“ในสายตาของคนทั่วไป ดาราหรือนักแสดงจะมีชีวิตที่ดูแตกต่าง แต่ชีวิตแคร์เรียบง่ายมาก ตอนเด็ก ๆ เป็นเด็กเรียนอยู่ในกรอบของพ่อแม่ พอมาเป็นนักแสดงก็มีอาชีพทำการแสดงในบทบาทที่ได้รับ แต่จริง ๆ แคร์ติดดินมาก งานบ้านปัดกวาดเช็ดถูแคร์ทำได้หมด เป็นคนที่เข้าถึงง่ายแบบสุด ๆ” นี่คือคำตอบของ แคร์ ฉัตรฑริกา สิทธิพรม นักแสดงสังกัดช่อง 3 ที่เมื่อเราถามว่า เธอมีอะไรที่อยากให้คนอื่นทราบเกี่ยวกับตัวเองมั๊ยและนี่คือคำตอบอันแสนเรียบง่ายที่มาจากตัวตนของเธอจริง ๆ

จากเด็กวารสารธรรมศาสตร์แล้วเข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร

   แคร์เข้าวงการบันเทิงมา 7-8 ปีแล้วค่ะ เริ่มแรกจากการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ได้รองอันดับสองปี 2014 จนปฏิบัติภารกิจครบ 1 ปี และได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่เรียกไปแคสติ้งละครเรื่องแรกคือ นาคี ของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์เป็นเรื่องที่สร้างชื่อเสียงและความภูมิใจมาก จากนั้นก็มีโอกาสเล่นละครมา 20 เรื่องแล้วค่ะ ซึ่งละครที่กำลังออนแอร์อยู่ตอนนี้ คือเรื่องซ่อนกลิ่น

ได้ข่าวว่าคุณรับบทเป็นตำรวจหญิงในเรื่องนี้

   ใช่ค่ะ แคร์รับบทเป็นดาว เป็นตำรวจหญิง ครั้งแรกเลยที่รับบทตำรวจ ก็มีบู๊ แอ็คชั่น ยิงปืน ซึ่งแคร์ไม่เคยเล่นบทแบบนี้มาก่อน ก็ต้องมีท่าทางการต่อสู้ เรียกว่าท้าทายในระดับนึง ก็จะมีแอ็คติ้งโค้ชหน้ากองที่เขาจะมาสอนท่าทางการต่อสู้ การยิงปืน ก็ได้ทีมงานช่วยแคร์ได้ในระดับนึงเลยค่ะ

เล่าให้หน่อยว่า ตอนเด็ก ๆ คุณมีนิสัยยังไง

   ค่อนข้างเรียบร้อย อยู่ในกรอบ เป็นเด็กเรียน เป็นเด็กเนิร์ด แคร์มุ่งมั่นเรื่องการศึกษามากเพราะอยากเป็นหมอ ที่บ้านก็ปลูกฝังอยากให้เป็น คือความคิดของคนสมัยก่อนคืออาชีพหมอจะมีเกียรติ แคร์เลยเป็นเหมือนความหวังเพราะเราเรียนดีมาตั้งแต่เด็ก แม่ก็ส่งเสริมแต่ด้านการศึกษา สภาพแวดล้อมด้วย สังคมด้วย เพราะเราอยู่ห้องคิง ถามเพื่อนก็มีแต่จะเป็นหมอ เป็นวิศวะ แต่ปรากฏว่าแคร์สอบไม่ติด แต่จริง ๆ ลึก ๆ แล้วก็มีความสนใจในวงการบันเทิงอยู่เหมือนกัน แคร์มองว่าเป็นโชคดีเพราะมันอาจจะไม่มีแคร์ในวันนี้ที่เจอความชอบ เจอความฝันของตัวเองแล้วจริง ๆ

ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน คุณมีจุดพลิกผันช่วงไหนบ้าง

