การแพทย์

การแพทย์

ปัจจุบันคำว่าการแพทย์ทางเลือก หรือ การรักษาแบบทางเลือก (ALTERNATIVE MEDICINE) เป็นที่รู้จักและยอมรับกันแพร่หลายมากขึ้นทั่วโลก การแพทย์ทางเลือกเกิดเป็นที่ยอมรับในวงกว้างขึ้นเพราะว่าการแพทย์แผนตะวันตกพัฒนามาจนถึงขีดจำกัดหนึ่งจนก่อให้เกิดการ “มองต่างมุม”อย่างชัดเจนขึ้น

อะไรคือการแพทย์ทางเลือก หรือ การรักษาแบบทางเลือก ... 

การแพทย์ทางเลือกหรือการรักษาแบบทางเลือกคือการมองสุขภาพอนามัยของมนุษย์ด้วยอีกมุมมองหนึ่งต่างจากแบบแผนการแพทย์แผนตะวันตกแบบเดิมที่ศึกษาเรียนรู้ถ่ายทอดสืบต่อกันมาในสถาบันการศึกษาแพทย์ศาสตร์อย่างเป็นทางการในมหาวิทยาลัยแพทย์หลังจากระบบการศึกษาด้านการแพทย์ของโลกเคลื่อนเข้าสู่ระบบการศึกษายุคใหม่อย่างเป็นทางการ

ระบบคิดของการแพทย์แผนตะวันตกสมัยใหม่ค่อนข้างแข็งตัว มองว่าอาการเจ็บป่วยของร่างกายมนุษย์เกิดจากสาเหตุที่แน่นอนบางอย่าง โดยมุ่งการรักษาไปที่การกำจัดอาการเจ็บป่วยนั้นโดยตรง เช่น หากมีเชื้อโรคทำให้เจ็บป่วย ก็มุ่ง “กำจัด” เชื้อโรคนั้นออกไปเสีย หากเกิดบางสิ่งในร่างกายชำรุดมากๆ ก็ “กำจัด” ชิ้นส่วนนั้นไป เช่นการตัดไส้ติ่ง หรือ ชิ้นส่วนอวัยวะบางอย่าง

ความคิดเรื่อง “พิชิตโรค” “กำจัดอาการเจ็บป่วย” หรือ “ขจัดโรคร้าย” นั้นประกอบกับการมองความ “ไม่ปกติ” ต่างๆ ของมนุษย์แบบแยกส่วนทำให้อีกแนวความคิดหนึ่งเกิดขึ้นเพื่อ “ถ่วงดุล” ความคิดที่สุดโต่งให้มองในมุมมองอื่นๆ บ้าง

แท้จริงแล้วการแพทย์แบบทางเลือก หรือ การรักษาแบบทางเลือก มิได้เป็นสิ่งใหม่แปลกประหลาดแต่อย่างใด บางทีก็เรียกการแพทย์แบบทางเลือกว่าการแพทย์นอกกระแสหลัก บางทีก็เรียกว่าการแพทย์แบบองค์รวม บางทีก็เรียกว่าการแพทย์แบบผสมผสาน หลักๆ แล้วคือพื้นฐานวิธีคิดด้านสุขอนามัยแบบการแพทย์แผนจีน, การแพทย์แบบอายุรเวชของอินเดีย, การแพทย์แบบธิเบต, การแพทย์อาหรับ (UNANI) ซึ่งเป็นวิชาการด้านการแพทย์ของกรีกโรมันแถบแม่น้ำไทกริส ยูเฟรตีส ในยุคโบราณ  

แต่การแพทย์แผนจีนมีลักษณะโดดเด่น ชัดเจน ใช้ในภาคปฏิบัติ และเรียนรู้สืบทอดในวงกว้างอย่างเป็นระบบต่อเนื่องยาวนานมากที่สุด

การแพทย์
การแพทย์

สรรพตำราเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนเผยแพร่เรียนรู้อย่างเป็นทางการในเชิงวิชาการ มีการศึกษาต่อยอดมาแต่โบราณหลายพันปี ตำราสมุนไพร, ทฤษฎีการแพทย์แบบจีนโบราณทั้งเรื่องการจับแมะ 把脉, การฝังเข็ม 针灸  ฯลฯ  เป็นสิ่งที่หาได้ทั่วไป ปัจจุบันการศึกษาวิชาการด้านนี้ในประเทศจีนมีสถาบันการแพทย์อย่างเป็นทางการรองรับ หลักสูตรการแพทย์สมัยใหม่ของจีนแผ่นดินใหญ่กำหนดให้นักเรียนแพทย์ทุกคน (รวมแผนตะวันตก) ต้องเรียนทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนด้วย นอกจากนี้ก็มีการเรียนการแพทย์แผนจีนอย่างจริงจังเป็นการเฉพาะในหลักสูตรปริญญาและหลักสูตรหลังปริญญาด้วย

