พาชิมของอร่อย ใน CLMV

พาชิมของอร่อย ใน CLMV

บ่อยครั้งมากที่เวลาผมไปบรรยายเรื่อง  AEC ให้กับองค์กรต่าง ๆ ผมมักจะได้รับคำถามว่า อยากจะไปเที่ยว CLMV นี่ แต่ไม่รู้ว่ามีอาหารอะไรอร่อยบ้าง ฉบับนี้เลยจะขอพาชิมอาหารอร่อยใน CLMV กันหน่อยนะครับ 

เริ่มกันที่ Cambodia หรือกัมพูชากันก่อน เวลาไปกัมพูชาตอนเช้า ๆ ผมต้องหาโอกาสไปทานขนมปังฝรั่งเศส “บาแก็ตต์” ที่คนกัมพูชาเรียกว่า “นุมปัง” ที่ “ร้านทะมอดา” ซึ่งเป็นร้านอาหารเช้าเก่าแก่ มีชื่อเสียงและมีอาหารเช้าหลายอย่างให้เลือกทาน นุมปังของร้านนี้อร่อยเป็นเลิศ ผมว่าอร่อยที่สุดร้านหนึ่งในหลาย ๆ ประเทศที่ผมเคยเดินทางไปเลยทีเดียว 

จะทานนุมปังแบบใส่ไส้ต่าง ๆ ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมูยอ หมูเย็นหรือขาหมูก็อร่อยสุดยอดครับ หรือ จะทานกับสตูว์เนื้อที่ก่อนจะทานควรบีบมะนาวลงไปนิด เติมพริกอีกหน่อยก็อร่อยทีเดียว แต่ถ้าอยากซดอะไรร้อน ๆ แบบก๋วยเตี๋ยวซึ่งคนกัมพูชาเรียก “กุยเตียว” ที่ร้านนี้ก็มีให้ทานทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวทะเลและที่กัมพูชาเขามีแปลกกว่าประเทศอื่นก็คือ “ก๋วยเตี๋ยวพนมเปญ” ซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูบวกก๋วยเตี๋ยวทะเล เพื่อนผมหลายคนเคยได้ชิมแล้วก็ติดใจทั้งสิ้น

ถ้าชอบทานลูกชิ้นปลา ผมอยากให้ไปลองทานก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาร้าน “ฮัวยิน” ในพนมเปญ ซึ่งผมไปทุกครั้ง ต้องหาโอกาสไปทานทุกครั้งเพราะลูกชิ้นปลาของเขาอร่อยจริง ๆ ลูกชิ้นปลาของที่นี่สองสาวพี่น้อง “ฮัวยิน” เขาทำกันเองอย่างพิถีพิถัน เมื่อมีคนสั่งแล้วจึงต้มลูกชิ้นใหม่ ๆ เวลาเคี้ยวต้องใช้คำว่าเหนียวหนึบ ไม่มีกลิ่นคาวเลยนอกจากจะชอบไปทานที่ร้านแล้ว ผมยังชอบสั่งลูกชิ้นปลากลับมาทานต่อที่เมืองไทย ยิ่งเอามายำแซ่บ ๆ แบบไทย ๆ ด้วยแล้วยิ่งอร่อยใหญ่ เอาเป็นว่า ถ้าเคยทานลูกชิ้นปลาร้านนี้แล้วแทบจะไม่อยากทานลูกชิ้นปลาร้านอื่น ๆ อีกเลย ที่ต้องไม่พลาดเลยจริง ๆ ในกัมพูชาคืออาหารฝรั่งเศส ในพนมเปญนี่มีร้านอาหารฝรั่งเศสอร่อย ๆ หลายร้านเลย ที่ผมชอบก็มีร้านแวนส์ ร้านโทป๊าซ และร้านเขมา ฝีมือการทำอาหารฝรั่งเศสในพนมเปญนั้นต้องบอกว่ายอดเยี่ยม ขนาดที่ร้านฝรั่งเศสแจ๋ว ๆ ในเมืองไทยทำอะไรไม่ได้เลยก็แล้วกัน ที่สำคัญนอกจากจะอร่อยแล้วยังราคาถูกกว่าในเมืองไทยมาก และถ้าแวะร้านไวน์ ซึ่งมีดี ๆ อยู่หลายร้านเพื่อเลือกไวน์ที่ถูกใจติดไม้ติดมือไปด้วยจะยิ่งมีความสุขยิ่งขึ้น เพราะไวน์ที่นั่นก็มีให้เลือกหลากหลายและราคาถูกกว่าบ้านเรามากเสียด้วย

