สัมผัสประวัติศาสตร์ภาพในและนอกอาเซียน  : ของที่ระลึกในบ้านนักเขียน

สัมผัสประวัติศาสตร์ภาพในและนอกอาเซียน : ของที่ระลึกในบ้านนักเขียน

ในปีนี้สถานการณ์ของโควิด-19 ที่คาดกันว่าน่าจะจางหายไปได้แล้ว แต่ปรากฏว่ากลับยิ่งเพิ่มความรุนแรงขึ้น แถมมีตัวใหม่เริ่มคืบคลานเข้ามาอีก เล่นเอาหลายคนผวาว่าแล้วอย่างนี้จะมิยิ่งแพร่กระจาย ติดกันไปหมดหรือ ดังนั้นเพื่อความสบายใจ ผู้เขียนขอนำท่านผู้อ่านออกไปอยู่ไกล ๆ จากสิ่งแวดล้อมในบ้านเรากันอีกครั้งแล้วกันนะคะ

ที่ซึ่งห่างไกลของผู้เขียนนั้น ห่างไกลจากประเทศไทยมากจริง ๆ ถ้าจะบินไปต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 30 ชม.เลยละค่ะ ไปให้สุดโลก ที่อเมริกาใต้กันดีกว่านะคะ น่าจะพอทำให้ห่างไกลจากสงครามจริงและห่างไกลจากโควิด-19 ได้บ้างค่ะ เราจะไปบ้านของกวีเอก ชาวชิลีเจ้าของรางวัลโนเบลกันนะคะ นักกวีที่ได้รับรางวัลโนเบลของชิลีมีอยู่ด้วยกันสองคน คนแรก เป็นสุภาพสตรี ชื่อ กาเบรียลา มิสเตล (Gabriela Mistral) เกิดเมื่อวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1889 และเสียชีวิตเมื่อ 10 มกราคม ค.ศ. 1957 เป็นครูที่น่ารักและเห็นแววของลูกศิษย์ที่เป็นนักเรียน ชายคนหนึ่ง เธอให้กำลังใจและสนับสนุนเขา จนในที่สุด ลูกศิษย์ คนนี้ก็ได้รับรางวัลโนเบล มาครองด้วยเช่นกัน เป็นตำนานของ สองนักกวีชาวชิลีที่ได้รับรางวัลโนเบลมาครอบครองค่ะ หนุ่มชิลีคนนี้โด่งดังมาก ชื่อที่รู้จักกันดีคือ ปาโบล เนรูด้า (Pablo Neruda) แต่ถ้าเอ่ยชื่อจริง Ricardo Eliecer Neftali Reyes Basualto อาจจะไม่ค่อย มีใครรู้จักมากนักปาโบล เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1904

ที่เมืองปาราล ห่างจากกรุงซันติอาโกเมืองหลวงไปทางตอนใต้ 350 กม. ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปี ค.ศ. 1971 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1973 ที่ รพ.ทหาร ในกรุงซันติอาโก วันนี้เราจะไม่เล่าถึงประวัติความเป็นมาอันมากมายของเขา แล้วกันนะคะ เพราะเคยนำมาเล่ามาเขียนถึงกันไว้บ้างแล้ว เอาเป็นว่าเราจะไปเยี่ยมชมของที่ระรึกของเขาที่วางล่อตาล่อใจ นักท่องเที่ยว และผู้ที่ชื่นชอบผลงานของเขากันดีกว่า และภาพที่ชุติมานำมาให้ท่านผู้อ่าน ได้สัมผัสประวัติศาสตร์ภาพชุดนี้ก็มา อยู่ตรงหน้าท่านผู้อ่านแล้วค่ะ เราไปชมกันนะคะ นอกจากผลงานหนังสือและบทกวีมากมายแล้ว ของที่ระลึก หน้าตาแปลก ๆ และไม่แปลกก็มีอีกหลากหลาย ซึ่งภาพที่ชุติมา นำมาเสนอในฉบับนี้ ถ่ายมาจากบ้านของเนรูดาหลังแรก ที่อยู่ใน กรุงซันติอาโก เมืองหลวง เนรูดา ยังมีบ้านนอกเมืองอีกสองหลัง อยู่ริมทะเล สร้างและตกแต่งตามแบบฉบับความชอบของเขาซึ่ง เป็นเอกลักษณ์มาก ด้วยความที่ชื่นชอบทะเล บ้านทุกหลังของ

