เตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกผจญภัยในโลกที่ทุกคนไม่เคยสัมผัสใน “Fallout ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู” 11 เมษายนนี้ ทาง Prime Video เท่านั้น

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกผจญภัยในโลกที่ทุกคนไม่เคยสัมผัสใน “Fallout ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู” 11 เมษายนนี้ ทาง Prime Video เท่านั้น

“Fallout ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู” เป็นซีรีส์ที่จากสร้างจากหนึ่งในวิดีโอเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล บอกเล่าเรื่องราวของความมั่งมีและขัดสนในโลกที่แทบไม่มีอะไรหลงเหลือ 200 ปีหลังวันสิ้นโลก เหล่าผู้อาศัยผู้อ่อนโยนในสถานหลบภัยแสนสะดวกสบายจำเป็นต้องกลับออกมาสู่โลกภายนอกอันโหดร้ายซึ่งได้รับผลกระทบจากรังสีที่ตกทอดมาจากรุ่นบรรพบุรุษ และต้องตกใจเมื่อได้พบกับโลกที่ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ แปลกประหลาด และเต็มไปด้วยความรุนแรง

“การสูญพันธุ์คือกฎ การอยู่รอดคือข้อยกเว้น”
“การสูญพันธุ์นั้นแน่นอน การอยู่รอดคือข้อยกเว้น”

คาร์ล เซแกน (Carl Sagan)

เกี่ยวกับซีรีส์ Fallout

ผลงานจากผู้อำนวยการสร้างซีรีส์ Westworld และผู้เขียนบทที่อยู่เบื้องหลังซีรีส์ The Office และภาพยนตร์ Captain Marvel นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจักรวาลอันกว้างใหญ่ของ Fallout แฟรนไชส์วิดีโอเกมซึ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม Fallout จะพาผู้ชมไปสำรวจเรื่องราวการเอาชีวิตรอดของมนุษยชาติในโลกหลังหายนะนิวเคลียร์ ผ่านประสบการณ์ทางภาพยนตร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ดื่มด่ำไปกับเรื่องราวที่แตกต่างกันของสามตัวละครหลักซึ่งมาบรรจบกันในโลกอันแปลกประหลาด ด้วยอารมณ์ขันแบบตลกร้ายและฉากแอ็กชั่นที่โดดเด่นทรงพลัง

ในลอสแอนเจลิสปี 2296: 219 ปีหลังการทำลายล้างของนิวเคลียร์ชีวิตนั้นสะดวกสบาย มีระเบียบและค่อนข้างเป็นปกติสุขสำหรับประชากรกลุ่มเล็กๆ ที่ได้รับอภิสิทธิ์ ซึ่งอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินอันหรูหราอันเป็นหลุมหลบภัยจากรังสี แต่สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่บนพื้นโลก แต่ละวันคือการดิ้นรนฟันฝ่าเพื่อเอาชีวิตรอดในโลกไร้กฎหมายที่มีการต่อสู้ไม่หยุดหย่อน เพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่มีจำกัด

ซีรีส์ Fallout อำนวยการสร้างโดย Jonathan Nolan และLisa Joy (Westworld) และสร้างโดยผู้อำนวยการสร้างและโชว์รันเนอร์ร่วมอย่าง Geneva Robertson-Dworet (Captain Marvel) และ Graham Wagner (The Office, Silicon Valley) นอกจากนี้ Jonathan Nolan ยังรับหน้าที่กำกับซีรีส์สามตอนแรกอีกด้วยโดย Fallout นับว่าเป็นซีรีส์ต้นฉบับ ซึ่งสร้างจากโลกอันเปิดกว้างและสมจริงของแฟรนไชส์วิดีโอเกมที่สั่นสะเทือนวงการและเป็นที่ชื่นชอบของคอเกมมาอย่างยาวนาน

