กรกนก สว่างรวมโชค

กรกนก สว่างรวมโชค

เรื่องของสินค้าแฟชั่นปัจจุบันมีให้เลือกซื้อหลากหลาย ในมุมของผู้ซื้อสินค้าถือเป็นเรื่องดี แต่ในทางกลับกันแบรนด์ที่ยืนระยะอยู่ในตลาดได้จึงถือว่าไม่ธรรมดาเพราะมีคู่แข่งที่มากมาย SHUBERRY เป็นแบรนด์ไทยอีกแบรนด์หนึ่งที่ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร โดยคุณป้อ กรกนก สว่างรวมโชค หญิงสาวผู้สรรสร้างสินค้าแฟชั่นโดยเฉพาะรองเท้าที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้

คนเรามักชอบมองความสำเร็จของคนอื่นจากปลายทาง ในความเป็นจริงแล้วคุณป้อเป็นคนที่สู้ชีวิตมาตั้งแต่เด็กเพราะครอบครัวไม่ได้มีฐานะดีเนื่องจากคุณพ่อเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็ก ทำให้ต้องทำงานทุกอย่างเพื่อจะให้ได้เงินมาอย่างการเดินขายขนมปังที่คุณแม่ผลิตเพื่อเป็นรายได้ เมื่อเริ่มโตขึ้นด้วยความที่เป็นคนเรียนดีจึงสอบติดคณะบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็หาเงินใช้เองโดยการเป็นติวเตอร์สอนพิเศษเด็ก

“จนกระทั่งอยู่มหาวิทยาลัยปี 4 ในยุคที่เซ็นเตอร์พอยต์กำลังบูม ก็มองเห็นว่ากระเป๋าแฟชั่นเป็นที่นิยมจึงอยากทำกระเป๋าออกมาขายบ้าง แต่ติดที่เรามีเงินไม่เยอะก็ต้องใช้วิธีหาโรงงานเล็ก ๆ เพื่อทำตัวอย่าง แล้วเราพยายามรวบรวมออเดอร์มาส่งให้โรงงาน โดยขอร้องโรงงานช่วยทำมาก่อนแล้วเราจะเก็บเงินมาให้ ซึ่งกว่าที่เราจะหาโรงงานแบบนี้ได้ก็ใช้เวลาพอสมควร”

เมื่อขายของไปสักระยะหนึ่งเธอก็รวบรวมเงินมาเปิดร้านของตัวเองที่สยามสแควร์มีชื่อแบรนด์ว่า Sexy De Cute ที่มีทั้งเสื้อผ้ากระเป๋าและรองเท้า เนื่องจากสมัยนั้นคู่แข่งยังน้อยทำให้ร้านเปิดถึง 6 สาขาในสยาม เรียกว่าเป็นยุคที่บูมของสินค้าแฟชั่นก็ว่าได้ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นราวปี ค.ศ.2008 เศรษฐกิจตกต่ำอีกครั้งทำให้ยอดขายของทางร้านตกลงอย่างรวดเร็ว หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่สร้างมาจะหายไป เพราะช่วงเวลานั้นธุรกิจของเธอมีพนักงานราว 50 ชีวิต มีสายการผลิต และงานขายส่งรองเท้าควบคู่กันไป อีกด้านหนึ่งวิกฤติก็เป็นโอกาสดีในการยกระดับสินค้าแฟชั่นของตัวเองในช่องทางอื่นด้วย

“สมัยตอนที่ทำร้านอยู่สยาม สินค้าจะเป็นกลุ่มนักศึกษาที่แฟชั่นจัดมาก เรามาคิดว่าน่าจะทำรองเท้าขายในห้างที่มีลูกค้าหลายกลุ่มโดยที่ไม่ได้ต้องการแฟชั่นเยอะแต่สวยงาม ก็เลยคิดว่าจะทำรองเท้ามาตอบโจทย์ของคนเหล่านี้ จึงได้คิดแบรนด์ SHUBERRY ขึ้นมา SHU มาจากการเลียนเสียงของคำว่ารองเท้า BERRY ความหลากกลายของเมล็ดพันธุ์ โดยเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลพระราม 2 ปัจจุบันมีทั้งหมด 12 สาขาแล้ว