เขาจึงสร้างเหมือนเรือที่อยู่ในน้ำในทะเล มีเทพธิดา แม่ย่านางประจำหัวเรือ มีสมอ มีพังงาเรือ ฯลฯ ที่เขาสะสมไว้มากมาย กระจายกันอยู่ตามบ้านต่าง ๆ ทั้งสามหลัง บ้านทั้งสามหลังได้รับการดูแลรักษาอย่างดี โชคดีที่ชุติมาและคุณประภัสสร ได้ไปเยือนมาแล้ว ทั้งสามหลัง หลังแรกแม้ไม่มีทะเล แต่ก็มีคูน้ำ กว้าง มีน้ำใสไหลตลอดจนกระทั่งเกิดจลาจล การยึดอำนาจ จากประธานาธบดี อเยนเด้ และการควานหาตัวเขา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของท่านประธานาธิบดีกันให้จ้าละหวั่นในกรุงซันติอาโก โชคดีที่เขาหลบหนีพ้น เงื้อมมือของฝ่ายตรงข้ามไปได้ แต่บ้านหลังนี้ได้รับ ความเสียหายมาก ในตอนนั้น คูน้ำถูกทำลาย จนตอน หลังจึงได้รับการซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ และบูรณะ ให้กลับมาอยู่ในสภาพใกล้เคียงของจริง มากขึ้น ที่บ้านหลังนี้ มีตู้เก็บเหรียญรางวัลโนเบลตัวจริงด้วย แต่ผู้ชมทั่วไปอาจจะยากเข้าถึง คุุณประภัสสร โชคดี ที่ได้ยลโฉมด้วยตาตนเองมาแล้ว มาดูพวกของฝาก ของที่ระลึกกันดีกว่านะคะ ภาพชุดนี้เป็นของที่ระลึกที่ผู้มาเยี่ยมชมสามารถ หาซื้อมาไว้เป็นที่ระลึกถึงกวีที่มีชื่อเสียงท่านนี้ได้ นอกจากนี้ที่ขาดไม่ได้ คือมีมุมกาแฟ ที่มีขนมอร่อย เป็นของว่างรับประทานกับกาแฟด้วย แล้วยังมี ภาพโปสเตอร์ของสะสมต่าง ๆ ภาพหนึ่งที่เห็นแล้้ว อดสะดุดตาไม่ได้คือบรรดารองเท้า อย่างที่ทราบกัน อยู่ว่า เนรูด้า เป็นนักกวี ดังนั้นอารมณ์อ่อนไหว และบรรเจิดของเขาไม่เคยหยุดนิ่ง และอาจจะแตกต่าง จากนักกวีคนอื่น ๆ บ้างตรงที่เขาชอบการแต่งตัว อาจจะด้วยหน้าที่จากการเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับ การเมือง และอุดมการณ์ด้านการเมืองที่ออกจะ เด่นชัดในด้านที่เขาเชื่อมั่น และการดำรงตำแหน่ง ทางด้านการทูต ทำให้เขากลายเป็นคนพิถีพิถัน ด้านการแต่งกาย ส่วนอารมณ์อ่อนไหวอีกด้าน หนึ่งก็หนีไม่พ้นอารมณ์รักใคร่ เนรูดาจึงมีภรรยา สามคนและมีลูกสาวอยู่คนหนึ่งแต่เสียชีวิตไปเมื่อ อายุแค่เก้าขวบ ยังความเศร้าสร้อยมาสู่ผู้เป็นบิดาไม่น้อย และรักครั้งสุดท้ายของเขากับผู้หญิงที่ชื่อ มาทิลดา ก็ดูจะเป็นรักลึกซี้งที่เขาทุ่มเทใจให้หล่อน ผู้ซึ่งอยู่เคียงข้างเขาตราบจนวันตายเมื่อ 23 กันยายน ค.ศ.1957 นั่นเอง