เรื่องราวกล่าวถึงตัวละครหลักทั้ง 3 คนที่ต้องฝ่าฟันท่ามกลางความซับซ้อนของโลกใหม่ ซึ่งได้รับผลกระทบจากรังสีนิวเคลียร์ได้แก่ “Lucy” (รับบทโดย Ella Purnell จาก Yellowjackets) ผู้อาศัยในหลุมหลบภัยที่มีพลังความสามารถและค่อนข้างอ่อนต่อโลก ซึ่งพบกับความประหลาดใจเมื่อขึ้นมาบนพื้นผิวโลกเป็นครั้งแรก “Maximus” (รับบทโดย Aaron Moten จาก Emancipation) ทหารใหม่ผู้ปฏิญาณตนว่าจะรับใช้และปฏิบัติภารกิจของกลุ่ม Brotherhood of Steel ให้ลุล่วง จนเมื่อเขาพบการกระทำที่ไม่ถูกต้องของกองทหารและเริ่มตั้งคำถามถึงเป้าหมายของตัวเอง และ “The Ghoul” (รับบทโดย Walton Goggins จาก The Hateful Eight) มนุษย์กลายพันธุ์นอกกฎหมายในรูปลักษณ์น่าสะพรึงกลัวซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นชายผู้มีเกียรติ เขาสนใจเพียงแค่ให้ตัวเองมีชีวิตรอดและพร้อมจะสังหารใครก็ตามที่มาขวาง

นอกเหนือจากสามนักแสดงแล้วยังรวมทีมนักแสดงชั้นนำอย่าง Kyle MacLachlan, Sarita Choudary, Michael Emerson และ Moises Arias ส่วน Jonathan Nolan นั้นนอกจากจะรับหน้าที่ผู้กำกับ 3 ตอนแรกของซีรีส์ซีซั่นแรกซึ่งมีทั้งหมด 8 ตอนแล้ว เขายังเป็นผู้นำทีมศิลปินซึ่งมุ่งมั่นในการนำโลกในวิดีโอเกมต้นฉบับ ที่มีความยิ่งใหญ่และแปลกประหลาดนี้ มาถ่ายทอดในซีรีส์ด้วยความเคารพในต้นฉบับอีกด้วย โดยผู้กำกับเพิ่มเติมในซีซั่นนี้ได้แก่ Daniel Gray Longino, Claire Kilner, Frederick E.O. Toye และ Wayne Yip

คำศัพท์ในซีรีส์ Fallout

- Brotherhood of Steel : กลุ่มลัทธิทางทหารที่พยายามฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยกลับมาสู่พื้นโลกโดยการยึดอำนาจเพื่อตนเอง

- Ghoul : มนุษย์กลายพันธุ์ซึ่งเกิดขึ้นและมีชีวิตอยู่ในรูปลักษณ์ที่หลากหลายจากการถูกรังสีและคาดเดาไม่ได้

- Great War : ชื่อเรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม 2077

- Gulper : ซาลาแมนเดอร์กลายพันธุ์ขนาดยักษ์ที่มีความสุขกับการล่าและกินเนื้อมนุษย์

- RadAway : ยาที่มีฤทธิ์ต่อสู้และกำจัดรังสีในกระแสเลือดในร่างกาย

- Smoothskin : ชื่อเล่นที่พวก Ghoul ใช้เรียกมนุษย์ธรรมดาทั่วไป

- Vault dweller : หรือเป็นรู้จักในชื่อ “Vaultie” หรือ “Vaulter” หมายถึงผู้มีสิทธิพิเศษเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการปกป้องจากความน่าสะพรึงกลัวของ Great War ที่อาศัยอยู่ใต้พื้นผิวหลายร้อยฟุตในโลกใต้ดินอันสวยงามและเป็นระเบียบ

- Vault-Tec : บริษัทป้องกันก่อนสงครามเป็นผู้ออกแบบและขาย Vault สถานที่หลบภัยใต้ดินเพื่อปกป้องประชากรในกรณีที่เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ด้วยนิวเคลียร์

- Wasteland : คำที่ใช้เรียกแดนร้างไร้กฏหมายบนพื้นโลกที่ถูกผลกระทบจากรังสีหลัง Great War

