HOW TO BEAT YOUR ALLERGY

HOW TO BEAT YOUR ALLERGY

แต่เนื่องจากเธอเป็นคนรักแมวมาก ถึงขั้นเลี้ยงแมวในห้องนอน นอนด้วยกันทุกคืน (อย่าคิดลึก) จึงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเลิกเลี้ยงแมวสุดที่รักด้วยเหตุผลแค่ว่าเธอเป็นหอบ เธอจึงยอมพ่นยาทุกครั้งที่มีอาการหอบ และทำใจยอมรับว่าอาการหอบเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอไปแล้ว จนกระทั่งเธอได้มาตรวจ “ภูมิแพ้อาหารแอบแฝง” ซึ่งเป็นการตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของโรค

 

หลังจากนั้น 3 วัน เจนนี่กลับมาฟังผล เธอรู้สึกตกใจมากที่ผลออกมาว่าเธอแพ้แป้งสาลี (รวมถึงผลิตภัณฑ์จากแป้งสาลี เช่น บะหมี่ บะหมี่กิึ่งสำเร็จรูป พาสต้า สปาเก็ตตี้ ขนมปัง เบเกอรี่ รวมถึงซาลาเปา เป็นต้น) นมวัว และผลิตภัณฑ์
จากนมวัว (นมเปรี้ยว โยเกิร์ต โกโก้ ช็อคโกแลต เค้ก พิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์ ไอศกรีม เนย ชีส และเบเกอรี่ เป็นต้น) เพราะเธอกินอาหารเหล่านี้มาตลอดชีวิต

 

ผมแนะนำให้เธองดอาหารเหล่านี้อย่างเด็ดขาด (ซึ่งแน่นอนว่าเธอขอต่อรองบ้าง แต่ถ้าไม่งดเด็ดขาด การรักษาอาจจะไม่เห็นผล เธอจึงยอมงด) และได้แนะนำให้เธอปรับอาหารมากินเป็นอาหารไทยพื้นบ้าน ซึ่งดีต่อการรักษาโรคภูมิแพ้ ได้แก่ ข้าวกล้อง ถั่วงา ปลา ไก่บ้าน แกงส้ม ต้มยำ แกงเลียง ผักสดจิ้มน้ำพริก ส้มตำ ยำ ลาบ เป็นต้น

 

ผลการรักษาออกมาน่าสนใจมาก เพราะหลังจากเธองดอาหารที่แพ้แอบแฝงอย่างเด็ดขาดได้เพียง 2 วัน อาการหอบของเธอ (ซึ่งปกติเป็นทุกวัน) กลับหายไปถึง 4 วัน โดยไม่ต้องใช้ยาพ่นเลย (และแน่นอนว่าเธอยังคงนอนกับแมวน้อยของเธอเช่นเดิมทุกวัน) ทำให้เธอตั้งใจดูแลต่อเนื่อง จนหายขาดจากอาการหอบหืดในที่สุดภายในประมาณ 6 เดือนเท่านั้น (จากที่ป่วยเรื้อรังมานานกว่า 20 ปี) ซึ่งปกติการงดอาหารที่แพ้จะต้องทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3-6 เดือนจึงจะเห็นผลชัดเจน

 

กรณีของเจนนี่เป็นกรณีหนึ่งที่พบบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบันและจะยิ่งมากขึ้นอีกในอนาคต โดยปัจจุบันเราจะพบว่าคนใกล้ตัวหรือแม้แต่ตัวเราเองป่วยเป็นโรคภูมิแพ้หลากชนิด ความรุนแรงต่างๆ กัน โดยอาจจะมีอาการ เช่น ป่วยบ่อย เป็นหวัดมากกว่าปีละ 3 ครั้ง หรือมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้เป็นประจำ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม ผื่นคัน ลมพิษ ผิวหนังอักเสบ เป็นสิว เคืองตา คันตา หรือแม้กระทั่ง นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน เบื่อไม่ทราบสาเหตุ ไมเกรน ซึมเศร้า

 

เราสามารถพบอาการเหล่านี้ได้แม้กระทั่งในเด็กเล็กๆ และสิ่งที่ตกใจคือ เด็กมากกว่าร้อยละ 80 ในปัจจุบัน มีอาการภูมิแพ้อย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น และต้องกินยาแก้แพ้ทุกวัน ผลที่เกิดขึ้นกับเด็กซึ่งยังต้องเจริญเติบโตอยู่ก็คือ เด็กที่เป็นภูมิแพ้เหล่านี้จะเบื่ออาหาร พ่อแม่ผู้ปกครองต้องไล่ป้อนข้าวลูกๆ ทำให้มีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโต เช่น ส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์ น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ หรือไม่ก็เกินเกณฑ์จนกลายเป็นโรคอ้วนแต่ป่วยบ่อย ไม่แข็งแรงเพราะไม่กินอาหาร กินแต่ขนม นม เนย

