ปฏิทินสมัยใหม่

ปฏิทินสมัยใหม่

การปฏิวัติเขียวและการปฏิวัติอุตสาหกรรม ทำให้ชาติตะวันตกทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เยอรมัน และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นชาติตะวันออกเจริญรุ่งเรืองไปตามวิทยาการใหม่ของยุคสมัยโดยทั่วกัน ในประเทศจีนช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ยังเป็นสังคมที่กษัตริย์ครองแผ่นดิน แต่สิ่งใหม่ๆ ก็ได้เริ่มเกิดขึ้นแล้วไม่น้อย ในปี ค.ศ.1851 ได้เกิดการปฏิวัติไท่ผิงเทียนกว๋อ เพื่อต่อต้านราชวงศ์ชิง อังกฤษและสหรัฐอเมริกาเห็นเป็นโอกาสรุกรานจีน จึงก่อสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 ระหว่างปี 1856 - 1860 (สงครามฝิ่นครั้งแรกปี 1840 - 1842) สงครามนำพาสิ่งใหม่ๆ และคนใหม่ๆ เข้ามาสู่สังคมอย่างฉับพลันเป็นจำนวนมาก และสิ่งใหม่นี้ก็ส่งผลต่อสังคมจีนในระยะต่อมา 

ในปี 1860 กองทัพพันธมิตรอังกฤษและฝรั่งเศส บุกเข้าปล้นและเผาวังหยวนหมิงหยวน ค.ศ.1894 - 1895 เกิดสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น ปีค.ศ.1894 เกิดสงครามที่จีนเรียกว่า “สงครามเจี๋ยอู่” 甲午戰爭 หลังเกิดสงคราม กองทัพเรือของราชวงศ์ชิงเก็บตัวอยู่แต่ในฐานทัพเรือ ไม่ยอมทำการต่อสู้ จึงถูกญี่ปุ่นทำลายจนราบ ค.ศ.1898 จักรพรรดิกวังซี่ 光緒 พยายามปฏิรูปสังคมจีนสู่ความเป็นสังคมสมัยใหม่ แต่ถูกซูสีไทเฮา (ฉือสี่ไท่โฮ่ว 慈禧太后) รัฐประหารในวันที่ 21 กันยายน ค.ศ.1898 

วันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ.1908 กวังซวี่ตาย ซูสีไทเฮาตั้งปูยี (ผู่อี๋ 溥儀) ครองบัลลังก์เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายก่อนนางสิ้นชีวิตในเดือนพฤศจิกายน 1908 เพียง 1 วัน ซูสีไทเฮาว่าราชการหลังม่านแต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่ปี 1881 จนวันตายของนางในปี 1908 ซุนยัตเซนเคลื่อนไหวปฏิวัติสังคมจีนโค่นล้มระบบกษัตริย์และตั้งประเทศสาธารณรัฐที่ปราศจากระบบกษัตริย์ได้สำเร็จในปี 1911 

จากลำดับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จีนยุคใกล้ จะเห็นได้ว่าบางส่วนของจีนได้เคลื่อนเข้าสู่การเป็นเมืองสมัยใหม่มาชัดเจนตั้งแต่ช่วงสงครามในยุคกษัตริย์ อาคารบ้านเรือน วิถีชีวิต การพาณิชย์ อุตสาหกรรม และการเงิน ได้วางรากฐานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมานานแล้ว ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 มีหลักฐานภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวมากมายตั้งแต่ยุคที่กล้องถ่ายรูปและกล้องถ่ายหนังเข้าสู่ประเทศจีน (เริ่มมีการถ่ายภาพเคลื่อนไหวในจีนหลังการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรก
ของโลกเพียง 6 ปี จีนถ่ายภาพนิ่งก่อนหน้านั้นนานมาก)

ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 อันเป็นปลายราชวงศ์ชิงและต้นยุคประชาธิปไตย (หมินกว๋อ 民國) รูปแบบสังคมสมัยใหม่ในสังคมจีน โดยเฉพาะที่เมืองท่าเปิดอย่างเมืองเซี่ยงไฮ้ (ซ่างไห่ 上海) มีรูปแบบชัดเจนมาก นอกจากคนชาติตะวันตกในเขตเช่าแล้ว คนจีนจำนวนหนึ่งก็มีรูปแบบชีวิตแบบ “สมัยใหม่” ตั้งแต่สมัยซูสีไทเฮาก็มีการส่งนักเรียนทุนหลวงออกไปศึกษายังชาติตะวันตก “นักเรียนผมเปีย” กลุ่มนี้ไปใช้ชีวิตอยู่ในสังคมตะวันตกทั้งในโรงเรียนและในครอบครัวคนตะวันตก เมื่อกลับมาอยู่สังคมจีนในเวลาต่อมา (หลังจากนั้น 1 - 3 ปี) คนกลุ่มนี้เป็นคนกลุ่มที่รับความคิดชีวิตสมัยใหม่อย่างรอบด้านและกลายเป็น “ลูกค้า” ที่ชัดเจนกลุ่มหนึ่งของกิจกรรมพาณิชย์และอุตสาหกรรมยุคใหม่ของจีน

การเกิดขึ้นของโรงเรียนแบบใหม่ทำให้เกิดความคิดและรูปแบบชีวิตใหม่ๆ มากมาย ชิวจิ่นนักปฏิวัติสตรีเริ่มทำโรงเรียนสตรีและสนับสนุนวิชาพละศึกษาในวงกว้าง สตรีจีนก่อนยุคประชาธิปไตยเริ่มแต่งตัวแบบใหม่ ใช้ชีวิตทันสมัย คนจีนทั้งชายและหญิงตั้งแต่ยุคสงครามฝิ่น ค.ศ.1840 เดินออกจากแนวทางจารีตที่นิยมกษัตริย์มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าดูภาพถ่ายเก่าๆ ช่วงยุคสงครามฝิ่น จะพบว่าไม่เพียงต่างชาติที่แต่งกายแบบตะวันตกสมัยใหม่ คนจีนหัวใหม่กลุ่มหนึ่งก็เริ่มปรับรูปแบบชีวิตของตนแล้ว 

เส้นแบ่งชัดเจนมากๆ ของรูปแบบชีวิตสมัยใหม่คือปี ค.ศ.1911 ที่ซุนยัตเซนโค่นล้มประบอบกษัตริย์และสถาปนาประเทศสาธารณรัฐจีนขึ้น ผู้ชายจีนตัดผมเปียของตน (ผู้สนใจอ่านนวนิยายเรื่อง “ประวัติจริงของอา Q” จะได้ภาพชัด มีหลายสำนวนแปล) สังคมจีนเคลื่อนสู่ความเป็นสมัยใหม่ (Modernizatio) และความเป็นตะวันตก (Westernizatian) อย่างรอบด้าน ระบบการเมือง, การศึกษา, วิชาการแผนใหม่ทุกแขนงวิชา เปลี่ยนผ่านสู่แนวคิดมนุษย์ทุกคนเสมอภาคและมีสิทธิ์มีเสียงเท่ากัน เทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ๆ ได้รับการสนับสนุน และเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง 

ความหิวกระหายในสิ่งใหม่ๆ มีในวงกว้าง แวดวงสิ่งพิมพ์ซึ่งสามารถเป็นธุรกิจอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ยุคโบราณ ได้เปลี่ยนผ่านจากการพิมพ์ด้วยแม่พิมพ์ไม้รูปเล่มแบบเก่ามาสู่การพิมพ์ด้วยเครื่องจักร หนังสือใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากมาย นอกจากหนังสือเล่มแล้วยังมีนิตยสารและหนังสือพิมพ์อีกหลากหลาย 

เศรษฐกิจแบบใหม่ที่ลงรากปักฐานในเมืองเซี่ยงไฮ้มาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ทำให้สินค้าใหม่ๆ และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นในเมืองเซี่ยงไฮ้อย่างรวดเร็ว โรงภาพยนตร์, สถานที่เริงรมย์ยามค่ำคืน, สินค้าแบบใหม่, การแต่งกายแบบใหม่, โรงเรียนแบบใหม่, ชีวิตแบบใหม่, พาณิชยกรรมและธุรกรรมแบบใหม่ ทั้งหลายเหล่านี้สัมพันธ์แนบชิดกับ “ปฏิทินแบบใหม่” ซึ่งเป็นปฏิทินแบบสุริยะคติ และปฏิทินสวยๆ แบบใหม่ก็เป็นวิธีการหนึ่งในการโฆษณาสินค้าใหม่ๆ ของจีนที่กำลังก้าวไปข้างหน้าในเวลานั้น และทำให้ปฏิทินสุริยะคติแพร่หลายออกไปในวงกว้างด้วย 

สงครามนำพาสิ่งใหม่ๆ และคนใหม่ๆ