“อีจองแจ” จาก Squid Game สู่เส้นทางระดับโลกและก้าวสำคัญครั้งแรกในบทบาท “ผู้กำกับ” ในหนังแอ็กชัน-สายลับสุดเดือดแห่งปี “Hunt ล่าคนปลอมคน”

“อีจองแจ” จาก Squid Game สู่เส้นทางระดับโลกและก้าวสำคัญครั้งแรกในบทบาท “ผู้กำกับ” ในหนังแอ็กชัน-สายลับสุดเดือดแห่งปี “Hunt ล่าคนปลอมคน”

 

อีจองแจ” นักแสดงเกาหลีชื่อดังผู้ก้าวขึ้นมาสู่ความเป็นนักแสดงระดับโลกหลังจากฝากผลงานในซีรี่ส์ชื่อดังอย่าง Squid Game ปี 2021 ด้วยความสามารถที่โดดเด่นทำให้เขาคว้ารางวัล SAG Awards รวมถึงถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำและรางวัล Emmy Award ทำให้เขากลายเป็นที่กล่าวขาน และถูกยกให้เป็นนักแสดงคุณภาพระดับเอลิสต์จนเป็นที่รู้จักในระดับสากล

ในปี 2022 ถือเป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญกับการขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับเขียนบทครั้งแรกรวมถึงแสดงนำในผลงานแอ็กชัน-สายลับสุดเดือดแห่งปี “Hunt ล่าคนปลอมคน” พร้อมกับสร้างปรากฏการณ์พาผลงานเรื่องแรกของเขาไปฉายโชว์ในรอบ Midnight Screen ในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีล่าสุดซึ่งผู้กำกับน้อยคนนักที่จะสามารถมาอยู่ในจุดนี้ได้โดยหลังจากฉายภาพยนตร์จบเขายังได้รับเสียงปรบมือ (Standing Ovation) ยาวนานกว่า 7 นาทีพร้อมกวาดคำชมมาอย่างล้นหลามเมื่อภาพยนตร์เข้าฉายในประเทศเกาหลียังกระแสแรงจนเปิดตัวอันดับ 1 บ๊อกซ์ออฟฟิศของเกาหลีมีผู้ชมกว่า 2 ล้านคนอีกด้วย

เส้นทางกว่า 30 ปีของเขาเริ่มจากผลงานเรื่องแรกตั้งแต่ปี 1993 และสามารถคว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมได้จาก The Young Man ต่อด้วย Sandglass, City of The Rising Sun จนมาถึงผลงานภาพยนตร์รักโรแมนติคอย่าง Il Mare ที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักและมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น The Housemaid, The Thieves, New World, Assaination รวมถึงหนังบล็อกบลัสเตอร์อย่าง Along with the Gods, Deliver Us From Evil และซี่รี่ส์สุดฮอต Squid Game ส่งให้เขาได้รับโอกาสมากมาย รวมทั้งมีประสบการณ์ที่ยาวนานเป็นสิบปี จนก้าวเข้าสู่อีกสเต็ปของการทำงานที่นอกเหนือจากงานแสดง

และผลงานใหม่ของเขากับครั้งแรกของการกำกับภาพยนตร์เขียนบทและแสดงนำในหนังแอ็กชันสายลับสุดเดือด “Hunt ล่าคนปลอมคน” ซึ่งทำให้อีจองแจถึงขั้นนอนไม่หลับทั้งคืน “อีจองแจ” ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาว่า

ความรู้สึกที่ HUNT ได้ถูกเชิญอย่างเป็นทางการในมิดไนท์สกรีนนิ่งงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 75

อีจองแจ : มีหลายคนที่มองเห็นความสนุกและประเด็นของเรื่อง ภาพยนตร์เรื่องนี้เราร่วมแรงร่วมใจสร้างกันขึ้นมา ก็ต้องขอบคุณทั้งเหล่าทีมงานและนักแสดงทุกท่านมาก ๆ ครับในตอนท้ายของการฉายภาพยนตร์ ผมทั้งตกใจและเขินที่ได้รับเสียงปรบมือนานที่สุดที่เคยได้รับในชีวิต

