วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส และ ซีเอ็มซี พิกเจอร์ส นำเสนอ เตรียมสัมผัสความตื่นเต้นที่จะทำให้อะดรีนาลีนของคุณพุ่งพล่านอีกครั้ง ในภาพยนตร์เรื่อง “Meg 2: The Trench เม็ก 2: อภิมหาโคตรหลามร่องนรก” ผลงานความระทึกขวัญที่เหนือกว่าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ภาคแรกในปี 2018 กับฉากแอ็คชั่นที่เข้มข้นขึ้น พบกับฝูงเม็กส์ขนาดใหญ่ที่หลากหลาย และหลากเซอร์ไพรส์อีกมากมาย!

ดำดิ่งลงไปใต้น้ำพร้อมกับ เจสัน สเตแธม และอีกหนึ่งนักแสดงแอ็คชั่นชื่อดังจากฝั่งเอเชีย อู๋จิง พวกเขาทั้งสองคนจะนำทีมผู้กล้าไปดำน้ำสำรวจมหาสมุทรใต้ท้องทะเลลึก กับการผจญภัยที่เต็มไปด้วยอุปสรรคจนทำให้พวกเขาต้องต่อสู้เสี่ยงตายเพื่อหาทางเอาชีวิตรอด ท่ามกลางฝูงเม็กส์ขนาดยักษ์และเหล่าสัตว์ร้ายจากใต้ทะลลึก

ฮีโร่ของเราต้องหาทางเอาชนะ หลอกล่อ และว่ายน้ำไปพร้อมกับฝูงนักล่าที่จะมาสร้างความระทึกขวัญ เตรียมตัวให้ดี แล้วมาสัมผัสกับประสบการณ์สุดตื่นเต้นและความสนุกอันไร้ขีดจำกัดแห่งปี! กับ “Meg 2: The Trench เม็ก 2: อภิมหาโคตรหลามร่องนรก” นำแสดงโดย เจสัน สเตแธม และ อู๋ จิง ร่วมด้วย โซเฟีย ไช่ (The Meg), เพจ เคนเนดี้ (The Meg), เซอร์จิโอ เปริส-เมนเชตา (Rambo: Last Blood), สกายเลอร์ ซามูเอลส์ (The Gifted), เซียนน่า กิลเลอร์รี่ย์ (Resident Evil) และ คลิฟฟ์ เคอร์ติส (Avatar)

ฝูงนักล่า : จุดเริ่มต้นพัฒนาการของเหล่าสิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์ในเรื่อง Meg 2: The Trench เริ่มจากเบื้องลึกในทะเลแปซิฟิคที่ความลึกมากกว่า 25,000 ฟีตและมีความอบอุ่นจากช่องกระแสน้ำ จึงเป็นบรรยากาศที่เอื้อต่อการเปิดระบบนิเวศวิทยาอันซับซ้อนจากโลกเมื่อหลายล้านปีด้วยกระแสน้ำ รวมถึงผืนทรายด้านล่างท้องมหาสมุทรที่ถูกกลุ่มไฮโดรเจนซัลไฟด์ปกคลุมโลกอันลึกลับที่อยู่เบื้องล่าง

สำหรับครั้งนี้ ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ตั้งใจจะสร้างเม็กในเรื่องให้โดดเด่นและยิ่งใหญ่ที่สุด สะท้อนประสบการณ์การล่าอันโชกโชนที่ถูกซ่อนไว้ในรอยแผลเป็น และตั้งใจให้มันมีความโหดเหี้ยมมากกว่าสิ่งใดที่เคยเห็นมาก่อนในภาพยนตร์ภาคแรก ผู้กำกับ เบน วีทลีย์ (In the Earth, Free Fire) เล่าว่า “เม็กผ่านการต่อสู้มาอย่างสาหัส”

ทีมผู้สร้างได้รวบรวมแง่มุมทางประวัติศาสตร์ของพวกเม็กเอาไว้ โดยการสร้างนักล่าในแบบของพวกเขาเอง จากอดีตของมันที่ยาวนานเกินกว่า 2 ยุคสมัย และผุดขึ้นมาจากชั้นเทอร์โมไคลน์ของล้วงทะเลลึก