 

สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างคือ โฆษณาขนมเด็กและนมวัวในปัจจุบัน และความอยากเอาใจเด็กของพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลาย จึงมีเป็นจำนวนมากที่เลี้ยงเด็กด้วยขนมและดื่มนม เมื่อเด็กกินขนม นม เนยที่มีพลังงานสูงเข้าไป เด็กจึงไม่หิวอาหาร ทำให้ส่วนใหญ่กินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ แต่พ่อแม่คิดว่าเด็กกินครบ เพราะดื่มนม ซึ่งเป็นความเข้าใจที่อันตรายมาก เด็กในปัจจุบันจึงป่วยง่ายขึ้น และเราจะพบโรคใหม่ๆ ที่มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี เช่น ไข้หวัดนก หรือไข้หวัด 2009 เป็นต้น

 

นมวัว มีโปรตีน ไขมัน แคลเซียมเล็กน้อย (ถ้าเทียบกับอาหารไทย) แต่ในนมวัวยังขาดวิตามินและเกลือแร่อื่นๆ จำนวนมาก ในความเป็นจริงแล้วนมที่เหมาะและดีที่สุดสำหรับเด็กมากที่สุดในโลก คือ “นมแม่” แต่เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านน่าจะเคยได้ยินคนพูดกันว่า ถ้าเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป นมแม่จะไม่มีประโยชน์สำหรับเด็กอีกต่อไป ซึ่งก็ถูกส่วนหนึ่ง เพราะเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปมีความต้องการสารอาหารมากกว่าที่นมแม่จะให้ได้ เด็ก 6 เดือนขึ้นไปจึงต้องกินอาหารหลักปกติ และนมแม่จะเปลี่ยนบทบาทมาเป็นอาหารเสริมเท่านั้น

 

ลองคิดดูสิครับว่าแม้แต่นมที่ดีที่สุดในโลกอย่างนมแม่ ยังไม่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของเด็ก แล้ววัวหน้าไหนจะผลิตนมวัวมาทดแทนอาหาร 5 หมู่ปกติของเด็กได้ การโฆษณานมวัวก็มีส่วนมากเช่นกันที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น มีภาพที่เด็กดื่มนมวัวแล้วเด็กทำท่าแข็งแรงให้ดู เป็นต้น

 

เดือนเมษายน 2007, สถาบัน Tufts-New England Medical Center Evidence-Based PracticeCenter จากเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเส็ทท์ สหรัฐอเมริกา ได้ทำการรีวิวงานวิจัยจำนวนมากเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และได้ตีพิมพ์งานวิจัยชื่อ Breastfeeding and Maternal and Infant\Health Outcomes in Developed Countries ในงานวิจัยชิ้นนี้พบว่าเด็กที่ได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป มีสุขภาพแข็งแรงกว่าเด็กที่เลี้ยงด้วยนมขวด (หรือนมวัวนั่นเอง) เป็นอย่างมาก

 

โดยเด็กทารกที่ได้รับนมแม่อย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป จะสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ดังต่อไปนี้อย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหูน้ำหนวกอักเสบเฉียบพลัน โรคลำไส้อักเสบ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนล่างอย่างรุนแรง โรคผื่นแพ้ผิวหนัง โรคหอบหืดในเด็ก โรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก กลุ่มอาการเสียชีวิตเฉียบพลันของเด็กทารก และโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังจนกลายเป็นเนื้อตาย

 

สรุปว่าการรักษาโรคภูมิแพ้นั้น มีโอกาสสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยการงดอาหารที่แพ้แบบแอบแฝงอย่างเคร่งครัด ซึ่งสามารถทำได้โดยการตรวจเลือด หรืออาจจะลองปรับอาหารการกิน โดยงดอาหารที่คนส่วนใหญ่แพ้แบบแอบแฝง โดยคนส่วนใหญ่จะแพ้อาหารอยู่ 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว ไข่ แป้งสาลี และถั่วเหลือง

 

หลังจากตั้งใจงดโดยเคร่งครัดและปรับอาหารมากินข้าวกล้องและอาหารไทยๆ แล้วดูอาการ ถ้าภายใน 2 สัปดาห์ อาการเริ่มดีขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว ให้ตั้งใจงดอาหารเหล่านั้นต่อไปอย่างน้อย 6 เดือน อาการภูมิแพ้กว่า 70% มีโอกาสจะดีขึ้น มีโอกาสลดยาแก้แพ้ลง หรือมีโอกาสหยุดยาแก้แพ้ได้ในที่สุด