HUNT เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับอะไร

อีจองแจ : HUNT เป็นภาพยนตร์แอ็กชันสายลับชิงไหวชิงพริบกัน มันเล่าเรื่องของคนที่ต้องทำอะไรขัดกับความเชื่อและหลักการของตัวเอง เรื่องราวของการตามหาสายลับที่แฝงตัวอยู่ในองค์กร KCIA โดยผมรับบท พัคพยองโฮ และ คิมจองโด รับบทโดย จองอูซอง ระหว่างการค้นหาตัวสายลับ ทำให้ทั้งสองคนเกิดความสงสัยในกันและกัน และต้องมาเจอกับคดีลอบสังหารคนสำคัญเบอร์หนึ่งของเกาหลีทำให้เกิดเรื่องพลิกล็อคและเข้มข้นขึ้นไปเรื่อย ๆ ครับ

ถ้าจะให้แนะนำตัวละคร พัคคยองโฮ ที่รับบทในเรื่อง HUNT ในฐานะนักแสดง?

อีจองแจ : ตัวละคร พัคพยองโฮ ที่ผมรับบทในเรื่อง HUNT ในฐานะหัวหน้าทีมหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ เป็นคนที่ใช้เหตุผลแล้วก็เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่ห่วงใยเพื่อนร่วมงาน แต่พอได้รู้ข่าวว่ามีสายลับอยู่ในองค์กรก็ต้องมาระแวงเพื่อนร่วมงานไป จนถึงถูกสงสัยว่าตัวเขาเองก็คือสายลับ แต่ก็ยังพยายามสุดตัวเพื่อจะตามหาสายลับที่ซ่อนอยู่ในองค์กรครับ

คุณแยกระหว่าง พยองโฮ ที่ทำงานให้ KCIAมา 13 ปีกับอดีตทหารบกอย่าง จองโด ผ่านเครื่องแต่งกายและทรงผมได้อย่างไร

อีจองแจ : หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครชายส่วนใหญ่ เป็นเจ้าหน้าที่ KCIA ดังนั้นทั้งชนิดเสื้อผ้าและสีสันจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ทีมเสื้อผ้าเตรียมเนกไทวินเทจและเครื่องประดับจากยุคนั้นไว้เพียบ เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของแต่ละตัวละครออกมา พวกเขาช่วยกันออกแบบเครื่องแบบของทหารไทย, ตำรวจ, เจ้าหน้าที่รัฐ และคนจากกองทัพ

คาแรกเตอร์ของตัวละครใน HUNT คุณวางแต่ละคนเป็นแบบไหน

อีจองแจ : ผมอยากให้ตัวละครทุกตัวมีคุณค่า จองโด ผมอยากให้เขาเริ่มจากการเป็นคนเยือกเย็นไปจนถึงที่เขาบันดาลโทสะแบบไม่เลือกหน้าในช่วงท้าย, จูคยอง เป็นตัวโจ๊กตัวเดียวในเรื่องแต่เขาจำเป็นต่อจุดหักมุมของเรื่องมาก, ชอลซอง เป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของจอมทรราช ผมอยากให้เขาเป็นบัวใต้ตมไม่เคยรู้ตัวว่าโดนล้างสมองมาตลอด, ยูจอง ไม่ได้โผล่มาบ่อย แต่เธอเป็นตัวละครที่ใกล้ชิดกับตัวละครปริศนาของเรื่องที่สุด เธอขยะแขยงในการกระทำของคนรุ่นก่อน แต่เธอได้คำตอบของชีวิตที่เฝ้าตามหาจาก พยองโฮ

HUNT มีส่วนผสมของแอ็กชันดราม่า-สายลับ แต่ยังมีความเป็นสงครามจิตวิทยาที่สองตัวละครนำทำใส่กันตลอดทั้งเรื่อง คุณถ่ายทอดประเด็นดังกล่าวลงในหนังได้อย่างไร?