   ก็น่าจะเป็นช่วงเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ อย่างที่บอกคือแคร์อยากเป็นหมอ ก็เดินตามทางนี้แต่ลึก ๆ แล้วเราก็ไม่ได้อินไซด์ว่า หมอต้องทำอะไร เรียนอะไร เหมือนเราเดินตามทางที่ครอบครัวมองว่าดี อยากให้เป็น ตอนที่แคร์เข้ามหาวิทยาลัย แคร์เลือกสอบตรงหมอหมดเลย แต่แคร์ไม่ติดเลยต้องเข้ากระบวนการสอบแอดมิดชั่น ก็มีการเลือกคณะวารสารศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์เอาไว้ด้วย เพราะก็เป็นอีกหนึ่งสายที่เราอยากเรียน แต่ก็เกิดเหตุการณ์ตอนเรียนปี 2 แคร์ก็สอบแอดมิดชั่นอีกคร้ังและติดคณะสัตวแพทย์ แต่ก็ต้องตัดสินใจกลับมาวารสารเหมือนเดิม ทั้งที่ตอนนั้นคุณแม่ดีใจมาก เป็นอีกเรื่องที่ตัดสินใจยากที่สุดในชีวิต แต่ต้องเลือกสิ่งที่ใช่และเหมาะกับเรา ณ ตอนนั้นให้มากที่สุด แคร์มองว่าเหมือนโชคชะตาพาให้เรามาทางนี้ พอเข้าวารสารแคร์ก็ชอบงานในวงการเลย เหมือนเราค้นพบตัวตน เริ่มรักไปเรื่อย ๆ

แคร์ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่และเพื่อนสนิทเป็นยังไง

   ถ้าในสายตาคุณแม่ก็จะเรียบร้อยแต่จะดื้อเงียบมากกว่าอย่างช่วงที่เราเริ่มโต เราก็เริ่มแต่งตัว ใส่ขาสั้นบ้าง เหมือนจะอยู่ในกรอบ ทำตามแต่มีบางครั้งเราก็หลุดกรอบนอกกรอบบ้าง แต่ไม่ได้เรื่องร้ายแรงเสียหายอะไร อาจจะเป็นเพราะเริ่มโตด้วย เริ่มมีสังคม ดูแลตัวเองได้ เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่สุดท้ายต่อให้เราหลุดกรอบนอกกรอบยังไง แต่แคร์จะมีคติอยู่อย่างนึงคือ เชื่อแม่แล้วได้ดี ในหลาย ๆ เรื่องเลยนะคะ แคร์เชื่ออย่างนั้น ส่วนเพื่อนสนิทแคร์จะเป็นตัวโดน โดนเพื่อนแกล้ง(ยิ้ม) และเป็นคนรับฟังปัญหาเพื่อนมากกว่า ห่วงใยเพื่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเราดูโตกว่าอายุด้วย โตกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน

เป้าหมายในชีวิต

   แคร์อยากใช้ชีวิต อยากเปิดโลกอยากท่องเที่ยวเพราะชอบมาก ไปทริปหนึ่งไม่ว่าใกล้หรือไกลแคร์จะดีใจมาก ตอนนี้ก็ทำงานเก็บเงินและไปเที่ยวค่ะ(ยิ้ม)

เป้าหมายในวงการบันเทิง

   ถ้าแพลนในระยะสั้นแคร์ก็ยังเล่นละคร ยังอยู่ในวัยที่ทำงาน แต่ในอนาคตก็ยังอยากทำงานในวงการเพราะเป็นอาชีพที่แคร์ชอบ สนุก แต่อาจจะไม่ได้หนักขนาดนี้ อาจจะมีการเลือกรับละคร อาจจะแบ่งเวลาบ้าง คือมีการเลือกรับมากขึ้น แต่ยังอยากทำต่อไปยาว ๆ ค่ะ แคร์ชอบงานในวงการทั้งหมดนะคะ ทั้งพิธีกร แต่รักจริง ๆ คือการแสดงค่ะ