 

อากาศร้อน เสี่ยงเจ็บป่วยฉุกเฉิน

ช่วงนี้อากาศบ้านเราร้อนเหลือหลาย แดดก็แรงเผาไหม้กว่าปกติหลายเท่า อุณหภูมิบางวันสูงถึง 36-37 องศาเซลเซียส จนอาจส่งผลให้เกิดอาการเพลียแดดหรือมีสิทธิ์เกิดอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินฉับพลัน เช่น โรคลมแดด หรือมีอาการทางสมอง เช่น ซึม สับสน ชัก เกร็งจนกระทั่งหมดสติ 

หากใครร้อนมากๆ และมีอาการเริ่มผิดปกติ ให้รีบออกจากบริเวณที่มีอากาศร้อน และหลบไปบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท และควรดื่มน้ำบ่อยๆ หรือหาผ้าชุบน้ำเพื่อประคบลดอุณหภูมิร่างกาย สงสัยโทรสายด่วนเจ็บป่วยฉุกเฉิน 1669

 

เป็นเบาหวานเสี่ยงตาบอดสูง

ผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเป็นโรคเบาหวาน มักจะมีภาวะโรคแทรกซ้อนทางตาเกิดขึ้น โดยตัวเลขของผู้ป่วยเบาหวานใหม่กว่า 1.2 ล้านคน มีโรคแทรกซ้อนด้วยกว่าสองแสนราย และเป็นโรคแทรกซ้อนทางตามากที่สุด หรือเรียกว่าเบาหวานขึ้นตากว่าหกหมื่นคน เหตุผลเพราะโรคเบาหวานมีผลต่อหลอดเลือดฝอยไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย เมื่อเกิดการตีบ ตัน ก็มักจะเกิดปัญหา สำหรับปัญหาที่พบบ่อยพอๆ กับตาก็คือ ไตวาย และเท้าเป็นแผลเรื้อรังจนต้องตัดขาทิ้งเพราะฉะนั้นจึงควรหมั่นตรวจสุขภาพว่าร่างกายมีน้ำตาลมากเกินเกณฑ์หรือไม่

 

คันหู ปั่นหู เสี่ยงหูหนวก

“คันหู ไม่รู้เป็นอะไร เอาสำลีมาปั่นก็ไม่หาย” ไม่ได้อยากให้น้องจ๊ะ เทอร์โบ มาปั่นหูให้ แต่กระทรวงสาธารณสุขออกมาเตือนเกี่ยวกับเรื่องการปั่นหู แคะหู เพราะเมื่อปั่นมากเข้าๆ แทนที่จะสบายหู กลับเสี่ยงหูอักเสบเรื้อรังถึงขั้นหูหนวกมากกว่า ยิ่งบริการแคะหูในร้านทำผม ตัดผม อาจติดเชื้อจากเครื่องมือที่ไม่สะอาด แถมยังเสี่ยงแคะแรงจนแก้วหูทะลุ ถ้าหากต้องการทำความสะอาดหู ใช้ผ้าสำลีชุบน้ำเช็ดเบาๆ พยายามเลี่ยงการใช้ไม้พันสำลีเช็ดในรูหู เพราะจะดันขี้หูเข้าไปลึก จนเกิดปัญหาขี้หูอุดตัน

 

โรคหยุดหายใจแบบอุดกั้น?

ปัญหาอาการนอนกรนและการหายใจผิดปกติระหว่างการนอนหลับนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะผลที่ตามมานั้นมีมากมาย เช่น คอแห้งหลังตื่นนอน และง่วงนอนบ่อยช่วงกลางวัน ปวดหัวในตอนเช้า มีปัญหาความจำ อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ไม่มีสมาธิทำงาน อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ รวมทั้งมีภาวะเศร้า ได้บ่อย วิธีการแก้นั้นก็มี หากเป็นการนอนกรนธรรมดาก็คือการผ่าตัดเพดานอ่อน แต่ถ้ามีภาวะโรคนอนหยุดหายใจแบบอุดกั้น แพทย์จะแนะนำให้รักษาโดยใช้เครื่องช่วยหายใจชนิดแรงดันบวก โดยสวมหน้ากากเข้ากับเครื่อง ทำให้ผู้ที่มีอาการสามารถหายใจได้คล่อง แถมยังลดความน่ารำคาญเรื่องเสียงให้กับคนรอบข้างอีกด้วย

กรณีศึกษาที่จะเล่าต่อไปนี้มีประโยชน์มาก