ย้อนกลับไปเมื่อปีพ.ศ.2539 ถึง ปีพ.ศ.2548 ผมเชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับวง FYL วงดนตรีร็อกที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์และสไตล์ดนตรีที่ยากจะมีใครเหมือน 
ผลงานเพลงที่ทำให้พวกเขากลายเป็นที่นิยมมีมากมาย เช่น บิน, ใบไม้ และ แพ้คนสวย โดยเฉพาะเพลง ชาวนากับงูเห่า ซึ่งถือเป็นบทเพลงที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของวง เพราะว่าในสมัยนั้นลูกเด็กเล็กแดงจนไปถึงคุณลุงคุณป้าสามารถร้องเพลงนี้ได้กันทั่วบ้านทั่วเมืองกันเลยทีเดียว

หลังจากห่างหายไปจากสื่อกระแสหลักนานนับสิบกว่าปี ในปีนี้สมาชิก FLY กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ประกอบด้วย แจ็ค คมจักร บุญรอด, ชาลี ชาลี สาลี่, อ๊อฟ พันธ์วัฒน์ สโรบล, วิน ประวีณ เปี่ยมนิติกร และได้ ก้อย ธานี พรหมศรี จากวง Y Not 7 มาร่วมวงด้วยในครั้งนี้กับโปรเจ็กต์พิเศษที่แฟนเพลงต่างรอคอยกับ FLY Project เพื่อนพ้องร้องเพลงฟลาย

แจ็ค : หลังจากอัลบั้ม Modify พี่อ๊อฟยังคงเป็นนักดนตรีอยู่ พี่ชาลีทำงานเป็นนักเขียนเพลงอยู่ที่บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) พี่วินทำงานอยู่ที่ SpringNews กลางคืนก็มี
ไปเล่นดนตรีที่โรงแรม โนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์ ส่วนผมตอนนี้ผมมีธุรกิจอยู่ที่เชียงใหม่ครับ เปิดร้านนั่งดื่มชื่อ Colour Bar Garden และยังเล่นดนตรีอยู่ครับ จุดเริ่มต้น
ที่ทำให้กลับมารวมตัวกันเกิดจากพื้นฐานของพวกเราทุกคนชอบเล่นดนตรีกันอยู่แล้ว 
พอแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างเล่น พอถึงจุดหนึ่ง
มันเกิดความรู้สึกคิดถึงเพื่อน ๆ เริ่มมีการพูดคุยกันว่าอยากกลับมาเล่นดนตรีด้วยกัน เลยรวมตัวกัน
กลับมาทำในสิ่งที่พวกเราชอบด้วยกันอีกครั้งครับ

ชาลี : หลายคนคงสงสัยว่าการกลับมารวมตัวกันแบบนี้ทำไมถึงเป็น Project แทน Reunion เพราะว่าพวกเรากลับมารวมตัวกันไม่ครบวง ขาดพี่อิ๊ด สำราญ ช่วยจำแนก นักร้องนำของวง
ที่เขาไม่สะดวก เนื่องจากคิวงานที่รัดตัว และ
พี่เท็น ประทีป บิดาเรือน มือกีต้าร์ซึ่งขอถอนตัว
จากโปรเจ็กต์ไปกลางคัน เนื่องจากติดภารกิจส่วนตัว พวกเราที่เหลือเลยคิดว่า การเป็น Project มันมีอะไรให้เล่นได้หลากหลายและพลิกแพลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นการกลับมารวมตัวในครั้งนี้เพราะกับ FLY Project มากกว่า สมมุติว่าถ้าพวกเรากลับมารวมตัวครบเมื่อไหร่ เราถึงจะเรียกมันว่าเป็นการ Reunion ครับ

