5 เรื่องเจ๋ง

5 เรื่องเจ๋ง

ข่าวฮือฮาแห่งปีของ 2015 มีมากมายทว่า นาทีนี้ข่าวที่น่าจะมาแทนที่มากกว่าก็คือข่าวที่ดังขึ้นมาตอนบ่ายของวันศุกร์ที่ 13 พ.ย. ในบ้านเราครับ, ข่าวนั้นก็คือการแถลงข่าวช็อควงการหนัง เมื่อ GTH ค่ายหนังไทยเบอร์หนึ่งมาถึงจุดจบ ยอมแยกทางหลังจากแต่งงานกันมา 11 ปี คำว่า GTH ย่อมาจาก Grammy, Thai Entertainmentและ Hub Ho Hin

โดยฝ่ายหลังนั้น เป็นโปรดักชั่นเฮาส์มาก่อน ทั้ง 3 ค่ายประกาศแต่งงาน รักกัน ที่ผับซึ่งอื้อฉาวเช่นกัน คือ ซานติก้าผับ!

ระหว่างที่ควันต่าง ๆ อาจจะจางลงหรือหนาทึบมากกว่าเดิมนั้น มองในแง่สร้างสรรค์ แทนที่จะไป “คุ้ยรื้อ” เรื่องที่ไม่ดีนั้น ผมว่าเรายังมีแง่มุมดี ๆ ที่น่ายกย่อง ชื่นชม GTH สำหรับการสร้างสรรค์วงการหนังไทย อย่างน้อยก็ยาวนานถึง 11 ปีเต็ม... และนี่คือ 5 เรื่องสุดเจ๋งของค่ายหนังที่ครองใจมหาชนในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา

1.จับความรู้สึกชนชั้นกลางเก่ง

ความที่พนักงานและบุคลากรมากมายของ GTH ปะปน คละเคล้า ผสมผสานกันระหว่างคนหลายรุ่น มีทั้งเบบี้ บูมเมอร์ และ Gen X รวมไปถึง Gen Y ให้เนื้อหาของหนังมีความร่วมสมัย(หรืออย่างน้อยก็ปรับให้ร่วมยุคสมัยแบบ Contemporary)

แต่ที่น่าทึ่งมากกว่าก็คือ GTH หยิบจับเอาไลฟ์สไตล์ อารมณ์-ความรู้สึกของชนชั้นกลางในเมืองใหญ่มาเล่นได้อย่างสนุก ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ ตัวละครเหมยลี่ ใน “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” ซึ่งเน้นย้ำผู้หญิงที่โสดและทำงานเช้าจนเย็นย่ำ
ก่อนจะพบว่าตัวเองเคว้งคว้างในชีวิตแบบใหม่ ที่ต้องต่อสู้ เหมยลี่คือตัวแทนของสาวยุคใหม่ที่ใฝ่ฝันถึงผู้ชายทุกคน แต่ด้านหนึ่งก็เป็นจริงในการทำงาน ต่อสู้กับสภาพต่าง ๆ ของสังคม…แน่นอนผู้คนแห่กันไปดูตัวเองและตัวคนอื่น จากหนังเรื่่องนี้

2. “ช้างเผือก” ที่ไมใช่ “เสือก”

GTH อาจจะไม่ใช่ค่ายหนังไทยที่ประกาศตูมตามทำหนังหลายร้อยล้าน (ก่อนจะเจ๊งทุกราย) แบบหลายค่าย ไม่ใช่ค่ายที่ร่วมทุนนอกบ่อย ๆ แต่พวกเขาคือค่ายระดับกลางที่ประคับประคอง เข้าใจสินค้า และทางที่จะเดินได้เก่งกว่าทุกค่าย สิ่งหนึ่งที่ GTH สามารถเงยหน้าได้อย่างภาคภูมิใจก็คือ หนังของพวกเขาใน 11 ปีนั้น สร้างนักแสดงหลายคนที่เติบโตขึ้นไปเป็น Somebody และมีบทบาทต่อไปในวงการหนัง นี่ยังไม่นับว่า หลายคนเองก็ถูกค่ายที่เป็นคู่แข่ง หยิบเอาไปใช้ในหนังเรื่องอื่น ๆ แต่นั่นคือความดีที่น่ายกย่อง เพราะ GTH ไม่หยุดอยู่กับนักแสดงคนใดคนหนึ่ง ตลอดเวลา...