ราคาอาหารในกัมพูชานี่เป็นเรื่องน่าอะเมซิ่งเพราะว่า ราคาในร้านอาหารข้างทางของเขา เช่น ข้าวไก่ทอด ข้าวหมูทอด หรือก๋วยเตี๋ยวต่าง ๆ นั้นราคาจะแพงกว่าเมืองไทยจนน่าตกใจ ข้าวไก่ทอดหมูทอดธรรมดา ๆ จานหนึ่งต้องมีอย่าง น้อย 70-80  บาท ก๋วยเตี๋ยวก็ต้องมี 80 บาทขึ้น แต่ถ้าไปทานในร้านดี ๆ มีแอร์เย็นสบาย ราคาอาจจะเพิ่มอีกแค่จานละ 10-20 บาท หรือถ้าไปทานในร้านดี ๆ หรู ๆ ไปเลย ราคาจะถูกกว่าเมืองไทย เวลาไปกัมพูชาทานแต่ร้านดี ๆ จะคุ้มค่ากว่า

ส่วนอาหารกัมพูชาที่หลายคนอยากรู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไรนั้น ต้องบอกก่อนเลยว่าเมนูอาหารกัมพูชานั้น อาหารไทยของเรามีอะไร กัมพูชาเขาก็มีเหมือนกันหมด เพียงแต่รสชาตินั้นแตกต่างกันมาก เพราะอาหารกัมพูชานั้นรสชาติจะออกนวล ๆ ไม่เข้มข้นเหมือนอาหารไทย เวลาคนไทยเข้าไปทานอาหารกัมพูชาในร้านดัง ๆ ของเขาส่วนมาก จะบอกว่าไม่อร่อยเพราะรสชาติที่อ่อนเกินไปนั่นเอง อย่าง “อาม็อก” ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติของเขา ก็คือ “ห่อหมก” ของไทยนั่นเอง แต่อาม็อกนิยมใช้ปลาเป็นชิ้น ๆ เพราะปลาที่นั่นดีและอุดมสมบูรณ์กว่าของไทยเวลาทานอาม็อก เราจะได้รสความหวานของเนื้อปลา แต่พวกรสชาติของเครื่องพริกแกงนั้นจะอ่อนมาก ๆ อาหารจานอื่น ๆ ของกัมพูชา เช่น ยำปลากรอบ แกง น้ำพริก ก็ล้วนแต่รสชาติอ่อน ๆ จืด ๆ ทั้งสิ้น คนไทยทานแล้วจะไม่ค่อยชอบ แต่รสชาติที่ไม่จัดจนเกินไปกลายเป็นรสชาติที่ถูกใจคนต่างชาติที่ไม่สามารถทานอาหารรสจัดได้ 

ร้านกัมพูชาที่ทานแล้วมีรสชาติเข้มข้นก็พอมีอยู่คือร้าน “สะเหลิกทะหนอด” ที่แปลว่า “ใบตาล” ส่วนร้านที่นำเสนออาหารได้สวยมาก รสชาติก็เข้มข้นกว่าร้านอาหารกัมพูชาทั่วไปก็คือร้าน “Kravan : กระวาน”  

จากกรุงพนมเปญลองเปลี่ยนไปหาอาหารอร่อยในกรุงเวียงจันทน์กันดูบ้าง ร้านแรกที่อยากให้ไปลองทานคือ “ร้านลาว-หลวงพระบาง” ชื่อมีคำว่าหลวงพระบางแต่ร้านอยู่ในเวียงจันทน์ หลังพระธาตุหลวง จานเด็ดของร้านนี้คือ “ตำหมากหุ่ง
หลวงพระบาง” หรือส้มตำหลวงพระบางที่อร่อยอย่างน่าอะเมซิ่ง วัตถุดิบหลักต้องส่งตรงมาจากหลวงพระบาง เช่น “เขือเผาะ” มะเขือเปราะ มะเขือสีม่วงอ่อน กรอบสุด ๆ แถมหอมอีกด้วย 

อีกอย่างคือ “น้ำปู” ซึ่งทำจากปูดองเคี่ยวปรุงรสหน้าตาคล้าย ๆ กะปิแต่สีเข้มกว่ากลิ่นปูดองโชยหอมมาเลย อีกอย่างคือ “ปลาร้าหลวง พระบาง” ซึ่งกลิ่นดีมากไม่แรงเหมือนปลาร้าทั่วไป และ “หมากเผ็ด” หรือพริก แต่ที่เป็นเอกลักษณ์ของส้มตำ หลวงพระบางคือเส้นมะละกอที่ไม่ได้สับแต่หั่นเป็นเส้นแบนบาง ๆ เหมือนริบบิ้น หรือคล้าย ๆ เส้นเฟตตูชินีของอิตาลีนั่นเอง ตำหมากหุ่งหลวงพระบางนั้นรสชาติจัดจ้านเผ็ดใช้ได้เลยแถมเข้มข้นด้วยน้ำปูและหอมน้ำปลาร้าหลวงพระบาง ซึ่งกลมกลืนเข้ากันได้อย่างดีกับเส้นมะละกอและมะเขือเปราะกรอบ ๆ 

