นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ - แพสชั่นโปรเจกต์ กับจุดกึ่งกลางระหว่างความซีเรียสแบบผู้ใหญ่ และเอนเนอจี้สดใสแบบเด็ก ๆ | Film to Watch Short Review

นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ - แพสชั่นโปรเจกต์ กับจุดกึ่งกลางระหว่างความซีเรียสแบบผู้ใหญ่ และเอนเนอจี้สดใสแบบเด็ก ๆ | Film to Watch Short Review

 

6 ปีที่แล้ว RiFF Studio บริษัทสร้างแอนิเมชั่นสัญชาติไทย ผู้อยู่เบื้องหลังงานสร้างสุดตระการตามากมาย ได้ปล่อยคลิปวิดีโอขนาดสั้น ‘RAAM: the bridge to Lanka [ Animated Film]’ ความยาวกว่า 46 วินาที เผยให้เห็นการผสานรวมระหว่าง ‘ศิลปวัฒนธรรมไทย’ และ ‘ความไซไฟ’ จนเหล่าผู้ชมทั้งไทยและเทศต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และปีนี้พวกเขาก็พร้อมแล้ว สำหรับออริจินอลคอนเทนต์เรื่องแรกของสตูดิโอ ที่หยิบเอา ‘รามเกียรติ์’ วรรณคดีชื่อก้องโลกของไทยมาปัดฝุ่นเล่าใหม่จนกลายเป็น “นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์” ผลงานแอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์ทุนสร้างสูงกว่า 200 ล้านบาท ที่คาดหวังสร้างปรากฏการณ์ Soft Power สไตล์ไทยให้ลุกผงาดขึ้นมาท้าสายตาชาวโลก

นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ คือภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่หยิบเอาวัตถุดิบขึ้นหิ้งจาก รามเกียรติ์ มาตีความใหม่ในรูปแบบ แอคชั่น ไซไฟ และแฟนตาซี ว่าด้วยเรื่องราวสงครามอวกาศมิติคู่ขนาน ณ กาแล็กซีอันไกลโพ้น ที่กินระยะเวลายาวนานกว่าพันปี ระหว่างกลุ่มภาคีจักรวาลทั้งเจ็ดอันประกอบด้วย มนุษย์ ลิง และภูต กับฝ่ายจักรวรรดิที่นำทัพโดยพวกยักษ์ อสูร และปีศาจร้าย โดยมีตำนานเก่าแก่เล่าขานเอาไว้ว่า เมื่อใดที่ดวงจันทร์ทั้งแปดเรียงตัวทอดยาวขนานกับทะเลแห่งความตาย เมื่อนั้น ‘นักรบมนตรา’ ในตำนานจะถือกำเนิดขึ้น เพื่อปกป้องผู้ถือครองพลัง ‘ศักติ’ อำเป็นอำนาจที่สร้างและทำลายทุกจักรวาลได้เพียงแค่ปลายนิ้ว โดยมี วายุ เวฬา และ บุษบา สามนักรบมนตราฝึกหัดภายใต้สังกัดของ สุครีพ มหาอุปราชแห่งดาววานารา ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่สามารถเปลี่ยนทิศทางของสงครามในครั้งนี้

ความคิดเห็นส่วนตัวของผมหลังดูจบ ก่อนอื่นเลยต้องขอชื่นชมทีมงานทุกภาคส่วนที่ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา สัมผัสได้เลยว่านี่คือแพสชั่นโปรเจกต์ที่ละเมียดในทุกรายละเอียด พหุจักรวาลและโลกแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้นมาได้ชวนตื่นตา ทุกการเคลื่อนไหว ฉากหลัง และฉากแอคชั่น ทุกอย่างสมบูรณ์พร้อมจริงๆ สมฐานะแอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องแรกจากสตูดิโอ แต่ในขณะเดียวกัน การหยิบเอาวัตถุดิบขึ้นหิ้งอย่าง รามเกียรติ์  มาตีความเล่าใหม่ เริ่มต้นตั้งแต่การเซ็ตติ้งจักรวาล เซ็ตติ้งสงคราม เซ็ตติ้งเงื่อนไขต่าง ๆ คู่ขนานไปกับพล็อตเรื่องหลักที่ร้อยเรียงเป็นเส้นตรง เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน รวมไปถึงปูมหลังของตัวละครที่ก็ชวนให้น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

ทว่าในแง่ของภาพรวมนั้น ส่วนตัวผมคิดว่า นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ วางสถานะโทนเรื่องให้ยืนอยู่จุดกึ่งกลางระหว่างความซีเรียสแบบผู้ใหญ่ ที่ดราม่าชงเข้มแบบจริงจัง เคี่ยวกรำตัวละครให้เติบโตได้แบบกำลังดี มีดราม่าที่โอเค กับเอนเนอจี้ความสดใสแบบเด็ก ๆ ที่บางครั้ง บางจังหวะก็ดันมีแก้ไขปัญหายาก ๆ ด้วยวิธีการง่าย ๆ และดันใส่เหตุผลมาให้เราจำยอมต่อหลักฐานได้เฉยเลย ซึ่งพอมันดำเนินเรื่องสลับไปมากับพาร์ทดราม่าแล้ว จุดกึ่งกลางที่ว่ามานี้ดันเล่าได้ไม่ค่อยสมดุลสักเท่าไหร่ โทนที่กำลังดูซีเรียสๆ อยู่ก็มีสายรุ้งสดใสปรากฎแทรกเข้ามา มันก็เลยกลายเป็นความรู้สึกที่ว่า มึนงงประมาณนึง ตกลงแล้วจะเอายังไงกันแน่นะ ไหนจะสายตาที่โคตรจะ Male Gaze ที่ปรากฏให้เห็นประมาณนึงอีก กราฟความรู้สึกที่กำลังดีระหว่างดูมันก็เลยปั่นป่วน ขึ้น ๆ ลง ๆ ในบางจังหวะ

ถึงกระนั้นผมก็เป็นอีกคนนะครับที่เชียร์ให้ นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ มีรายได้และกระแสที่ดี เพราะสิ่งที่แอนิเมชั่นเรื่องนี้ปูทางไว้นั้นน่าสนใจมาก จักรวาลอันกว้างใหญ่แห่งนี้ยังมีพื้นที่ให้ถูกเล่าต่อได้อีกเยอะ สมกับการเป็นแพสชั่นโปรเจกต์ที่สุดแสนจะทะเยอทะยาน พร้อมขายความ Soft Power แบบไทย ๆ ให้ร่วมสมัยได้อย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งอะไรแบบนี้ก็ไม่ได้มีออกมาให้ดูกันปล่อยนัก

นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์ ถ้าหากสนใจก็อย่าลืมไปอุดหนุนผลงานสไตล์แอคชั่น ไซไฟ และแฟนตาซีของคนไทยกันเยอะ ๆ นะครับ

แพสชั่นโปรเจกต์ Soft Power แบบไทย ๆ กับจุดกึ่งกลางระหว่างความซีเรียสแบบผู้ใหญ่ และเอนเนอจี้สดใสแบบเด็ก ๆ | นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ - Film to Watch Short Review