การตายของเขาหลังจากประธานาธิบดีอาเยนเต้ เพื่่อนรักเพื่อนสนิทยิงตัวเองตาย เมื่อถูกทหาร ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลก็ส่งผลกระทบจิตใจเขาอย่างมากมาย หลังจากนั้นไม่นานการประกาศการเสียชีวิต ของเขาด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวจากโรคมะเร็ง ก็ดูจะ ก่อความเคลือบแคลงให้กับผู้คนได้ไม่น้อย จนมีการ พยายามสืบข้อเท็จจริงว่า แท้ที่จริงแล้วน่าจะเป็นการ ถูกวางยาพิษ ในตอนที่เราอยู่ที่ซันติอาโก เมื่อผ่านโรงพยาบาลที่เนรูด้าเข้าไปรักษาตัวก่อนจะกลับมาบ้านและเสียชีวิตในที่สุด มีคนชี้ให้เราดูโรงพยาบาล แห่งนั้น และบอกให้เราฟังถึงความเคลือบแคลง เหล่านี้ด้วยเช่นกัน จนช่วงหลังมานี้ ดูเหมือนความเข้าใจดังกล่าวค่อนข้างหนักแน่นขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้รับ การยืนยันอย่างเป็นทางการแต่อย่างใดค่ะ ความเป็นไปของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลก แห่งความเป็นจริงที่เรากำลังประสบอยู่ตอนนี้ ทำให้ คิดว่าเราน่าจะหลบหนีความวิตกกังวลออกไปหา ของน่ารัก ๆ น่าชม ไปดูของสะสมที่อยู่ตามบ้าน นักเขียนดัง ๆ ที่แม้จะผ่านกาลเวลามาหลายสิบปีแล้ว แต่ก็ยังเก็บกลิ่นอาย เก็บความรัก ความทุ่มเท เก็บอุดมการณ์ความมุ่งมั่น และเก็บประวัติศาสตร์ ในความเป็นตัวตนของเขาไว้ได้เป็นอย่างดี

แม้อุดมการณ์บางครั้งอาจจะคนละขั้ว แต่การได้ไปเยือน ได้ไปสัมผัสบรรยากาศ และทำความเข้าใจก็เป็นสิ่งดี ๆ ที่ทำได้ในยามที่ชีวิตของเราคงจะไม่ได้ยืนยาวอีกมากนัก ยิ่งในโลกแห่งความเป็นจริงตอนนี้ที่มีทั้ง สงครามทำลายล้างกันจริง ๆ และสงครามชีวภาพ เชื้อโรครุนแรงถึงกับเคยมีคนเขียนคลิปโพสต์ ให้อ่านกันทางไลน์ “เป็นโควิดก็ตาย ไม่เป็นโควิดก็ตาย...” อย่ากระนั้นเลยนะคะ อย่าคิดมากหาความสุขใส่ตัว หมั่นทำบุญทำทาน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันเท่าที่จะทำได้และเป็นไปได้จะดีกว่า แต่เหนืออื่นใดขอ ให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากโควิดสาย พันธุ์ต่าง ๆ และหาความสุขใส่ตัวในขณะที่ยังทำได้ ดูท่าว่าน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ในยามนี้ค่ะ ขอให้เราเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันตลอดไปนะคะ





 

สัมผัสประวัติศาสตร์ภาพในและนอกอาเซียน : ของที่ระลึกในบ้านนักเขียน