“ร้านลาว-หลวงพระบาง” ยังมีอาหารแปลก ๆ หลายจานที่ควรจะลองชิม เช่น “ไคแผ่น” สาหร่ายน้ำโขงปรุงรส สั่งปุ๊บทอดปั๊บทานกับ “แจ่ว หลวงพระบาง” ซึ่งอร่อยอย่าบอกใคร หรือ “อั่วสีไค” และ “เอาะหลาม หลวงพระบาง” ทั้งแปลกทั้งอร่อย แต่ถ้าชอบทานผัก ผมแนะนำให้ลอง “เมี่ยงปลาแดก” ที่ทานปลาเผากับผัก นับสิบชนิดและน้ำแจ่วที่ทำจากปลาร้าเคี่ยวกับมะขามเปียก อร่อยมาก ๆ

อีกร้านในเวียงจันทน์ที่ผมชอบมากก็คือ “ร้านเข้าจี่ปาเต้ นางซ้อย” อยู่ที่ถนนด่งปาลานใกล้กับประตูชัยซึ่งขาย “เข้าจี่” หรือบาแก็ตต์ ขนมปังฝรั่งเศสสุดอร่อย ก่อนขายทางร้านจะอุ่นเข้าจี่ให้ร้อน ๆ ด้วยการเอามาปิ้งกับเตาถ่าน จนกรอบนอกนุ่มในแล้วทา “ปาเต้” หรือ ตับบดสไตล์ สปป.ลาว ทามาการีน แล้วใส่เครื่องแบบล้นเข้าจี่ด้วย แตงกวาดอง แตงกวาสด ซอสพริก มะละกอดองพริก หมูยอ หูหมู หมูแดง ซอสปรุงรส โรยด้วยหอมป้อม (ผักชี) ปิดท้ายด้วยหมูหย็อง เวลาทานต้องอ้าปากให้กว้างสุดชีวิตเพราะจะได้ทานเครื่องทุกอย่างได้ครบ ผมรับรองว่าอร่อยมาก 

แต่ไปร้านนี้ต้องยืนทานนะครับเพราะเขาไม่มีที่นั่งให้ซื้อกลับอย่างเดียวซึ่งถ้าไปเราจะเห็น คนขับรถหรือ ขี่มอเตอร์ไซค์มาซื้อกันไม่ขาดสาย ผมแนะนำให้ยืนทานหน้าร้านเลย ทำเสร็จใหม่แล้วทานเลยจะอร่อยมากราคาก็ไม่แพงเพราะเข้าจี่ขนาดกลางใส่ไส้ทุกอย่างขายชิ้นละ 90 บาท ทานกันได้สามคนอิ่มกันครึ่งวันเลย

อีกร้านที่ควรไปทานคือ “ร้านเข้าปุ่นน้ำแจ่วนางคำพัดบ้านสีลำดวน” ซึ่งเปิดตั้งแต่เช้า หน้าร้านจะมีโต๊ะวางถาดใส่เครื่องในหมูสารพัด อย่างเราเดินเข้าไปเลือกเอาเลยว่าอยากจะทานอะไร จะทานกี่ชิ้นก็เลือกใส่ชาม ทางร้านก็จะเอาไปหั่นแล้วเอาไปใส่ชามที่ใส่ “เข้าปุ่น” หรือขนมจีนและผักไว้แล้วราดด้วยน้ำซุปร้อนจัดที่ใส่น้ำปลาร้าไว้ด้วยก่อนทานบีบมะนาวใส่พริกหน่อยใส่ผัก ซึ่งมีให้เลือกหลายอย่างทั้งถั่วงอก หัวปลี หน่อไม้ มะละกอดิบ ผักบุ้ง เติมตามใจชอบ ร้านนี้ทำเครื่องในได้ดีมาก ไม่มีกลิ่นคาวเลยและลวกได้พอดี ๆ ทุกชิ้น น้ำซุปก็หอมอร่อยถูกใจคนชอบปลาร้าอย่างผม ถ้าไม่ทานปลาร้า ทางร้านก็มีน้ำซุปแบบน้ำเงี้ยวไว้บริการด้วย ถ้าจะให้ครบเครื่องก็ต้องทานคู่กับถั่วฝักยาวสดจิ้มกะปิ ซึ่งมีให้เลือกทั้ง กะปิเวียดนามและกะปิไทย รสมันของถั่วฝักยาวเข้ากันอย่างดีกับรสเค็มของกะปิเสร็จแล้วซดน้ำซุปตามอร่อยมาก ใครยังไม่เคยทานกะปิเวียดนาม แนะนำลองชิมดูไม่ธรรมดาเหมือนกัน 

ระหว่างรออ่านฉบับหน้า ตามดูรายละเอียดร้านอื่น ๆ ใน CLMV และจานเด็ดที่ผมชอบได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก Kasemsant AEC นะครับ 

อาหารอร่อย ๆ ใน AEC