เบื้องหลังงานสร้างโลกของ Fallout

จุดเริ่มต้นอันกล้าหาญ: ต้นกำเนิดของFallout

นานมาแล้วก่อนที่จะมีใครคิดถึง หรือแม้แต่เห็นความเป็นไปได้ในการดัดแปลงวิดีโอเกมมาเป็นซีรีส์เรื่องนี้ ผู้อำนวยการสร้าง โจนาธาน โนแลน (Jonathan Nolan), เจนีวา โรเบิร์ตสัน-ดวอเร็ต (Geneva Robertson-Dworet) และ แกรม วากเนอร์ (Graham Wagner) ต่างก็รู้สึกหลงใหลในโลกอันเปิดกว้างและการเล่าเรื่องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่พวกเขาได้สัมผัสขณะที่เล่นเกม Fallout

“สำหรับผมมันเริ่มต้นจาก Fallout 3 เลย” โนแลนกล่าวพร้อมพูดติดตลกว่าเกม Fallout 3 ที่ได้รับรางวัลในปี 2008 คือต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้เขียนบทภาพยนตร์เลยเป็นเวลาสองปี “ก่อนหน้านั้นผมแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเกมนี้ แล้วผมก็อยู่ในอารมณ์ที่อยากหาอะไรทำเพลินๆ พอดี ผมคิดว่าตอนนั้นคริส (คริสโตเฟอร์ โนแลน ผู้กำกับภาพยนตร์และพี่ชาย) มอบหมายให้ผมเขียนบท The Dark Knight Rises ดังนั้นถ้าหนังเรื่องนั้นออกช้าสักหน่อย ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะ Fallout 3 ด้วยนะครับ”

ผู้สร้าง Westworld รู้สึกทึ่งกับขอบเขตอันกว้างใหญ่ของเกมบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงการหักมุมต่างๆ ที่สร้างความประหลาดใจในเกม “การทำงานในธุรกิจนี้ทำให้เราได้ดูภาพยนตร์และรายการทีวีมากมาย มันยากที่จะทำให้เราจะแปลกใจกับอะไรได้ แต่เกมนี้ทำให้คุณประหลาดใจอย่างต่อเนื่อง มันมืดมนรุนแรง แต่ก็เสียดสี และในบางทีก็เกือบจะขำ ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในเกมเกมเดียว มันเป็นเกมที่ทะเยอทะยานมาก และผมก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

ราวสิบปีต่อมาโนแลนได้พบกับ ท็อดด์ ฮาวเวิร์ด (Todd Howard) ผู้พัฒนาเกม Fallout 3 และผู้อำนวยการสร้างจาก Bethesda Game Studios เพื่อพูดคุยเรื่องการนำ Fallout มาดัดแปลงเป็นซีรีส์ “เขาชอบงานของผม ผมชอบงานของเขา มันเป็นการพบกันที่ยอดเยี่ยม” โนแลนเล่า “เราจบการพูดคุยด้วยข้อสรุปว่า โอเคเราจะทำงานนี้ด้วยกันแน่นอนและจะเอาเรื่องนี้ไปคิดต่อ”

“ตอนที่ผมคุยกับโจนาห์ครั้งแรก พูดตามตรงเขาดูเหมือนคนที่ผมรู้จักมานาน” ฮาวเวิร์ดเล่า “เห็นได้ชัดว่าเขาเล่นเกมมาเยอะมาก และตั้งแต่เริ่มต้นแนวทางของเขาก็สอดคล้องกับสิ่งที่ผมกำลังคิดเลย”

จากนั้นโนแลนจึงว่าจ้าง เจนีวา โรเบิร์ตสัน-ดวอเร็ต และ แกรม วากเนอร์ โชว์รันเนอร์ทั้งสองคนมาเริ่มงาน ทั้งสองคนเห็นตรงกันว่าการดัดแปลงเกมนี้เป็นซีรีส์มีเพียงวิธีเดียว คือต้องบอกเล่าเรื่องราวใหม่ที่เกิดขึ้นในจักรวาล Fallout “เราไม่อยากที่จะนำสิ่งที่ทำมาแล้วอย่างสวยงามในเกมมาเล่าซ้ำใหม่” โนแลนกล่าว “ดังนั้นคำถามจึงมีอยู่ว่าเราจะพาเรื่องราวนี้ไปได้ไกลแค่ไหน โดยมี เจนีวา และ แกรม เข้ามารับช่วงต่อ”