“จุดเด่นอย่างหนึ่งของเราคือความหลากหลายและความรวดเร็วในการเสิร์ฟสินค้าใหม่ ความจริงแบรนด์ SME จะไม่กล้าทำรองเท้าที่หลากหลายเพราะว่าควบคุมสินค้าลำบากมีต้นทุนสูง แบรนด์ที่ทำรองเท้าได้หลากหลายจะเป็นแบรนด์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่เราทำได้เพราะว่าเราทำด้านแฟชั่นมานานเรามีความเชี่ยวชาญมีโรงงานของตัวเองมี Outsource มากมายทั้งในและต่างประเทศ ที่สำคัญเราสามารถควบคุมเรื่องค่าใช้จ่ายได้ดีจากการมีระบบในการบริหารจัดการมาตั้งแต่ต้น มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะดูว่าสินค้ากลุ่มไหนขายดีสินค้ากลุ่มไหนขายไม่ดี แล้วการผลิตสินค้าเราจะดูตรงนี้มาตลอด

“ตอนนี้ลูกค้าจะนึกถึงเราในด้านรองเท้าแฟชั่นใส่สบาย ตามสโลแกนคือ Fashion Meet Comfort ซึ่งรองเท้าในรุ่น Sofa Shoes จะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ ตัวนี้เกิดมาจากตัวป้อเองประสบอุบัติเหตุข้อเท้าหักเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว เวลาเดินแล้วเจ็บส้นเท้าเนื่องจากเป็นรองช้ำขึ้นมาอีกจะใส่รองเท้าคัทชู หรือส้นเตี้ยไม่ได้เลย ก็เลยไปหารองเท้าเพื่อสุขภาพมาใส่แต่ก็ไม่ตอบโจทย์อยู่ดี คนที่เป็นรองช้ำที่เท้าน่าจะรับความรู้สึกได้ว่ามันเจ็บมาก เราก็เลยคิดว่าควรจะทำรองเท้าของเราเองโดยใส่นวัตกรรมเข้าไป ตามหลักการมีใบรับรองแพทย์ที่ช่วยเซฟเท้า พอทำออกมามันก็ใส่สบายแล้วเราหายจากโรครองช้ำก็เลยได้มีโอกาสทำขายจึงเป็นที่มาของรุ่น Sofa Shoes ในปัจจุบัน

“การทำธุรกิจสำหรับป้อต้องเริ่มจากโอกาสทางการตลาดแล้วคู่กับสิ่งที่เรารักด้วย แม้เราอาจไม่ได้มีเงินเยอะในการทำธุรกิจมาตั้งแต่แรก การทำธุรกิจจึงต้องมองหาโอกาสเพราะมันง่ายกว่าการเริ่มจากมีสินค้าแล้วหาตลาด ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีด้านโซเชียลมีเดียที่พัฒนาอย่างรวดเร็วก็เป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีเครื่องมือดี ๆ มาช่วยขายสินค้า แต่สิ่งที่ควรมองให้มากกว่านั้นคือ ทำยังไงให้มันต่อไปแบบยั่งยืน 

“Key Success ที่ทำให้ป้อมาถึงจุดนี้ได้คือ เกิดจากป้อรักในสิ่งที่ป้อทำมันหมายความว่าสิ่งที่เข้ามาในชีวิตทุกอย่างป้อทำเต็มที่ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นงานยากแค่ไหนก็ตาม โดยเป้าหมายในอนาคตเราต้องการเป็นอัตลักษณ์ของประเทศไทย ชาวต่างชาติที่เข้ามาจะรู้ว่านี่คือสินค้าของไทย ซึ่งป้อคิดว่าทำมาได้ครึ่งทางแล้วนะเพราะปีที่ผ่านมากรมส่งเสริมอุตสาหกรรมให้ SHUBERRY เป็นแบรนด์แห่งอัตลักษณ์” 

Love What You Do แฟชั่นอัตลักษณ์ไทย