อีจองแจ : มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้ พยองโฮ และ จองโด เจอกับเรื่องคอขาดบาดบาดตายเสมอ ให้พวกเขาห้ำหั่นกันตลอด เมื่อเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาถูกเปิดเผยในองก์ที่สามของเรื่อง ประเด็นมันจะยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น การผูกเรื่องในองก์แรกและองก์ที่สองมันยากพอสมควร

ระหว่างการกำกับเรื่อง HUNT ให้ความสำคัญกับจุดไหนบ้าง?

อีจองแจ : ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องมีความสนุกก็จริง แต่ว่าผมคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้พูดคุยกับหลาย ๆ คนเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ถึงแม้จะนำเรื่องที่เกิดในยุค 80 ขึ้นมาทำแต่ผมคิดว่ายุค 80 กับตอนนี้มีจุดที่ไม่แตกต่างกันอยู่ ทั้งเรื่องราวในจุดเหล่านั้น ทั้งความคิดอื่น ๆ ที่ตัวละครมีอยู่ การลองถ่ายทอดสิ่งที่คิดออกมา ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญมากครับ จะต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนสำหรับตัวละคร เพื่อให้พวกเขาปะทะกันอย่างร้อนแรง และผมหวังว่าการปะทะกันที่ดุเดือดนี้จะเต็มหน้าจอ พวกประเด็นที่ต้องไม่ให้เห็นเยอะไป เราก็ต้องมานั่งคิดด้วยกัน

คุณเองก็รับบทในเรื่องนี้ เหมือนกันเรามั่นใจว่าประสบการณ์ในฐานะนักแสดงที่ผ่านมาของคุณ มีผลกับวิธีที่คุณกำกับนักแสดงในเรื่อง คุณมีจุดไหนที่เน้นเป็นพิเศษหรือไม่?

อีจองแจ : ที่ผ่านมาถ้าสถานการณ์ในบทมันน่าเชื่อและมีฉากที่เสริมกัน การแสดงของผมมันจะออกมาตามธรรมชาติ แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมพยายามถ่ายทอดสิ่งที่ผู้กำกับต้องการออกมามากที่สุดเท่าที่ทำได้ ระหว่างขั้นเตรียมงานและการซ้อมบทมันมีบางจุดที่ผมแก้ไดอะล็อกตามฟีดแบ็กจากนักแสดง ขณะที่บางครั้งผมต้องกล่อมให้พวกเขายอมเล่นบางซีนที่พวกเขารู้สึกไม่สบายใจบ้างเหมือนกัน

HUNT ที่แตกต่างกับภาพยนตร์สายลับอื่นๆอย่างไร?

อีจองแจ : ผมมองว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ต่อสู้เพื่อให้อุดมการณ์ของเขา กลายมาเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าเล่าเรื่องเกาหลีเหนือและใต้เวลาดูหนังสายลับ จะมีคดีหรือสถานการณ์ที่แต่ละตัวละครเผชิญอยู่ ทำให้รู้สึกลุ้นระทึกมาก พวกเราเองก็คิดมาเยอะมากว่าจะทำสายลับในแบบเกาหลียังไงให้ต่างจากหนังสายลับอื่น ๆ นั้น ปกติหนังสายลับส่วนใหญ่จะเป็นการทิ้งปริศนาให้ผู้ชมได้ปะติดปะต่อเรื่องเอา แต่ผมเขียนบทออกมาเพราะต้องการสร้างภาพยนตร์ที่มีความเข้มข้น โดยมีการพลิกกลับทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็กและคลี่คลาย อย่างผมพยายามไม่ทำให้เรื่องราวซับซ้อนเกินกว่าจะติดตามได้และแค่หวังว่าผู้ชมจะเพลิดเพลินกับมัน

ในเรื่อง HUNT ต้องรับหน้าที่ทั้งเขียนบทกำกับไปจนถึงนักแสดงคนเดียวสามตำแหน่งคงจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย?