โรเบิร์ตสัน-ดวอเร็ต พยายามจะร่วมงานกับ โนแลน และ วากเนอร์ มานานหลายปีแล้วและ Fallout ก็เป็นโอกาสยอดเยี่ยมที่พวกเขาจะได้สร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน โนแลน และ โรเบิร์ตสัน-ดวอเร็ต ซึ่งเป็นผู้เขียนบท Captain Marvel นำความเชี่ยวชาญของตัวเองในด้านไซไฟและการสร้างโลกในภาพยนตร์ มาหลอมรวมเข้ากับ วากเนอร์ ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้สร้างผลงานในรูปแบบที่เขาเรียกว่า “บูติกคอเมดี” ออกมาหลายชิ้นโดยเป็นมือเขียนบทและผู้อำนวยการสร้าง Portlandia, The OfficeและSilicon Valley

คุณคือผู้รอดชีวิตจากหายนะนิวเคลียร์

ตามชื่อของซีรีส์เรื่องราวใน Fallout เริ่มต้นที่การสิ้นสุดของโลก: หายนะนิวเคลียร์ก่อนจะกระโดดข้ามไป 219 ปีต่อมาโดยเส้นเรื่องมีศูนย์กลางอยู่ที่ผู้รอดชีวิตสามคน ซึ่งมีประสบการณ์ชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในโลกข้างบนที่ถูกรังสีและใต้พื้นโลก

“(ในซีรีส์) เราได้เห็นว่าสังคมถูกลดทอนกลายเป็นแบบไหน” ไคล์แม็ค ลัคแลน (Kyle MacLaughlin) อธิบาย “มีผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ในห้องนิรภัยใต้ดินห่างไกลจากรังสีพยายามอย่างสุดความสามารถด้วยทัศนคติแบบอเมริกัน ส่วนคนอื่น ๆ บนโลกถูกเนรเทศให้ไปอยู่บนพื้นโลกซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด การทำลายล้างที่น่าตกใจ และผู้รอดชีวิตถูกบีบบังคับให้ทำสิ่งเลวร้ายเพียงเพื่อจะมีชีวิตอยู่ต่อ”

“มันเป็นเรื่องราวของคนที่มีเกือบทุกอย่าง และคนที่แทบไม่มีอะไรเลย” เจนีวา โรเบิร์ตสัน-ดวอเร็ต (Geneva Robertson-Dworet) กล่าว “ฉันชอบมากที่เกม (Fallout) เปรียบเทียบให้เราเห็นประเด็นนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม”

ความแตกต่างนี้สามารถเห็นได้ชัดเจน เมื่อตัวละครขึ้นไปยังบนพื้นผิวโลก ที่ซึ่งสิ่งมีชีวิตต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในพื้นที่ที่รู้จักกันในชื่อ Wasteland (แดนร้าง) นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบในเกมอีก 2 อย่างที่ทีมครีเอทีฟตั้งใจนำมาบอกเล่าในซีรีส์ นั่นคือภูมิทัศน์ที่กว้างใหญ่ที่ผู้เล่นสามารถท่องไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด และความสามารถในการเชื่อมโยงกับเหล่าตัวละครที่จะนำทางผู้ชมไปพบกับเรื่องราวต่างๆ

