Don’t Spot Can’t Spot เมื่อไม่มีพรสวรรค์ จงใช้พรแสวง "โอ๋ สุวัฒน์ ทับพันธ์"

Don’t Spot Can’t Spot เมื่อไม่มีพรสวรรค์ จงใช้พรแสวง "โอ๋ สุวัฒน์ ทับพันธ์"

   เมื่อนึกถึงชื่อของบรรดาสื่อต่าง ๆ ในแวดวงเครื่องยนต์รถซิ่ง MO-eMAG ถือเป็นหนึ่งในสื่อแนวหน้าที่คอยสร้างขับเคลื่อนให้กับเหล่าสหาย คอยผลักดันวงการนี้ให้ก้าวเดินไปข้างหน้าอยู่เสมอ ภายใต้การบริหารของคุณโอ๋ สุวัฒน์ ทับพันธ์ หรือที่รู้จักกันในนาม โอ๋ MO-eMAG กับเรื่องราวชีวิตที่พิสูจน์ให้เราได้เห็นว่า หากไม่มีพรสวรรค์ จงอย่าละทิ้งพรแสวง  

   “ผมเป็นคนไม่มีพรสวรรค์ เราต้องพยายามอย่างเดียว เราต้องมีพรแสวง ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าพรแสวงมันทำได้ แต่พอได้ลองพยายามดูแล้วมันทำได้ เราก็เลยพยายามต่อมาเรื่อย ๆ ถ้าใจคิดว่าทำได้ เราก็ต้องพยายามทำให้ได้ครับ”

Starting Point

   “จุดเริ่มต้นของความชอบรถซิ่งเกิดจากการที่ผมเลือกเรียนศิลปะครับ เราชอบวาด ๆ เขียน ๆ มาตั้งแต่เด็ก เหมือนกับว่ามันทำให้เราไม่มีชีวิตที่ซ้ำซากจำเจแบบเดิม ๆ ดูแล้วมันก็น่าจะเกี่ยวข้องกับคำว่า Modify อยู่เหมือนกัน

    “ตอนผมเรียน เพาะช่างและไทยวิจิตรศิลป อยู่ในแวดวงของศิลปะ เราเห็นรถโฟล์คเห็นเวสป้า จอดอยู่เต็มโรงเรียนไปหมด ส่วนตัวผมรู้สึกเบื่อก็เลยคุยกับเพื่อนว่าเล่นรถซิ่งกันดีกว่า เพราะการขับรถซิ่งมันเหมือนเราได้ปลดล็อคอะไรบางอย่าง เวลาหลับตาฟังเสียงเครื่องยนต์แล้วมันได้ยินเสียงคนตะโกน เสียงของคนที่ได้ปล่อยพลังอย่างเต็มที่ ไม่มีขีดจำกัด

   “ผมใช้เวลาสอบเข้าเพาะช่าง 2 ปี ปีแรกสอบไม่ติด ตอนนั้นแม่เขาอยากให้เราไปเรียนเอกชนจะได้ไม่เสียเวลา แต่ใจอยากเรียนที่นี่ ขอลุยกับมันหน่อย เรายังไม่ยอมแพ้ ผมก็เลยไปทำงานด้านอินทีเรียร์ดีไซน์ เป็นดราฟแมน พอทำงานไปได้ซักครึ่งปีเราก็ไปติวด้านศิลปะแล้วกลับมาสอบเข้าเพาะช่างอีกครั้ง

   “ถามว่าทำไมเราไม่ไปเรียนทางสายเครื่องยนต์ อาจเป็นเพราะเราเป็นคนสะเพร่า ลืมนู่นลืมนี่แล้วก็ไปทำของเขาพัง ผมเลยเลือกมาทางด้านศิลปะมากกว่า”

That's Life

    “สมัยนั้นเด็กเพาะช่างอยากทำเอเจนซี่ อยากทำโฆษณา อยากมีชื่อในด้านอวอร์ดต่าง ๆ ผมเองก็อยากเป็นช่างภาพสายโฆษณา เพราะฉะนั้นเลยเลือกไปฝึกงานในส่วนของสตูดิโอโฆษณาครับ เดชะบุญ เจอวิกฤตต้มยำกุ้งเข้าไป สตูดิโอที่เราเคยฝึกงาน เคยคุยกันไว้ว่าจะรับก็มีอันต้องจบลง

   “ทีนี้มีเพื่อนที่เคยไปฝึกงานกับ TVPool ก็มาบอกว่าเขากำลังรับคนอยู่ ผมอยากลุยต่อเลยเข้าไปสมัครและได้ทำงานอยู่ประมาณเกือบ ๆ 2 ปี ครับ

