่จะปล่อยให้ไปเล่นทีมชาติแล้วบาดเจ็บกลับมามันก็คงไม่คุ้ม ผมจึงอยากให้ทุกคนมองเห็นผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

“หลายคนพยายามถามว่านักเตะที่เข้ามาเล่นทีมชาติมีเส้นสายบ้างไหม ผมบอกเลยว่าผมจะคัดเลือกนักเตะที่ดีที่สุดและเก่งที่สุดในประเทศเป็นหลัก โดยต้องไม่มีระบบเส้นสายเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะระบบเส้นสายจะทำความเสียหายแก่ประเทศชาติ ดังนั้นคนที่จะมาเป็นทีมชาติได้จะต้องเป็นเบอร์ 1 เท่านั้น ซึ่งผมก็พยายามเปรียบเทียบให้เขาเห็นว่าการเป็นเบอร์ 1 ของประเทศมันน่าภูมิใจแค่ไหน อย่างการเป็นคนขับรถตุ๊กๆ ธรรมดา กับการเป็นคนขับรถตุ๊กๆ เบอร์ 1 ของประเทศ ความภูมิใจมันก็แตกต่างกัน

“แต่ทุกวันนี้พอมีรายได้จากสโมสรที่สูงขึ้น คำว่าเบอร์ 1 คำว่าทีมชาติมันก็หายไป หรือบางคนเล่นทีมชาติมาจนชินชาแล้ว ไม่มีความทะเยอทะยานอยากที่จะเล่น ผมก็จะพยายามตัดออกไป แล้วคัดคนที่รักและต้องการที่จะเป็นตัวแทนของทีมชาติจริงๆ เหมือนอย่างการเป็นทหาร ถ้าจะออกรบ ต้องออกรบด้วยความสมัครใจ มันเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องแสดงความรับผิดชอบออกมา

“เมื่อเบอร์ 1 จากหลายๆ สโมสรมารวมกัน ผมก็พยายามยกตัวอย่างให้เขาเห็นว่าเรามีลูกโป่งหลายลูก ลูกโป่งลูกนี้อยู่เมืองทองฯ ลูกโป่งลูกนี้อยู่ชลบุรี ลูกโป่งลูกนี้อยู่บุรีรัมย์ฯ ถ้าทำเป็นบอลลูนก็คือทีมชาติ ดังนั้นคุณต้องสลัดคราบของสโมสรออกไป แล้วการที่ได้มีธงไตรรงค์ติดหน้าอก ไม่ใช่ใครก็เป็นได้ เวลาลงมาทำหน้าที่ให้ประเทศชาติให้ลองเอาใจของคน 60 ล้านคนลงไปด้วย ผมจะพูดให้เขาได้คิดเองว่าใครที่รอชื่นชมความสำเร็จอยู่” 

เต็มที่ในทุกบทบาท

การได้เข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในผู้เล่นของฟุตบอลทีมชาติไทยว่ายากแล้ว แต่การต้องเข้ามาสวมหัวโขนรับบทเป็นโค้ชผู้คอยอยู่เบื้องหลังการเล่นทุกแมทช์ เพื่อให้ทุกคนในทีมเดินไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือสิ่งที่ยากยิ่งกว่า สิ่งสำคัญคือต้องอาศัยทั้งความรู้ ประสบการณ์เพื่อนำมาผสมผสาน สร้างเป็นสไตล์การเล่นที่ลงตัว

“ผมเป็นคนชอบเขียนบันทึกการเดินทาง ครูพักลักจำ ชอบอ่านหนังสือ ช่วงที่เป็นผู้เล่นเวลาเดินทางไปอยู่ที่ไหนก็จะเขียนวิธีการซ้อมของโค้ชแต่ละคนไว้ ไม่ว่าจะเป็นโค้ชเมืองไทยหรือโค้ชของต่างประเทศทั้งเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, โชเซ่ มูรินโญ่ ตรงนี้จึงเป็น Know - How หรือองค์ความรู้ที่เราได้มาทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้มาเป็นโค้ช

“ปรัชญาของผมคือรักในงานที่ทำ ต้องขยันและทุ่มเท ผมเป็นนักเตะพรแสวง ไม่ใช่นักเตะพรสวรรค์ จึงใช้ความขยัน และความมุมานะเข้าสู้ บอกได้เลยว่าผมยังไม่เคยเห็นใครสำเร็จโดยที่ไม่ขยัน ไม่มีนักเตะระดับโลกคนไหนที่ไม่ต้องซ้อม 

“สไตล์การเล่นของผม จริงๆ แล้วผมเคยเป็นศูนย์หน้ามาก่อน แน่นอนว่าต้องชอบสไตล์บอลรุก แต่พอมาเป็นโค้ชฟุตบอลแล้วจะรุกอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องทำเกมรับด้วย วิธีการเล่นของผมจะยึดหลักว่า เกมรุกที่ดีมาจากเกมรับที่เหนียวแน่น ถ้าเรารับเหนียวแน่น แล้วเดี๋ยวโอกาสในการทำเกมรุกจะมาเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรุกอย่างเดียวนะเพราะบางครั้งถ้ายื้อเอาไว้เพียงแค่เสี้ยวนาทีเราก็สามารถเอาชนะได้