อีจองแจ : ความจริงแล้วผมซื้อลิขสิทธิ์ของเนื้อเรื่องมาตั้งใจจะเป็นแค่ผู้จัดอย่างเดียว แต่การมานั่งรอทุกวันเป็นเรื่องยากครับรู้สึกอึดอัดและเสียดายกับเวลาที่ผ่านไป ก็เลยเริ่มเขียนบทด้วยตัวเองครับ แล้วพอเขียนมาตลอดสี่ปี การเรียบเรียงสิ่งที่เขียน การทำโปรเจกต์ในแต่ละหัวข้อ การสร้างคาแรกเตอร์ให้กลมกล่อม ผมได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างที่บอกว่าน่าจะลองมากำกับเองดู จนสุดท้ายก็ได้มากำกับด้วยครับ

บรรยากาศในกองถ่ายที่ได้มีนักแสดง จองอูซอง ที่เป็นเพื่อนสนิทเป็นยังไงบ้าง?

อีจองแจ : เราคุยกันเยอะมากเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ หลังจากเคยร่วมงานกันใน City of the Rising Sun เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เราพยายามทำให้มันเป็นไปได้ และแม้แต่เขียนบทด้วยกัน ณ จุดหนึ่งแต่มันก็ไม่เคยปรากฏเป็นภาพยนตร์เลย จนมาถึงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมรู้สึกกระตือรือร้นมากที่จะมีเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากให้คนพูดว่า จองอูซอ ดูดีที่สุดบนหน้าจอเมื่อเขาถูกยิงโดย อีจองแจ

ในกองถ่ายก็ยุ่งกับการดูแลกันและกันครับ สำหรับผมที่ต้องตั้งใจกำกับให้ จองโด ออกมาเท่มากที่สุด ตรงกันข้ามกับคุณอูซอง ที่เห็นว่ายิ่งเวลาผ่านไปผมก็ยิ่งหมดแรงคงคิดว่า “เพื่อนฉันอาจจะตายไปแบบนี้ก็ได้” ก็คอยจัดวิตามินให้ผมกิน สำหรับตอนนี้แค่อยู่ข้าง  ๆกันก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว ถึงวันไหนไม่มีคิวถ่ายแค่มาอยู่ข้าง ๆ ก็เป็นกำลังใจมากที่สุดแล้วครับ

คุณได้การปรึกษาด้านใดเป็นพิเศษ เกี่ยวกับการถ่ายทอดภาพในหัวของคุณออกมาในภาพยนตร์บ้าง?

อีจองแจ : ผมอยากลองอะไรใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สี, องค์ประกอบภาพ, แม้แต่สถานที่ถ่ายทำทีมกล้องต้องเจออุปสรรคมากมายระหว่างการถ่ายทำ ผมว่าพวกเขาเจอหนักสุดแล้วล่ะ รวมถึงทีมสตั้นท์ เพราะผมต้องการให้ฉากแอ็กชันในเรื่องทุกฉากดูทรงพลังและสมจริง ผมอยากผลักมันไปจนสุดขอบ แต่ยังเก็บรายละเอียดไว้ครบถ้วน

คุณสร้างเกาหลีใต้ยุค 80 ในเรื่องออกมาได้อย่างไร?

