โคราช  บ้านไร่

โคราช บ้านไร่

ครั้งแรก ผมมาด่านเกวียนเพราะเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งกล่าวได้ว่ามีชื่อเสียงไปไกลทั้งในและต่างประเทศ ในวันเสาร์-อาทิตย์ด่านเกวียนจะคึกคักด้วยผู้คนที่มาเลือกซื้อเครื่องปั้นดินเผา ทั้งคุณภาพ ราคา และรูปแบบอันหลากหลาย เหล่านี้ทำให้ผู้คนยอมเลี้ยวรถจากทางสายหลักเข้ามาเยือนด่านเกวียน

 

ครั้งที่สอง ผมมาเยือนด่านเกวียนในวันธรรมดา และก็ได้รับรู้ว่าเสน่ห์ของชุมชนเล็กๆ นี้อยู่ที่สิ่งใด

ร้านรวงขายเครื่องปั้นดินเผาที่เคยคลาคล่ำในวันสุดสัปดาห์ ยามนี้เงียบเชียบราวกับปล่อยร้าง ทว่าพอเดินไปดูหลังร้าน จะพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งทำงานอยู่เงียบๆ ใบหน้าอิ่มเอมใจ

 

“ศิลปะต้องรับใช้สังคม สะท้อนสังคม” เดช นานกลาง ให้คำนิยามความสุขง่ายๆ ในการเป็นช่างปั้น

ที่ด่านเกวียน ใครๆ ก็รู้ว่าช่างเดชประสบความสำเร็จทั้งในแง่ธุรกิจและการผลิตงานศิลปะบริสุทธิ์ หรือที่ในแวดวงศิลปะเรียกว่า ประติมากรรมนามธรรม

วันนั้น ผมไปเยือนบ้านช่างเดช ได้เห็นงานปั้นชิ้นงามๆ ซึ่งตกแต่งรอบๆ บ้านอันร่มรื่น ได้รับรู้ว่างานปั้นนั้นช่วยกล่อมเกลาจิตใจได้มากเพียงใด

จากบ้านช่างเดช ผมข้ามถนนไปฟังเรื่องเล่าเก่าๆ ของด่านเกวียน ทั้งเรื่องดิน น้ำ และเตาไฟอันเป็นเคล็ดลับของเครื่องปั้นดินเผา

 

“มันมีความงามมาก ผมไปนอนกับชาวบ้านที่ฟากมูน มีกระต๊อบ มีเถียงนา มีโรงปั้น แม่น้ำมูนน้ำใสไหลเย็น วักขึ้นกินได้เลย” อาจารย์วัฒนา ป้อมชัย เล่าน้ำเสียงกังวาน ดวงตาเป็นประกาย

เรายืนอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ เบื้องหน้าคือเตาเผาที่ทำขึ้นใต้รากต้นไม้ อันเป็นเอกลักษณ์ของเตาบ้านด่านเกวียน

อาจารย์วัฒนาพาเดินชมรอบๆ บ้าน ซึ่งมีเตาโบราณอีกหลายเตา เครื่องปั้นดินเผามากหลายประดับประดา

เป็นสิ่งจริงแท้ ที่ด่านเกวียนมีดินพิเศษไม่เหมือนที่ไหน ด้วยแม่น้ำมูนพัดพาสินแร่มาทับถมจนกลายเป็นดินอันมีค่า 
เนื้อเหนียวแน่น ละเอียด เจือสีแดงเพราะมีแร่เหล็กสำริดเมื่อเข้าเตาเผาเนื้อดินจึงแกร่ง ดำเป็นมันเงาโดยไม่ต้องลงสีเคลือบเงาใดๆ

 

โอ่ง อ่าง ไห ชิ้นงานช่างปั้นสมัยแรกเริ่มจึงขึ้นชื่อในเรื่องความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน จากโอ่ง อ่าง ไห ที่ปั้นใช้กันในกลุ่มชาวข่า เมื่อพ่อค้าจากนางรอง บุรีรัมย์ สุรินทร์ ผ่านทางมาซื้อขายสินค้ากับพ่อค้าชาวโคราช เห็นที่ตั้งชุมนุมชาวข่าและภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งทนทาน จึงกลายเป็นที่นิยมหยุดพักกองเกวียน แลกเปลี่ยนข้าวของกับเครื่องปั้นนำไปขายตามชุมชนรายทางที่กองเกวียนเคลื่อนผ่าน

เป็นอยู่อย่างนั้นเรื่อยมา กระทั่งพ่อค้าที่นำกองเกวียนผ่านทางเรียกกันติดปากว่า “บ้านด่านเกวียน”

ฟังเรื่องเล่าจากอาจารย์วัฒนา หยุดชมเตาเผาโบราณ ในยามนั้นผมพบว่าได้สัมผัสด่านเกวียนที่แท้จริง

ด่านเกวียนอันเปี่ยมด้วยตัวตน เรื่องราว และคุณค่า...

 

...............................................................