ในประเทศไทย ปัจจุบันก็สามารถเรียนการแพทย์แผนจีนในระดับปริญญาได้ทั้งในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน เพียงแต่การเรียนในปีท้ายๆ นักศึกษาต้องไปศึกษาที่ประเทศจีนและนักศึกษาการแพทย์แผนจีนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนภาษาจีนให้สามารถใช้ภาษาจีนได้ในระดับมาตรฐาน เพราะไม่ว่าจะเป็นชื่อสมุนไพร ความรู้วิชาการ และครูอาจารย์ ล้วนแต่ต้องอ้างอิงคำภาษาจีนอยู่ตลอดเวลา

ย้อนกลับไปสัก 30 ปี การแพทย์แผนจีนและการแพทย์องค์รวมยังถูกสังคมการแพทย์แผนตะวันตกของไทยมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจนั้น ผู้ที่เชื่อมั่นในการรักษาแบบการแพทย์แผนจีนต้องพึ่งการหาหมอจีนตามคลินิกหมอจีน หรือซินแสทางการแพทย์ที่อยู่ประจำตามร้านขายยาจีน คนที่มีฐานะการเงินดีจำนวนหนึ่งไปหาหมอจีน

ที่เมืองจีน / ไต้หวัน / ฮ่องกง ตามหนังสือพิมพ์ภาษาจีนในเมืองไทยจะปรากฏกรอบโฆษณาแพทย์จีนจากต่างประเทศมาเปิดการรักษา ตีพิมพ์บ่อยๆ แต่ปัจจุบันผู้ที่เชื่อมั่นในแนวทางการแพทย์แผนจีนสามารถไปหาหมอฝังเข็มไว้ตามโรงพยาบาลที่เป็โรงเรียนแพทย์หลายแห่ง ส่วนด้านการรักษาด้วยตัวยาสมุนไพรจีน (หาหมอแมะ) และวิธีการรักษาทั้งฝังเข็ม 针灸, ดูดด้วยกระปุกแก้ว 拔罐, นวดแบบจีน 推拿 สามารถไปที่โรงพยาบาลหัวเฉียวการแพทย์จีน ที่โรงพยาบาลหัวเฉียวการแพทย์จีนจะมีโอกาสพบกับนักศึกษาแพทย์แผนจีนจากแผนกการแพทย์แผนจีนทำหน้าที่ทั้งเป็นผู้ช่วยอาจารย์แพทย์และศิษย์ที่สืบทอดความรู้วิชาการแพทย์แผนจีนอยู่ในห้องตรวจด้วย นักศึกษาแพทย์เหล่านี้คืออนาคตแพทย์แผนจีนที่จะออกมาดูแลผู้ป่วยในสังคมไทยต่อไปเมื่อเขาสำเร็จการศึกษา

สิ่งที่คนไข้ควรเตรียมตัวเมื่อจะไปพบแพทย์แผนจีนโดยทั่วไปคือ การสังเกตอาการพื้นฐานของร่างกายตนเองว่าปัสสาวะเหลืองหรือไม่ ฉี่บ่อยไหม มีอะไรไม่ปกติหรือไม่, การขับถ่าย ถ่ายแข็ง หรือมีอาการท้องเสีย หรือถ่ายเหลว, เหงื่อมีลักษณะอย่างไร เป็นเหงื่อทั่วไปหรือเป็นเหงื่อเย็น แพทย์มักจะถามสิ่งเหล่านี้ประกอบการแมะ (จับชีพจรแบบจีน ซึ่งจับทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากสามารถอ่านอาการต่างๆ ของระบบร่างกายได้) นอกจากนี้ก็มักจะพูดคุย และขอดูลักษณะของลิ้น วิธีการเหล่านี้บางอย่างก็คล้ายคลึงกับที่แพทย์แผนตะวันตกทำอยู่ แต่บางอย่างก็อยู่กันคนละทฤษฎี   

ยิ่งวันเวลาผ่านไปเร็วเท่าใด เทคโนโลยีด้านการแพทย์แผนจีนก็พร้อมพัฒนาไปกับความก้าวหน้าของโลกด้วยเช่นกัน ตัวยาจีนที่หมอจีนใช้ต้องผ่านมาตรฐานของทางการ  เข็มที่ใช้ในการฝังเข็มเป็นโลหะปลอดสนิมคุณภาพสูงแต่ราคาไม่แพง วิธีการต้มยาจีนพัฒนาไปทั้งระบบ และยังเคลื่อนเข้าสู่การศึกษาวิจัยบดสมุนไพรให้เป็นผงบรรจุแคปซูล สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นแง่มุมด้าน  “เศรษฐกิจด้านสุขภาพ” ที่จีนมองด้วยสายตาที่เข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแยบยล 

 

 

ทางเลือก