“โดยปกติแล้วเวลาที่คุณจะดัดแปลงอะไรสักอย่างเป็นซีรีส์เช่นนิยาย คุณจะต้องเพิ่มบางอย่างเข้าไป” โนแลนกล่าว “คุณอาจจะต้องเสียบางองค์ประกอบในต้นฉบับไปบ้าง แต่โดยหลักๆ แล้วคือคุณต้องเพิ่มแสงภาพบุคลิกและความเป็นมนุษย์ลงไปในซีรีส์ ในการนำวิดีโอเกม มาดัดแปลง คุณต้องเอาหลายอย่างออกไปจากต้นฉบับ เช่นความรู้สึกเป็นอิสระของผู้ชม แนวคิดพื้นฐานทั้งหมดของเกมอย่าง Fallout คือการที่มันเป็นเกมแบบ open world ซึ่งเปิดกว้างให้คุณสามารถเดินไปทางไหนก็ได้ที่คุณต้องการ แต่ในซีรีส์คุณไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ความสามารถนั้นถูกยกออกไป ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเรา คือเราจะถ่ายทอดความเป็นอิสระของเกมต้นฉบับออกมาในซีรีส์ได้อย่างไร ทั้งในแง่ของโลกและในแง่ตัวละครด้วย”

ทางออกของพวกเขาคือการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของ 3 ตัวละครที่แตกต่างกันได้แก่ ลูซี่ แม็กซิมัส และ เดอะกูล “นี่เป็นแนวคิดที่คุ้นเคยในแวดวงโทรทัศน์แต่ไม่ค่อยมีให้เห็นนักในวงการเกม” โนแลนกล่าว “เราสามารถทำมันออกมาได้ในระดับที่ผมคิดว่า ทำได้ดีมากในการถ่ายทอดความซับซ้อนทางศีลธรรมของเกม เพราะคุณจะเลือกเป็นคนดี เลือกเป็นคนเลว หรือเลือกอยู่ตรงกลางก็ได้หมด แล้วก็สามารถเปลี่ยนไปมาได้ด้วย"

แนะนำตัวละครหลักของ Fallout

เอลลา เพอร์เนล (Ella Purnell) รับบท “Lucy”

ลูซี่ เป็นหนึ่งในผู้อาศัยในหลุมหลบภัยหมายเลข 33 (Vault 33) ซึ่งเกิดและเติบโตมาในสถานหลบภัยนี้มาตลอดชีวิตโดยไม่เคยขึ้นไปบนพื้นโลกหรือเห็นอะไรในโลกภายนอกเลย เธอเป็นคนดีที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องและเชื่อในกฏเหล็กที่ว่า “จงปฏิบัติกับผู้อื่นเหมือนอย่างที่คุณปฏิบัติกับตัวเอง” เธอมาจากสังคมที่ดีมีความสุขรายล้อมด้วยคนดีๆ ซึ่งเชื่อเรื่องการปฏิรูปและการศึกษาพวกเขา เชื่อว่าสักวันหนึ่งเหล่าผู้อาศัยใน Vault หรือลูกๆ หรือหลานๆ ของพวกเขาจะได้ขึ้นไปบนพื้นผิวโลก และสร้างอเมริกาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่จิตใจที่มองโลกในแง่ดีและยึดมั่นในอุดมการณ์ของลูซี่กำลังจะถูกทดสอบเมื่อคนที่เธอรักถูกทำร้าย

บทสัมภาษณ์

“ก่อนที่ฉันจะได้อ่านบทฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเกมนี้มาก่อน แล้วทั้งเพื่อนๆ พี่ชาย และน้องชายของฉันเคยเล่นเกมนี้ แต่ตัวฉันเองไม่เคยเล่น แล้วฉันก็ได้พบกับ โจนาห์ เจนีวา และ แกรม เราคุยกันเรื่อง Fallout และพวกเขาก็เล่าเรื่องตัวละครในซีรีส์ให้ฉันฟัง ฉันอ่านบทและตกหลุมรักมันทันที ไม่ได้ตกหลุมรักแค่ตัวละคร แต่ยังรวมถึงเรื่องราวในซีรีส์ มันทั้งฉลาดและตลก โลกในซีรีส์ โทนการเล่าเรื่อง รวมถึงวิธีที่พวกเขาสร้างสมดุลระหว่างความดราม่าจริงจังกับความตลก”