   “ตอนทำงานที่ TVPool ผมมีโอกาสได้ไปสนามแข่งเดือนละครั้ง เจอพี่ ๆ แก๊ง G7 แล้วผมก็ได้ไปโฉบ ๆ ดูแลคอลัมน์เกี่ยวกับรถในนิตยสาร Boss นิดนึง หลังจากนั้นผมก็ไปทำนิตยสาร Car Performance พร้อมกับเรียนภาพยนตร์ควบคู่ไปด้วย”

Turning Point

   “นิตยสาร Car Performance นี่ถือว่าเป็นนิตยสารที่มาแรงในยุคนั้น พอผมเข้าไปปุ๊ป เขาก็ให้หัวข้อผมมาว่าคุณไปเขียนคอลัมน์นะ เล่าเรื่องราวโดยคุณ โดยมุมมองของคุณ ตอนแรกผมเกือบจะไม่ได้ทำแล้ว แต่เอาวะ ถ้าไม่ทำเดี๋ยวเดินไปเจอพี่ ๆ ที่สนามแล้วเขาจะบอกว่าไอนี่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

   “ผมรู้ตัวว่าเราถ่ายรูปดี ผมก็เลยเลือกทำคอลัมน์ที่เกี่ยวกับรถในมหาวิทยาลัย เลือกหัวข้อไปสัมภาษณ์ว่ารถแต่ละประเภทโดดเด่นยังไง สัมภาษณ์นักศึกษาผู้หญิงน่ารัก ๆ ว่าเขาชอบรถแบบไหน เราดูแล้วว่ามันเล่าเรื่องรถได้ โชว์ออฟได้ มีจุดดึงดูด เราส่งคอลัมน์ไปให้เขา เขาก็รับเราเข้าทำงาน นี่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนจุดแรกเลยครับที่ทำให้ผมเข้าสู่วงการรถซิ่งอย่างเต็มตัว จากนั้นเข้าไปทำ บ.กรังด์ปรีซ์ ฯ เป็นหัวหน้าช่างภาพนิตยสาร XO Autosport ที่นี่จะอบอุ่น เพราะมี พี่ น้อง เพื่อน เพาะช่างอยู่เยอะ ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ตลอด 7 ปี และเป็นจุดเริ่มต้นผลักดันการกำเนิด MO-emag”

MO-eMAG

   “MO-eMAG เริ่มต้นมาจากความไฟแรงครับ ตอนนั้นผมอายุประมาณ 27-28 ออกจากที่เดิมมาพร้อมกำลังใจเต็มเปี่ยมด้วยความรู้สึกว่าอยากจะทำ ช่วงเริ่มแรกผมทำทุกอย่างเลย แบกทั้งไฟ ทั้งกล้อง ไปถ่ายรถเหมือนถ่ายแฟชั่น เพราะเราอยากสร้างงาน

   “ที่บอกว่ากำลังใจเต็มเปี่ยม คือผมมีเพื่อนที่ออกมาทำด้วยกัน ลุยด้วยกัน เรามีเท่าไหร่ใส่เต็มกันหมด โดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องธุรกิจ ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องรายได้ว่าพอเลี้ยงชีพได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นเลยมีอันต้องแยกย้ายกันไป

   “ณ จุดนั้นผมผ่านมาได้ด้วยการพัก MO-eMAG เอาไว้ก่อน เพราะมีนิตยสาร Option Thailand จากญี่ปุ่นเข้ามาในไทย มันคือนิตยสารรถซิ่งที่เราใฝ่ฝัน เคยอ่าน เคยแปล ผมทำอยู่ที่ Option Thailand ด้วยความคิดว่าจะทำงานที่นี่แค่ 3 เดือน สรุปทำอยู่ 7 ปี อยู่จนเป็น บก. พอถึงเวลาที่มันสุกงอมเต็มที่แล้ว ผมก็กลับมาทำ MO-eMAG ต่อครับ

   “ประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดจากการทำงานที่ผ่านมา สิ่งที่พบเจอ จรรยาบรรณเรื่องสื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างกว่าครึ่งชีวิตถูกนำมาใส่ใน MO-eMAG เต็มที่เลยครับ

   “MO-eMAG คือ MOtorsport E-Magazine ความหมายของคำว่า MO-eMAG สามารถแบ่งออกได้เป็นสองช่วง ช่วงแรกในวันที่เราเป็นเด็ก มันชัดเจนเลยว่า MO มาจาก Modify มาสายรถซิ่งโดยตรง แต่พอเวลาผ่านไป เราโตขึ้น มันจะต้องเปิดรับอย่างอื่นด้วย คำว่า MO เลยเปลี่ยนมาเป็น Motorsport แทนครับ”

Family Support

   “ตอนผมเลือกเรียนศิลปะ แน่นอนต้องโดนคำถามว่าจบแล้วทำอะไรกินใช่ไหมครับ ?  แต่ครอบครัวผมเขาค่อนข้างเชื่อใจ เข้าใจเรื่องชีวิต แม่บอกกับผมว่าเป็นอะไรชอบแบบไหนก็ได้ ไปให้มันสุดทาง ทำให้มันดี ขออย่างเดียวคืออย่าไปติดคุก ติดยา เป็นคนเลว และค้ำประกันใคร

