น้ำเย็นของเขา คือน้ำร้อนของเรา

น้ำเย็นของเขา คือน้ำร้อนของเรา

เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ คือนักเขียนรุ่นใหญ่ของวงการ ผู้ผ่านร้อนหนาวมาไม่ถ้วนฤดู ซึ่งทุกอย่างที่ตั้งใจเก็บเกี่ยวหรือไม่ก็ตามนั้น ล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับก่อเชื้อไฟทางตัวอักษรให้ลุกโชน 

จากที่ตัวเองเคยแต่จับจ้องและนั่งฟังตัวอักษรของเขาโลดแล่นในหน้ากระดาษ ประสบการณ์ของวัยวันระบายซ้อนกันบรรทัดต่อบรรทัด 

มาคราวนี้จึงมีโอกาสได้ฟังประสบการณ์ต่างๆ จากปากของชายผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน ความโลดโผนในชีวิตของใครสักคนล้วนเป็นภูมิต้านทานส่วนบุคคล เพื่อผ่านพ้นในวันที่ยากลำบาก หลังจากนั้นก็อยู่ที่ว่าใครจะรู้จักหยิบมันมาใช้ให้เกิดเป็นโบนัสกับชีวิตได้มากกว่ากัน 

ชีวิตครั้งวัยหนุ่มเขาต้องหาเลี้ยงตัวเองในป่าห่มฝนแถบภาคใต้ เพราะความผิดหวังจากอะไรบางอย่าง ส่งให้เขามาที่นี่ พร้อมกับความไม่รู้อะไรเลย ค่ำคืนแล้วค่ำคืนเล่า เปลวควันอันอบอุ่นที่พ่นผ่านลมหายใจของมิตรบางคน เข้มข้นไม่แพ้เหล้าหนักดีกรีที่ค่อยๆ เป็นตัวประสานความผูกพันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 

เขาบอกว่าตัวเองเป็นคนที่รักเพื่อนฝูงทุกคน แต่ก็หาใช่ทุกคนที่ข้องเกี่ยวกันในชีวิตจะต้องผูกมิตรเสียทั้งสิ้น หากการทำงานอันเหนื่อยล้าหลังแป้นพิมพ์ดีดเมื่อแล้วเสร็จ พลันถ้าคำตำหนิของใครสักคนลอยเข้าหูมาก่อนคำชม เขาพร้อมหันหลังให้ความสัมพันธ์กับเจ้าของเสียงดังกล่าวในทันที

‘เพื่อนก็เพื่อนเถอะ ถ้ามันไม่ชม ก็เลิกคบไปเลย’ ความหมายคือเช่นนั้น

แต่กับเพื่อนรักที่ชอบพอจนรู้อกรู้ใจ เขาไม่เคยขอตัวหายจากวงเหล้าก่อนเสมอ ต้องรอร้านปิดเท่านั้นถึงเป็นอันสิ้นสุดค่ำคืน ... 

การดื่มของเขานับว่าสร้างความสุขและความทุกข์ควบคู่กัน แต่อย่างหลังดูจะค่อยๆ กัดกร่อนร่างกายทีละน้อย เพราะหากกระเพราะและลำไส้ไม่ได้ทำด้วยอลูมิเนียมเบอร์ 304 แล้วล่ะก็ เห็นทีว่าเหล้าเพียวที่ยกดื่มวาบผ่านลำคอแก้วแล้วแก้วเล่าของเขานั้น ไม่มีทางหรอกที่เนื้อเยื่อบอบบางเช่นนี้มันจะทนได้ 

สุดท้ายกระเพราะข้างหนึ่งของเขาเลยถึงคราวนัดพบคมมีดหมอเพื่อปลิดมันออกไป ซึ่งก้อนเนื้อชำรุดก้อนนั้นที่หายไป ดูจะไม่มีผลกับการใช้ชีวิตของเขาสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับจิตใจ แม้เสียมันไป ทว่ามันก็แลกกลับมาด้วยอะไรหลายอย่างที่ฝังแน่น
ในความทรงจำ หลายผู้คนที่เวียนเข้ามาในชีวิต ล้วนมีลมหายใจอยู่ในงานเขียนเกือบทุกเล่มของเขา มุมหนึ่งมันอาจคุ้มค่าแล้วหรือไม่ ไม่มีใครรู้ หากทุกวันนี้เขาเองไม่เคยฟูมฟาย ตีโพยตีพายถึงพฤติกรรมการดื่มอันดุดันเมื่อครั้งก่อนโน้น แต่กลับยืดอกยอมรับกับความไม่แน่นอนทั้งหลายที่ผ่านเข้ามา ความทะนงในตัวตนยังปรากฏชัด เฉกเช่นวัยหนุ่ม 

จริงอยู่ที่ว่า ฟังสำคัญกว่าพูด แต่ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ชีวิตที่โลดโผนในหลายมิติ บ้างดีก็คงอยากเก็บมันไว้ แต่บ้างชอกช้ำอยากกลับไปแก้ไขอะไรหรือไม่ 

คำตอบที่ซ้อนด้วยคำถามลอยสวนขึ้นทันทีว่า ‘คุณเปลี่ยนอะไรได้หรือเปล่าล่ะ’ 

ผมพยักหน้าเล็กน้อย กับความเป็นลูกผู้ชายของเขา ที่ไม่เคยนั่งโทษตัวเองจากผลของอดีต

ซึ่งบางครั้งระหว่างอดีตกับอนาคต ผมกลับรู้สึกชอบอดีตมากกว่าด้วยซ้ำไป เพราะอนาคตมันรู้สึกจับต้องได้ลำบากเหลือเกิน และไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่ ฉะนั้นถ้าบอกว่า พรุ่งนี้ มะรืนนี้ สัปดาห์หน้า หรือเดือนหน้า มันจึงดูเป็นไปได้และมีความหวังมากกว่าเสียอีก

ถึงตอนนี้ ผมได้แต่นั่งฟังเรื่องราวอื่นๆ ของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ของวงการคนนี้ต่อไป ประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับรู้เหล่านี้ บางอย่างมันคงไม่มีทางเกิดขึ้นกับตัวเองแน่ๆ มันเลยสะกดให้ผมนั่งนิ่งเหมือนเด็กน้อยตั้งใจฟังผู้ใหญ่เล่านิทานที่กำลังใกล้ถึงตอนจบ

มีบางอย่างสะกิดให้คิดได้ว่า ผลจากการกระทำในวันนี้ จะส่งผลในวันหน้า ไม่เร็วก็ช้า ทุกอย่างที่ทำในวันนี้เปรียบเสมือนน้ำเย็น ที่จะกลายเป็นน้ำร้อนในวันข้างหน้า ที่อย่างน้อยๆ มันคงมีประโยชน์บ้างสำหรับคนที่อาบแต่น้ำเย็นอย่างผม 

ฟังสำคัญกว่าพูด ผมเชื่ออย่างนั้น …