“และหลังจากได้บทมา ฉันก็ได้เล่นเกม Fallout 4 ด้วยนิดหน่อย แต่ฉันเล่นไม่ค่อยเก่งเท่าไร นั่นคือปัญหาเลย ฉันคิดว่าฉันคงจะอยากจะเข้าไปเล่นมากกว่านี้อีก แต่พอเล่นๆ ไปก็ตายอยู่เรื่อยฉันก็เลยหงุดหงิดและเซ็งสุดๆ สุดท้ายก็เลยลงเอยด้วยการนั่งดูคนอื่นเล่นอย่างเดียว”

“สำหรับฉันการได้แสดงเป็นลูซี่ที่ทำตัวดีถูกต้องตามกฎที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในช่วงแรกของซีรีส์ มันทำให้มีพื้นที่เหลือให้ฉันได้เล่นและแสดงพัฒนาการของตัวละครอีกเยอะมากจนจบซีซั่น เพราะพอเธอได้พบกับ แม็กซิมัส และ เดอะกูล มันทำให้เธอได้กลับมาคิดพิจารณาจริงๆ ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนั้น และเธอจะยอมให้ตัวเองกลายเป็นเหมือนพวกเขาหรือเปล่า”

แอรอน โมเทน (Aaron Moten) รับบท “Maximus”

แม็กซิมัส ทหารหนุ่มผู้เก็บซ่อนอดีตอันน่าเศร้าของตัวเองไว้ในขณะปฏิบัติหน้าที่ในกองทหารที่ชื่อว่า Brotherhood of Steel เขาเชื่อในภารกิจอันสูงส่งของกองทัพในการนำกฎระเบียบ และความสงบเรียบร้อยมาสู่ Wasteland และจะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น

บทสัมภาษณ์

“ผมใช้เกมในการจินตนาการถึงภาพบรรยากาศในเรื่องมาตลอดเลย ฮาวเวิร์ด สร้างโลกขึ้นในเกมให้เกิดขึ้นในชีวิตจริงที่นี่ได้ยอดเยี่ยมมาก ผมหมายถึงขอบเขตของฉากต่างๆ ตั้งแต่หลุมนิรภัยไปจนถึง Brotherhood of Steel รวมถึงสิ่งที่เราต้องไปถ่ายทำกันในนามิเบียมันยิ่งใหญ่มากๆ”

“แน่นอนว่าสำหรับแม็กซิมัส แล้วโลกคือสถานที่ที่โหดเหี้ยม ทางร่างกาย จากทุกบทบาทที่ผมเคยแสดงมา ผมจะมีทีมงานที่ทำงานด้วยกันในการเตรียมพร้อมร่างกายของผมให้พร้อม แต่งานนี้แตกต่างจากงานอื่นๆ เพราะผมต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างการชกมวย ผมจำเป็นต้องได้สัมผัสความรู้สึกของการต่อสู้ ซึ่งมันต่างจากการแค่เพิ่มหรือลดน้ำหนัก นี่เป็นความโหดร้ายแบบหนึ่งที่ผมคิดว่ามีอยู่ในตัวของ Maximus ซึ่งผมอยากจะมีโอกาสได้สวมบทบาทนอกเหนือจากการฝึกฝนร่างกาย ด้วยการทำงานร่วมกับครูมวยและครูฝึกยกน้ำหนัก แล้วมันก็ไม่เหมือนการฝึกสตั๊นท์เท่าไร แต่เป็นเรื่องของการมาแต่เช้าเพื่อประชุมและทำงานร่วมกับทีมผู้ประสานงานสำหรับฉากแอ็กชั่นในซีรีส์ของเรามากกว่า”

“มันเป็นซีรีส์ที่เคารพวิดีโอเกมต้นฉบับอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็แตกต่างจากต้นฉบับจริงๆ” โมเทนกล่าว “ผมหวังว่าผู้ชมจะได้รับความสุขจากการรับชมซีรีส์เรื่องนี้เหมือนกันกับที่ผมรู้สึก”

วอลตัน กอกกินส์ (Walton Goggins) รับบท “The Ghoul”

