
The Smashing Machine : บทพิสูจน์การแสดงครั้งสำคัญของ ‘ดเวย์น (เดอะ ร็อค) จอห์นสัน’ | Film to Watch Short Review
“The Smashing Machine ตำนานเครื่องจักร สังเวียนเดือด” คือผลงานแนวชีวประวัติที่หยิบยกเสี้ยวชีวิตของ ‘มาร์ก เคอร์’ นักสู้ MMA ระดับตำนานผู้ปรากฏชื่อบน UFC Hall of Fame มานำเสนอในรูปแบบ Mockumentary ที่มีกลิ่นอายความเป็นสารคดี เสริมด้วยดนตรีประกอบที่เร้าอารมณ์ ยกระดับความเข้มข้นของการต่อสู้ทั้งในและนอกสังเวียน ช่วงระหว่างที่เคอร์รุ่งขีดสุดสู่วันที่ร่วงสุดขีด
มองจากโครงสร้าง The Smashing Machine นับว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานแนวชีวประวัติที่น่าสนใจในแง่การต่อสู้นอกสังเวียน ออกหมัดพอให้มีตุบตับ มุ่งเน้นไปที่พาร์ทดราม่าเป็นหลัก ทั้งปัญหาการเสพติด ผลการแข่งขัน เรื่องความสัมพันธ์ และการลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง เปิดโอกาสให้ตัวละครและคนดูได้ร่วมสำรวจความหมายของการพ่ายแพ้ ในวันที่เกือบทุกคอนเทนต์บนโลกใบนี้พร่ำสอนให้เราต้องชนะอยู่เสมอ ผ่านการแสดงของ ‘ดเวย์น จอห์นสัน’ ชายที่มักเป็นตัวเองอยู่เสมอในผลงานทุกเรื่องที่เขาแสดง แต่เรื่องนี้ ‘ดเวย์น (เดอะ ร็อค) จอห์นสัน’ สลัดความเป็นตัวเอง ไม่ได้แสดงแบบเล่นใหญ่ไฟกระพริบ แต่สวมบทบาทเป็น ‘มาร์ก เคอร์’ ได้อย่างแนบเนียนและน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นมูฟเมนต์ น้ำเสียง แววตา
ฝั่งนักแสดงสมทบ ‘เอมิลี บลันท์’ ในบท ‘ดอว์น สแตบเลส’ แฟนสาวของเคอร์ นับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ผู้สร้างได้นักแสดงมากฝีมือมาร่วมงาน แต่กลับสร้างตัวละครมิติเดียวมาให้เธอเล่น ขณะที่นักสู้ MMA ในชีวิตจริงอย่าง ‘ไรอัน เบเดอร์’ ในบท ‘มาร์ค โคลแมน’ เพื่อนสนิทของเคอร์ กลับฉายแสงการแสดงได้โคตรดี สร้างเคมีร่วมกับ เดอะ ร็อค จนเราเชื่อหมดใจว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันจริง ๆ
สำหรับภาพรวมของ The Smashing Machine แม้จะเป็นการหยิบยกชีวประวัติของนักสู้สายออกหมัด แต่เนื้อหาการต่อสู้หลัก ๆ กลับเน้นไปที่สังเวียนจิตใจมากกว่า คู่ขนานไปพร้อมจังหวะการเล่าที่ไดนามิกแบบราบ อาจเพราะคงคอนเซ็ปต์ Mockumentary ระหว่างดูจึงสัมผัสถึงมวลความพีคหรือขึ้นลงใด ๆ ไม่ได้เลย เหมือนผลงานเรื่องนี้เป็นการปูสตอรี่ให้ ‘เดอะ ร็อค’ คัมแบ็คอีกครั้งในฐานะนักแสดงขายฝีมือ คู่ขนานไปกับการอุทิศตนและน้ำใจของนักกีฬาในวงการสังเวียนเดือด
The Smashing Machine อาจไม่ใช่ภาพยนตร์สำหรับคอหนังแอ็กชันสายออกหมัดซัดเดือด แต่หากคุณมองหาหนังดราม่าชีวประวัติที่ดูเพลิน มีความเข้มข้นพอประมาณ และพร้อมกับการแสดงที่น่าประทับใจของ ‘ดเวย์น (เดอะ ร็อค) จอห์นสัน’ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าตอบโจทย์อย่างแน่นอน