นอกจากนี้ยังมี สแนปเปอร์ส นักล่าที่ได้แรงบันดาลใจมาจากไดโนเสาร์ที่มีชื่อว่า โคเรียโนซอรัส เป็นพวกสัตว์กินพืช เดิน 4 ขา มีจงอยปากเหมือนนก ทีมผู้สร้างได้คิดสแนปเปอร์ขึ้นมาให้กินเนื้อได้เพียงเล็กน้อย มีกล้ามเนื้อ ฟันแหลม และกินได้อย่างไม่รู้จักอิ่ม เบน วีทลีย์ เล่าว่า “มันคือหนึ่งในตัวเอกแห่งตำนาน พวกมันไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ผู้ชมอาจรู้สึกเสียใจกับพวกมันด้วยซ้ำ” ปิดท้ายด้วย เมกา-ออคโตปุส ผู้ล่าที่ถูกลำดับขั้นเอาไว้ว่า “น่ากลัวน้อยกว่าเม็กเพียงเล็กน้อย” สิ่งมีชีวิตในทะเลจำนวนมากถูกทำลายลง และเมื่อเกิดเหตุการณ์ท้องทะเลตื้นขึ้น

การคิดทุกท่วงท่าอันน่ากลัวของเม็กขึ้นมามีจุดเริ่มต้นเดียวกัน เบน วีทลีย์ กล่าวว่า “ทุกท่วงท่าของฉลามเริ่มจากดินสอ ผมนั่งวาดรูปเองและคิดว่าคงสนุกดีถ้าได้เห็นภาพมัน ต่อมาผมได้เข้าไปหาศิลปินผู้วาดสตอรี่บอร์ด และเราช่วยกันคิดว่าฉากนั้นควรจะออกมาแบบไหน ต่อมาคือหน้าที่ของผู้สร้างภาพเคลื่อนไหวบนคอมพิวเตอร์ เขาจะสร้างภาพเวอร์ชันหนึ่งขึ้นมา จากนั้นเราจะนำมาตัดต่อใส่ในภาพยนตร์ และเราก็จะเริ่มถ่ายทำกัน” มันมีหลายขั้นตอนต่อเนื่องกัน และการผจญภัยเผชิญหน้ากับฉลามทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ดินสอมาจนถึงในภาพยนตร์ ใช้เวลาราว 6 เดือน สำหรับผู้กำกับฯ เมื่อเม็กมาอยู่ในช่วงขั้นตอนหลังการถ่ายทำได้ “เราต่างพูดว่า ‘โอ้ พระเจ้า!’”

โดยสตอรี่บอร์ดทั้งหมดที่รวบรวมไว้สำหรับภาพยนตร์ มีจำนวนภาพวาดรวมราว 5,000 แผ่น!

เหล่ามนุษย์ : สำหรับผู้กำกับ เบน วีทลีย์ สรุปเอาไว้อย่างเรียบง่ายสั้นๆ ว่า “นี่คือการปลุก The Meg และพลิกโฉมครั้งใหญ่ มีสิ่งมีชีวิตที่ตัวใหญ่ขึ้น ฉากแอ็คชั่นยิ่งใหญ่ขึ้น สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ขึ้น บรรยากาศที่ยิ่งใหญ่ขี้น ทุกอย่างยิ่งใหญ่อลังการขึ้น”

ผู้อำนวยการสร้างฯ ลอเรนโซ ดี โบนาเวนทูรา (The Meg, Bumblebee) ยอมรับว่า “ในภาคแรกไม่ค่อยแน่ใจว่าจะเล่นมุกตลกกับผู้ชมอย่างไร แต่พวกเขาก็คิดได้ว่า พวกเราอย่าเครียดกันเกินไปเลย สร้างความสนุกและฉากน่ากลัวกันดีกว่า ในภาคนี้เราจะเห็นความน่ากลัวมากขึ้น และความโหดเหี้ยมทั้งด้านล่างและเหนือน้ำ นักแสดงชื่อดังระดับโลกอย่าง เจสัน สเตแธม และ อู๋ จิง รวมถึงนักแสดงหน้าใหม่อีกหลายคน ฉากแอ็คชั่นอีกมากมาย และเหล่าเม็กที่เยอะขึ้น มีความสมดุลระหว่างการเตือนให้พวกเขานึกถึงสิ่งที่ตัวเองรักและตัวละครที่พวกเขารัก รวมถึงการพบกับประสบการณ์ใหม่ของพวกเขา”