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

“ผมรู้สึกว่าฟุตบอลต้องวิ่งไม่มีหมดแรงตลอด 90 นาที นี่คือฟุตบอลในสไตล์ของผมที่อยากให้เป็น ซึ่งผมเรียกการเล่นแบบนั้นว่าสไตล์วิ่งสู้ฟัด วิ่งตลอดทั้งเกมเหมือนหมาบ้า ลงไปในสนามเหมือนเสือที่คอยจะไล่ตะปบเหยื่อ หากนำหลักการนี้มาใช้ นอกจากคนดูจะมันส์แล้ว ถ้าชนะก็ชนะขาด แต่ถ้าแพ้ก็แพ้ไม่ขาด เพราะเราวิ่งทุกคน แพ้ไม่เกิน 1 - 0 แต่ถ้าชนะ เจอทีมง่ายๆ ก็ยิงได้ไม่ต่ำกว่า 3 - 4 ลูก เรียกได้ว่าบอลที่มันส์ สนุก ถึงแพ้ก็ยังได้ใจผู้ชม

“ถ้าในขณะที่เกมแข่งขันอยู่ ผมจะมีหน้าที่แค่ให้กำลังใจ แล้วก็คอยดูภาพรวมเฉยๆ จะกอดอกยืนดู ให้เขาเล่นโดยอัตโนมัติ เพราะต่อให้ตะโกนอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้ยิน ดังนั้นผมจึงต้องเตรียมความพร้อมตอนซ้อมให้ดี วางกลยุทธ์ที่จะเจอกับคู่ต่อสู้ ว่าเขาจะเล่นแผนไหน สูตรไหน เราจะมีวิธีการรับมืออย่างไร เตรียมไว้ 3 - 4 สูตร ผู้เล่นเหลือ 10 คน เล่นอย่างไร โดนใบแดง 2 คนเล่นอย่างไร ถ้าคนนี้เจ็บใครจะลงแทน จะต้องวางแผนไว้อุดรูรั่วที่อาจเกิดขึ้น”

ผู้นำของครอบครัว

ชีวิตที่ต้องคลุกคลีอยู่กับลูกฟุตบอลคงเป็นภาพจำที่ติดตัวเขามาตลอด น้อยคนนักจะได้สัมผัสกับชีวิตครอบครัวและแง่คิดอีกมุมหนึ่งในฐานะคุณพ่อของลูกสาวตัวน้อยทั้ง 3 คน ซึ่งเขาก็ทุ่มเทและให้ความสำคัญไม่แพ้กัน

“ผมเป็นคนสมถะ ไม่ชอบคนเยอะ ไม่ชอบความวุ่นวาย ช่วงพักก็ชอบไปทะเล ภูเขา หรือถ้าวันหยุดก็จะอ่านหนังสือธรรมะ อ่านหนังสือการใช้ชีวิต จิตวิทยา เล่นกีตาร์ พาลูกๆ ไปเรียนเปียโน อูคูเลเล่ ไวโอลิน เรียนวาดรูป ตอนนี้ก็มีกิจกรรมที่ทำร่วมกันคือขี่จักรยานทั้งครอบครัว เหมือนเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้เขา ถ้าครอบครัวอบอุ่น มันก็จะเป็นผลดีกับสังคม ฉะนั้นผมจึงให้ความสำคัญกับครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่ง

“นอกจากนี้ก็จะให้เขาได้ไปดูเวลาเราคุมทีมสโมสร ทีมชาติ ให้เขารู้จักคำว่าน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ให้รู้เรื่องการช่วยเหลือสังคม อย่างวันหยุดที่สำคัญเช่นวันเด็ก ซึ่งปกติเขาจะเป็นผู้รับอย่างเดียว แต่ผมก็จะพาไปแจกขนมเด็ก ให้เขารู้จักการเป็นผู้ให้ ให้เขาได้ซึมซับ

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

“ส่วนที่ถามว่าอยากมีลูกชายไหม เพราะผมมีลูกสาว 3 คน ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วก็ไม่ได้คาดหวัง แค่อยากให้เขาเกิดมาครบ 32 เป็นคนดีของสังคมหรือทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติก็พอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลูกผู้หญิงหรือผู้ชายก็คงไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของเราเสียมากกว่า แต่พอได้ลูกสาวปุ๊ปก็ไม่มีความอยากได้ลูกชายอีกเลย เพราะแค่เขามาอ้อนเราก็หายเหนื่อยแล้ว (ยิ้ม) อีกอย่างถ้าได้ลูกชาย คนก็อาจจะคิดว่าลูกต้องเป็นนักบอล ต้องติดทีมชาติ ต้องเล่นเก่งกว่าพ่อ นั่นก็จะกลายเป็นความทุกข์ของลูกอีก

“วันนี้ความสุขของผมคือ การมีครอบครัวที่อบอุ่นและยังได้อยู่กับฟุตบอล เราสามารถเลือกเอาฟุตบอลมาเป็นอาชีพที่ทำให้คนอื่นเห็นว่าไม่ใช่ความฝันลมๆ แล้งๆ วันนี้ที่ยังอยู่ในเส้นทางฟุตบอลก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยที่เลือกทางนี้ ถึงแม้จะมีอาชีพอื่นๆ ที่ดีรองรับเราอยู่ ยังไงก็ต้องขอบคุณฟุตบอลทำให้ผมมีวันนี้ ทั้งๆ ที่ลูกบอลมันไม่มีชีวิต แต่มันสามารถสร้างชีวิตให้เราได้” 

แสงสว่างแห่งวงการลูกหนังไทย