กูล (Ghoul คือมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบจากรังสี) ที่เอาชีวิตรอดใน Wasteland ด้วยการล่าเงินรางวัลค่าหัวเป็นอาชีพ เขาไม่ใช่แค่นักล่าเงินค่าหัวธรรมดาๆ แต่เป็นนักล่าที่เก่งกาจจนชื่อเสียงลือกระฉ่อน ชื่อจริงของเขาคือ คูเปอร์ ฮาวเวิร์ด (Cooper Howard) เป็นคนจริงจังโหดเหี้ยมและมีอารมณ์ขันที่ชั่วร้าย เขามีชีวิตอยู่บนโลกมาตั้งแต่ก่อนเกิดหายนะนิวเคลียร์และอยู่ในแดนร้าง Wasteland มานานกว่า 200 ปี

บทสัมภาษณ์

“หลังจากพูดคุยกันว่าลุคของผมในซีรีส์จะออกมาเป็นแบบไหน เชื่อไหมครับว่าเราได้ข้อสรุปว่าจะไปทางเซ็กซี่ (หัวเราะ) เขาเป็นคนที่ดูโผงผางมั่นใจ ซึ่งเข้ากับเสน่ห์และอารมณ์ขันของเขา และเราอยากให้ผู้ชมพยายามดื่มด่ำไปกับเขา เราอยากให้ผู้ชมเริ่มตั้งใจมองใบหน้าของเดอะกูลจริงๆ และสังเกตเห็นรอยแผลที่หู เริ่มตั้งคำถามว่ามันที่มายังไงหรือสิ่งนี้คืออะไร สิ่งที่อยู่บนหัวของเขาทุกครั้งที่เขาถอดหมวก เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวเขาจะค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา และทุกอย่างก็มีเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับช่วงเวลาที่ผ่านมาของเขาใน Wasteland”

“อุปสรรคใหญ่ที่สุดสองอย่างสำหรับผมในการแสดงซีรีส์เรื่องนี้ คือผมไม่รู้เลยว่าหลังจากที่แต่งหน้าเสร็จแล้ว และกล้องเริ่มถ่ายผู้ชมจะสามารถตีความหรือเข้าใจว่าผมกำลังรู้สึกยังไงได้หรือเปล่า และมันไม่ใช่แค่เรื่องของใบหน้าของผมที่เหมือนผืนผ้าใบซีดๆ ว่างเปล่าเท่านั้น แต่ผมรู้สึกไม่มั่นใจมากๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ช่วงสองหรือสามวันแรกหลังจากถ่ายจบ ทุกเทคผมจะมองไปที่ โจนาธาน โนแลน ผู้กำกับของเราแล้วถามเขาว่า โจนาห์...คุณเห็นมันหรือเปล่า และเขาบอกผมว่า เราเห็นมันหมดเลยวอลตันทุกอย่าง (ที่คุณอยากจะสื่อ) อยู่ในดวงตาของคุณแล้ว ดังนั้นเมื่อผมรู้สึกสบายใจและไม่กังวลเรื่องนี้อีกแล้วมันก็ง่ายขึ้นมาก แต่อีกอย่างที่ลำบากมากคือรีเทนเนอร์ที่ผมต้องใส่ไว้ในปาก จริงๆ ผมยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับใครเลย แต่รีเทนเนอร์มันทำให้น้ำลายหายไปจากปากผมหมดเลย (หัวเราะ) …คือแค่ต้องพูดโดยมีใบหน้าเทียมก็ยากแล้ว ยังต้องใส่รีเทนเนอร์พวกนี้อีกซึ่งทำให้ออกเสียงยากมากๆ”

“เรากำลังอยู่ในยุคสมัยที่สับสนวุ่นวายมาก เราเห็นการเสื่อมถอยทางศีลธรรม และการมองโลกในแง่ดีเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ…แต่ Fallout กำลังสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่กำลังเป็นไปรอบตัวเรา ในบางมุมผมหวังว่าเราจะไม่ถลำลึกไปไกลกว่านั้น และหวังว่าเราจะยึดหยัดอยู่ในจุดที่เราอยู่ในวันนี้ แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ คำถามที่ซีรีส์หยิบยกขึ้นมา…สำหรับผมผมอยากรู้มากๆ เลยว่าการสร้างสังคมขึ้นมาใหม่ในเกม และในซีรีส์เรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นยังไงและดำเนินต่อไปยังไง”