3. Genre หรือตระกูลของหนัง

อาจจะมีคำแดกดันของพวกขี้ It ฉา ว่า GTH สร้างหนังที่เอาแต่ Feel Good แต่ทว่าแท้จริงแล้ว หนังตระกูลเดียวที่ GTH ไม่สร้างก็คือ Action เนื่องเพราะพวกเขาไม่มีนักแสดงอย่าง โทนี จา เมื่อไม่มีอาวุธแบบนั้น ตระกูลหนังที่GTH ทำ จึงมาจากแนวทางที่ถนัด แถมในปีที่พวกเขาจริงจัง รางวัลหนังยอดเยี่ยมก็มักไม่หนีไปไหน แฟนฉัน, มหาลัยเหมืองแร่, สี่แพร่งและอื่น ๆ อีกมากมาย น่าจะการันตีได้ดี แถมเมื่อมองย้อนกลับไป หนังผีเขย่าขวัญ ชัตเตอร์,สี่แพร่ง, ห้าแพร่ง, หนังตลก, หนังดราม่า เหล่านี้คือ 3 ตระกูลหนังที่สร้างเงินและกล่อง จนวางโชว์อยู่ทางประตูเข้าในออฟฟิศทุกวันนี้

4. นักรบการตลาด+ครีเอทีฟโฆษณา

ต้องยกย่องกว่า สูตรที่ทำให้ GTH ดูล้ำสมัยและทันสมัยมากกว่างานของหลาย ๆ ค่าย ก็คือวิธีคิดที่ร่วมกระแสอย่างไม่เคอะเขินคือไม่ใช่ผ่านไป 20 ปียังทำหนังเชย ๆ อยู่ หรือเป็นพวก Hit and run ก่อนจะไป Dead...สูตรที่ว่านี้ก็คือ

การมีนักรบทางการตลาดเก่ง ๆ ที่เข้าใจอุตสาหกรรมอย่าง วิสูตร พูลวรลักษณ์ บวกกับครีเอทีฟโฆษณาอย่าง จีน่า+เก้ง จิระ+ประเสริฐ ที่ฝ่ายหลังถอยไปดูแลหับ โห้ หิ้นเป็นหลัก

เมื่อมีคนเหล่านี้เป็นเสาหลัก หรือก็คือไม้ยืนต้น และมีกองทัพเด็กใหม่ ที่จบมาทางด้านภาพยนตร์ แถมยังใช้ชีวิตอยู่กับวัฒนธรรมหนังตลอดเวลา Content พวกเขาจึงไม่เชยและสร้างสถิติเป็นที่สุดหลายอย่าง โดยมีพี่มาก 800-1,000 ล้านบาทเป็นประวัติศาสตร์

5.สัจธรรมของทุกวงการ

แต่ทั้ง 4 ข้อที่บรรยายมานั้น ก็ไม่อาจฝ่าความจริงข้อหนึ่งได้ นั่นคือเมื่อแนวคิดไม่ตรงกันพยายามแล้วไม่เวิร์ก! การแยกทางอย่างเพื่อนรักจึงตามมา รักกันวันนี้ ก็อาจแยกกันทำงานในวันหน้า แยกกันวันนี้ ก็อาจจะกลับมาเฮฮาอีกในวันหน้า

ขอให้ GTH ที่แยกตัวอักษรกันไปทำงาน ยังคงมีสิ่งดี ๆ ต่อคนดูหนังบ้านเรา...ขอขอบคุณ 

ก่อน Goodbye ของ GTH