ผู้อำนวยการสร้างฯ เบลล์ เอเวอรี (The Meg, Before the Devil Knows You’re Dead) เล่าว่า “ทุกคนจะได้เซอร์ไพรส์กับความสนุกในความเป็น The Meg เพราะเราจะเครียดมากไม่ได้เลยเวลาที่สร้างหนังเกี่ยวกับฉลามขนาดยักษ์ มันเลยต้องสนุกเข้าไว้ และสร้างโทนเรื่องที่มีความสดใส เราสร้างให้มีพวกสิ่งมีชีวิตมากขึ้น พวกเม็กมีตัวตนในแบบของตัวเอง และได้ค้นพบอะไรมากขึ้นในท้องทะเล ฉันคิดว่านั่นคือสิ่งสำคัญคะ มนุษย์คือผู้ที่ทำลายหลายสิ่ง และเราะนำเสนอเรื่องนั้น แต่เหมือนที่โจนาสเล่าไว้ในภาคแรกว่า เม็กสู้กับมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม เราจะได้เห็นกันในภาคนี้ด้วย แต่เป็นความโหดเหี้ยมที่สนุก”

เจสัน สเตแธม ทุ่มเทการแสดงฉากผาดโผนด้วยตัวเอง ถ้าเห็นนักแสดงขี่เจ็ตสกีกลางน้ำ แน่นอนว่าต้องเป็นเขา เบน วีทลีย์ ผู้กำกับเล่าว่า “เพราะโครงสร้างใบหน้าคือสิ่งที่ยากจะปลอมได้ หากเราต้องตีลังกากลับหัวเราก็ต้อทำแบบนั้นจริงๆ เราให้เขาอยู่บนเครื่องห้อยโหนขนาดยักษ์ และเราจะเหนี่ยวไกหมุนเขาไปรอบตัว สาดน้ำไปที่หน้าของเขา เราอยากใช้การจำลองฉากน้อยที่สุด เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเขาเล่นเองเลย แน่นอนว่าไม่ใช่การกระโดดใส่คลื่นยักษ์ แต่เขาขี่เจ็ตสกีได้เร็วมาก น่ากลัวด้วย เราดูบนจอแล้วต้องพูดว่า กลับมาได้แล้ว ใช้ได้แล้ว!”

อู๋ จิง นักแสดงอีกหนึ่งท่าน อีกทั้งยังเป็นนักดำน้ำที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วได้กล่าวว่า “บอกตามตรงเลย ผมกลัวพวกหนังสัตว์ประหลาดมาก ให้ผมกระโดดออกจากตึกสูงยังง่ายซะกว่า และการต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาดในจินตนาการน่ะหรือ? ก็เป็นเรื่องที่ยากมากเลย”

ช่วงหนึ่งระหว่างการถ่ายทำฉากระเบิด อู๋ จิง อาสาขอติดกล้องไว้กับตัวเพื่อถ่ายภาพโคลสอัพในฉากระเบิดจริง วีทลีย์อธิบายว่า “เราถายทำฉากนั้นไม่กี่ครั้ง และมันก็ออกมาดีมาก ทำให้ผู้ชมได้เข้าไปอยู่เหตุการณ์นั้นจริงๆ เขาพร้อมที่จะแสดงทุกอย่างและไม่เคยบ่นเลย ผมคิดว่าเขายอมหักขาตัวเองโดยที่พร้อมพูดว่า ครับ ผมสบายดี”

ไม่มีที่ใดปลอดภัยถ้าพวกมันล่า! “เจสัน สเตแธม” กลับมานำทีมเผชิญหน้ากับฝูงโคตรอภิมหาจากใต้น้ำลึกอีกครั้ง “Meg 2: The Trench เม็ก 2: อภิมหาโคตรหลามร่องนรก” หนีตายพร้อมกัน 2 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์