อ๊อฟ : ความพิเศษของคอนเสิร์ต FLY Project เพื่อนพ้องร้องเพลงฟลาย อยู่ที่ศิลปินทั้ง 8 คนที่มาร่วมร้องร่วมเล่นดนตรีกับเรา โจทย์ของพวกเราคือจะปรับแต่งเพลง
ให้ออกมาทิศทางไหนได้บ้าง โดยที่บทเพลงนั้น ๆ ยังคงเสน่ห์ของวง FLY และศิลปินที่มาร่วมร้องร่วมเล่นดนตรีกับเรายังคง
ความเป็นตัวเองเอาไว้ได้เช่นกัน ตรงนี้คือ
สิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนุกและน่าติดตามครับ และที่สำคัญพวกเรามีซิงเกิ้ลใหม่เตรียมไว้ให้แฟนเพลงได้ฟังกันแล้วครับ สไตล์เพลงยังคงความเป็น FLY เอาไว้ มีภาษาที่เก๋ไก๋ 
มีลูกเล่น มีลีลาเฉพาะตัว ส่วนใครเป็นคน
ร้องเพลงนี้นั้นขอเก็บไว้เป็นเซอร์ไพรส์ก่อน และถ้าหากตีตั๋วเข้าไปชมคอนเสิร์ตของพวกเรา 
รับรองได้เลยครับว่าคุณจะได้ฟังเพลงนี้
ก่อนใครแน่นอน

วิน : หากให้พูดถึงความสำเร็จของวง FLY ที่จริงพวกเราได้รับการบ่มเพาะที่ดีจากโปรดิวเซอร์ เขาสอนเทคนิค วิธีคิด การสร้างงาน
ให้มีรูปแบบติดหู ฟังแล้วน่าสนใจ มีลีลาเฉพาะตัว ผมคิดว่าเพลงของ FLY ฟังง่าย 
ถ้าน้อง ๆ อยากทำดนตรีให้โดดเด่นต้องหาความแตกต่าง หาความเป็นตัวเองให้ชัดเจน เพราะเอกลักษณ์เป็นสิ่งที่สำคัญ ความ
ไม่ซ้ำซากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราโดดเด่นและชัดเจนขึ้นครับ และฟังเพลงให้เยอะ ให้หลากหลายเข้าไว้ครับ

ก้อย : ในปัจจุบันมีศิลปินหลายคนที่เติบโตและมีชื่อเสียงโดยไม่เพิ่งค่ายเพลง โดยส่วนตัวผมคิดว่าทุกวันนี้ศิลปินสามารถสร้างสรรค์ผลงานในหลายขั้นตอนได้ด้วยตัวเอง ทำเสร็จก็ลง Social Media ได้เลย 
อาศัยการสร้างกระแสให้เก่ง ๆ เพลง
ก็กลายเป็นที่รู้จักแล้ว มันสะดวกสบายมาก
ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน แต่สิ่งที่สำคัญคือไม่ว่าคุณ
จะมีหรือไม่มีค่าย ถ้าทำงานโดยไม่มีระบบระเบียบ ไม่มีวินัย ทุกอย่างก็จบ สำหรับ
ผมแล้วเรื่องการทำงานอย่างมีระบบ มีวินัยสำคัญกว่าครับ

รสนิยมในการฟังเพลง 
และเพลงของวง FLY ที่ชื่นชอบ
อ๊อฟ : ผมไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นแนวไหนนะ 
อย่างตอนนี้ผมฟังลูกทุ่ง เพราะเพลงแนวนี้กำลังมาแรงเหมือนกัน ส่วนเพลงของวง ชอบเพลงอยากตบปากตัวเอง
ก้อย : ผมยังคงชอบฟังเพลงของ The Beatles ครับ ส่วนเพลงของวง ชอบเพลงเรื่องขี้หมา (Y Not 7) ฮาฮา
แจ็ค : ผมขอตอบ The Beatles เช่นกัน ผมรู้สึกว่ามันน่าฟัง และทิศทางดนตรีของเขาก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราด้วย ส่วนเพลงของวง ชอบเพลงบิน
ชาลี : ตอนนี้ผมกำลังติดตามวง Foo Fighters เพราะเพลงของพวกเขามันดุเดือดดีครับ ส่วนเพลงของวง ชอบเพลงชีวิตเป็นของเธอ
วิน : ผมชอบ Bruno mars คือผมกำลังรู้สึกว่าดนตรีของเขามีเสน่ห์ และ
เป็นคนที่ทำดนตรีได้มีชีวิตชีวา หลากหลาย
อารมณ์ครับ ส่วนเพลงของวง ชอบเพลงเกลียด

PHOTO : Nutchanun Chotiphan