 

ผมมาเยือนโคราชบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในฤดูฝนและฤดูหนาว ภาพทิวเขาเขียว ทุ่งหญ้าพลิ้วไหวในสายลม ช่างติดตาตรึงใจ

บ่อยครั้งที่ผมเลือกไปเยือนวังน้ำเขียว ที่นั่น ผมพบว่าความฝันของตนปรากฏเป็นจริงท่ามกลางทิวเขาเขียว ทุ่งหญ้าพลิ้วไหว

 

“ผมตื่นตีสามทุกวัน อย่างแรกที่ทำคือหยิบกีตาร์ ฟ้าสว่างค่อยลงไปดูงานในไร่”

ลุงไกร ชมน้อย ชายวัยปลายห้าสิบ ศิลปินชาวไร่ที่ใครๆ ในวังน้ำเขียวก็เคารพรัก บอกผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงร่าเริง

ลุงไกรคือหนึ่งในเกษตรกรน้อยรายที่อยู่รอดได้ในอาชีพ คำตอบของความสำเร็จคือระยะเวลาร่วมสิบปีในการเรียนรู้ว่าดินที่นี่อุดมสมบูรณ์เพียงใด

 

“มาจากไม่รู้ พ่อเสีย หยุดเล่นดนตรี กลับจากเมืองนอกมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ เป็นจุดหักเห” แกเล่า

แน่นอนว่าเกษตรกรรมไม่ใช่งานง่าย ผ่านการลองผิดลองถูก จากที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยีสมัยใหม่ ระบบน้ำหยด โรงเรือนติดซิป น้ำยาเคมี จนวันหนึ่งเมื่อพบว่าตนเองและครอบครัวต้องทำงานท่ามกลางสารพิษร้าย ลุงไกรจึงหันมาทำเกษตรอินทรีย์

คงเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ พูดได้ว่าอาชีพเกษตรกรรมในบ้านเราส่วนมากล้มเหลว ปัญหาใหญ่คือค่าปุ๋ยค่ายา ที่สำคัญคือค่านิยมผิดๆ

 

“เกษตรกรจริงๆ ต้องเป็นนักอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติทำลายไม่ได้แม้แต่แมลง เกษตรกรที่ฉลาดต้องทำโดยธรรมชาติ ให้ใกล้เคียงธรรมชาติเป็นสิ่งชาญฉลาดที่สุด ภูเขาเคยมีใครไปใส่ปุ๋ย เราก็เรียนกันมา แต่พอมาทำเกษตรลืมหมดเลย จะเอาตังค์กันอย่างเดียว” ลุงไกรพูดแล้วก็หัวเราะสบายใจ

ตะวันคล้อยต่ำ ลุงไกรชวนเราเข้าไปเดินดูในไร่ โดยไม่ลืมหยิบกีตาร์ติดมือไปด้วย

ยามนี้ข้าวโพด ผักโขม ชีส ผักสลัดอีกว่าหกชนิดกำลังงอกงามผลิดอกใบ กะหล่ำหัวใจ ฟักทอง มะเขือเทศเชอรี่ก็กำลังงอกงาม

หากมองเพียงผิวเผิน อาจคิดว่าสวนลุงไกรดูไม่ค่อยงามตา แปลงผักไม่เป็นแถวเป็นแนวอย่างที่ควรเป็น มีหญ้าขึ้นแทรกแซมบ้าง แต่เมื่อก้มลงดูใกล้ๆ ผมกลับเห็นความสมบูรณ์ในดอกผล บนผิวใบ

เดินมาถึงแปลงผักบัตเตอร์เฮด ลุงไกรก็ยกกีตาร์ตัวเก่งขึ้นมากรีดสาย เหมือนเคย ท่วงทำนองเพลง Take Me Home, Country Roads ผสานลำนำ John Denver ดังนุ่มทุ้มกังวาน

ยามนั้นเองที่ผมรับรู้ว่า ทั้งเจ้าของไร่และพืชผลในไร่ทุกต้นเปี่ยมสุขเพียงใด และตัวผมเองมีความสุขเพียงใด ยามเมื่อพบว่าความฝันของตนสามารถเป็นจริงได้ท่ามกลางทิวเขาเขียว ทุ่งหญ้าพลิ้วไหวในสายลมเย็นชื่น

 

How to go?

จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นพหลโยธิน มุ่งหน้าสู่สระบุรี จากนั้นแยกขวาเข้าสู่เส้นมิตรภาพ ผ่านลำตะคอง มุ่งหน้าเข้าโคราช แล้วแยกขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 24 มุ่งหน้าสู่บ้านด่านเกวียน เที่ยวชมและช้อปงานเครื่องปั้นดินเผาหลากหลาย ทั้งแบบโบราณและร่วมสมัย

 

จากนั้นมุ่งไปแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านปักธงชัย และเข้าสู่อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอที่มีอากาศหนาว เย็นสบายแทบทั้งปี เที่ยวไร่ผักสด มีที่พักบริการมากมายแถบตำบลบุไทรและตำบลไทยสามัคคี

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ททท. สำนักงานนครราชสีมา โทรศัพท์ 0 4421 3030 และ 0 4421 3666

นานหลายปีแล้วที่ผมไม่ได้มาเยือนด่านเกวียนครั้งแรก