   “หลายครอบครัวอาจมองว่าการมีเงินเยอะ ๆ เราถึงจะมีความสุข แต่ที่บ้านผมเขามองว่าให้ลูกฉันมีความสุขก็พอแล้ว เพราะท้ายที่สุดเราต้องทำงาน

   “ผมขอขอบคุณ คุณพ่อ คุณแม่ ที่สร้างสรรค์ผมขึ้นมาโดยเฉพาะคุณแม่ ผมอยู่กับคุณแม่มานาน เขาภูมิใจตั้งแต่ตอนที่ผมสอบเข้าเพาะช่างได้แล้วครับ เขาเริ่มสบายใจว่าลูกฉันไปในทิศทางที่เขาต้องการได้แล้วนะ ผมรู้สึกดีที่แสดงให้เขาได้เห็นพัฒนาการของเรามาโดยตลอด สิ่งที่เราทำมันไปถึงระดับประเทศ ถึงต่างประเทศ เรามีเพื่อน มีทุกอย่าง แล้วผมก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยครับ”

แรงผลักดันชีวิตพิชิตฝัน

   “ทุกครั้งที่เผชิญปัญหา ผมเปรียบเหมือนการแข่งรถ วันนี้แพ้ ทำผลงานแย่ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้คุณกลับมาชนะใหม่ก็ได้เตรียมตัวให้พร้อม พยายามกันใหม่ แรงยังมีก็ลุยต่อไป เราแพ้ได้ครับ แต่ไม่ได้แพ้ตลอด เหมือนตอนสอบเข้าเพาะช่าง ปีแรกผมสอบไม่ติด โอเค เสียใจ แต่เอาวะลุยต่อ เดี๋ยวมันก็แก้ไขได้

   “ผมทำสื่อ แน่นอนว่ามันมีเรื่องของ Disruption เข้ามา บอกตรง ๆ คนทำสื่อแบบพวกเราก็ไม่ได้รวย แต่ถ้าไม่มีคนทำตรงนี้มันก็จะไม่มีการขับเคลื่อน เวลาที่ผมจัดงาน เราจะไม่เน้นอู่ใหญ่ เราเน้นที่ฐานของพีระมิดครับ ทำไมล่ะ? อู่เล็ก ๆ ไม่มีที่ให้ยืนหรอ พวกเขาไม่มีสิทธิ์แสดงฝีมือหรอ พอเราได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา ได้เห็นงานที่เข้ามาที่อู่ ได้เห็นทุกคนเติบโต โอเคมันมีเรื่องของค่าใช้จ่าย กลไกทางธุรกิจ แต่เราก็ขับเคลื่อนมันอย่างเต็มที่ นี่คือความสุขของผมครับ”

   “ผมเชื่อมั่นว่าการทำงานด้วยความตั้งใจที่ดี มันก็จะส่งผลดีกลับคืนมา มันเหมือนการจุดไม้ขีดไฟ จุดไปเรื่อย ๆ บางทีก็เจอลมแรงจนไฟดับลง บางทีก็เจอเชื้อไฟที่ทำให้มันลุกโชน แล้วมันก็อยู่ที่กลวิธีด้วยครับว่าเราเลือกจุดแบบไหน ซึ่งถ้าระหว่างทางคุณเดินไปโดยไม่จุดไม้ขีดไฟ คุณจะไม่พบกับอะไรเลย ไม่มีโอกาสให้คุณได้ไขว้คว้า

   “ขอฝาก MO-eMAG ด้วยนะครับ เรามีทีมงานที่ตั้งใจทำงานกันจริง ๆ เรามีผลงานที่เกิดขึ้นบนพื้นสร้างของการสร้างสรรค์ วงการรถยนต์มันมีแง่มุมที่หลากหลาย มีศิลปะ มีงานฝีมือ มีเทคโนโลยี เราพยายามกลั่นกรองนำเสนอมันออกมาให้ดูง่าย เข้าใจง่าย สามารถสนุกกับมันได้ เราปรับปรุงกันอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นฝากถึงคนทำสื่อ ทำมันให้อยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง นำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ เสียเวลากับมัน ใส่ใจมัน แล้วผู้ชมผู้อ่านจะฟีดแบคกลับมาเอง อย่าไปซีเรียสเรื่องยอดแชร์ ยอดวิว ยอดไลค์ เพราะทุกคนมีก้าวแรกและก้าวต่อ ๆ ไปเสมอ ถ้างานมีคุณภาพ ยังไงคุณก็ได้การยอมรับครับ และขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่านที่ช่วยผลักดันด้วยครับ”

 

Don’t Spot Can’t Spot เมื่อไม่มีพรสวรรค์ จงใช้พรแสวง "โอ๋ สุวัฒน์ ทับพันธ์"