ไคล์แม็ค ลัคแลน (Kyle MacLaughlin) รับบท “Overseer Hank”

แฮงค์ เป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยของหลุมหลบภัย Vault 33 เขาคือชายผู้มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นเป็นผู้นำที่คิดบวกและมองโลกในแง่ดี แฮงค์ มีลูกสองคนหนึ่งในนั้นคือ ลูซี่

บทสัมภาษณ์

“ก่อนที่ผมจะได้รับบทในFalloutผมรู้จักเกมนี้อยู่แล้วเพราะว่ามันเป็นเกมในตำนานที่ยิ่งใหญ่มากแต่ผมไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนเลยผมก็เลยถือโอกาสลองเข้าไปดูโลกในเกมและทำความเข้าใจว่ามันคืออะไรแล้วก็รู้เลยว่ามันเป็นวิดีโอเกมที่ซับซ้อนมากอย่างเหลือเชื่อและผมไม่น่าจะมีความสามารถพอที่จะเล่นมันได้ดังนั้นผมก็เลยค่อยๆถอยออกมาโดยที่รู้แล้วว่าภาพรวมของเกมมันเป็นยังไงจากนั้นก็อาศัยคำแนะนำจากผู้เขียนและผู้กำกับที่ยอดเยี่ยมของเราเข้าช่วยด้วยนิดหน่อยสิ่งที่ผมให้ความสนใจหลักๆ (ในการแสดง) คือแฮงค์และการสร้างตัวละครตัวนี้ให้สมบูรณ์และมีมิติเพราะว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูซี่ลูกสาวของเขา”

“หนึ่งในเรื่องยอดเยี่ยมของการทำงานในซีรีส์Fallout นี้คือการทำงานร่วมกับโจนาธานโนแลนเขามีทักษะด้านเทคโนโลยีดังนั้นในขณะที่ห้องนิรภัยถูกสร้างขึ้นด้วยเกราะภายนอกที่ดูสวยงามและให้ความรู้สึกเหมือนจริงแต่จริงๆแล้วเราใช้สิ่งที่เรียกว่าvolume stage หรือvolume screen ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์หรือหน้าจอขนาดเล็กจำนวนมากที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดภาพลวงตาในขนาดและขอบเขตที่กว้างใหญ่และคุณสามารถสร้างโลกได้เกือบทั้งใบด้วยสิ่งนี้”

“ผมชอบเรื่องราวที่คุณคิดว่าคุณรู้ว่าใครจะทำอะไรได้หรือไม่ได้แต่แล้วพวกเขาก็ทำให้คุณประหลาดใจ”แม็คลัคแลนพูดถึงธีมหลักของซีรีส์เรื่องนี้ “ในซีรีส์เรื่องนี้มันคือเรื่องของลูซี่เลยเธอเป็นคนกล้าหาญและมีความสามารถแต่เธอจะรอดจากงานหนักๆได้หรือเปล่าเวลาดูซีรีส์เราทุกคนอยากจะเชื่อว่าเราจะเป็นผู้รอดชีวิตด้วยเหมือนกันซึ่งผมคิดว่าFallout ทำออกมาได้ดีจริงๆ”

“Fallout ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู” อัดแน่นไปด้วยหมัดเด็ดในทุกตอนตลอดทั้งซีซั่น ซีรีส์เรื่องนี้จะพาไปสำรวจคำถามสำคัญว่าด้วยความสามารถของมนุษยชาติในการเอาตัวรอดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับโอกาสที่จะสูญพันธุ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังส่งมอบความบันเทิงและเสียงหัวเราะแบบจัดเต็ม สตรีมพร้อมกันวันเดียวครบทั้ง 8 ตอน พร้อมซับไทยและพากย์ไทย ในวันพฤหัสที่ 11 เมษายน 2024 ที่ Prime Video เท่านั้น

 

 

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกผจญภัยในโลกที่ทุกคนไม่เคยสัมผัสใน “Fallout ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู” 11 เมษายนนี้ ทาง Prime Video เท่านั้น