อีจองแจ : ปัญหาใหญ่เลย คือมันไม่มีโลเกชันไหนที่ให้บรรยากาศแบบยุค 80 ชนิดที่ครบจบในที่เดียว แถมงบเราก็ไม่ได้มากพอที่จะเนรมิตขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด แต่ทีมงานของเราทำได้ดีมาก พวกเขาเอาชนะอุปสรรคและหาจุดที่ลงตัวพบ โดยเฉพาะกับฉากที่เราจำลองวอชิงตัน, โตเกียว และประเทศไทย เราถ่ายทั้งหมดในเกาหลี แม้ว่าขั้นเตรียมงานแทบจะเรียกได้ว่ารากเลือด แต่ผลที่ออกมาทำให้พวกเราลืมความลำบากในตอนนั้นไปปลิดทิ้ง

คอนเซ็ปต์เบื้องหลังฉากต่อสู้ที่เป็นไฮไลท์ของภาพยนตร์ HUNT?

อีจองแจ : ความเดือด ความสมจริง และรายละเอียด คือสามสิ่งที่สำคัญที่สุด ผมทำสตอรี่บอร์ดกับแผนกเทคนิกพิเศษ, ทีมสตันท์ และทีมซีจี แน่นอนว่ามันไม่ใช่งานง่าย แต่มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เราถ่ายทำกันได้ราบรื่น ผมอยากให้มันมีขับรถไล่ล่าวิ่งไล่กันตามถนน, การระเบิด และการสาดกระสุนกันเหมือนกำลังอยู่ในสนามรบ ผมยังต้องการให้ทั้งหมดนั่นออกมาดูสดใหม่ ซึ่งทีมงานทุกคนไม่ทำให้ผมผิดหวัง

เราได้ยินว่า คุณเปลี่ยนเทคนิคระเบิดในเรื่องนี้ให้ใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ คุณมีเหตุผลใดเป็นพิเศษไหม?

อีจองแจ : ผมเป็นนักแสดงมานาน ผมเข้าใจหัวอกพวกเขาดี ผมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและสุขภาพของทีมงานทุกคน เราเลยเลือกใช้ข้าวสาลีป่นแทนส่วนผสมที่เป็นเคมี

อยากจะพูดอะไรกับผู้ชมที่จะได้พบกับ HUNT ในโรงภาพยนตร์

อีจองแจ : แน่นอนว่าฉากแอ็กชันตระการตาเป็นส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้ แต่ผมอยากให้แน่ใจว่าผู้ชมจะอินไปกับเนื้อเรื่องอึ้งไปกับทุกจุดหักมุมและเอาใจช่วยสองตัวละครนำ ถึงพวกเราจะบอกว่าเป็นหนังประเภทสายลับก็จริง แต่เนื้อหาไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น อาจจะคิดว่าขั้นตอนการสืบสวนหาคนร้ายไม่ได้ซับซ้อน แต่ความจริงแล้วเราได้อธิบายไว้ให้เข้าใจแบบง่าย ๆ ต่างหาก เข้าไปดูแบบสบาย ๆ ได้เลยครับ แต่ว่าเรื่องอาจจะดำเนินไปอย่างรวดเร็วมาก แค่สนุกไปกับความเร็วพวกนั้นก็พอครับ

พบกับผลงานเรื่องล่าสุดของนักแสดงชื่อดังระดับโลก อีจองแจ กับความทุ่มเททั้งกำกับเขียนบท และแสดงนำ ในภาพยนตร์แอ็กชัน-สายลับสุดเดือดแห่งปี Hunt ล่าคนปลอมคน” ภาพยนตร์เกาหลีที่โด่งดังทั่วโลก และได้รับกระแสการตอบรับอย่างล้นหลาม จนถูกจำหน่ายไปแล้วกว่า 140 ประเทศ สำหรับประเทศไทยเตรียมมันส์ระห่ำพร้อมกัน 1 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

“อีจองแจ” จาก Squid Game กับเส้นทางความสำเร็จแบบก้าวกระโดด สู่เส้นทางระดับโลกและก้าวสำคัญครั้งแรกในบทบาท “ผู้กำกับ” อุทิศตัวตนกว่า 4 ปีสู่ปฏิบัติการล่าสะเทือนคาบสมุทร ในหนังแอ็กชัน-สายลับสุดเดือดแห่งปี “Hunt ล่าคนปลอมคน”