Motor expert โลกแห่งการเปลี่ยนแปลง "ปนิษฐ์ ศุภธาดารัตน์"

Motor expert โลกแห่งการเปลี่ยนแปลง "ปนิษฐ์ ศุภธาดารัตน์"

   ในวงการรถยนต์ของประเทศไทยคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักคุณแถม TKF หรือคุณ ปนิษฐ์ ศุภธาดารัตน์ กูรูผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถยนต์ผู้ที่มีชื่อเสียงมาจากการเปิด TKF Racing รับแต่งรถระดับ Supercar โดยชำนาญด้านการ Modify นอกจากนี้เขายังเป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามนิสสัน ที.เค.เอฟ. จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Nissan ของประเทศไทยอีกด้วย

   เรื่องราวของคุณแถมมีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะเขาเป็นคนที่อยู่ในวงการยานยนต์แต่งประลองความเร็ว มาตั้งแต่ในยุคต้น ๆ ของเครื่องยนต์สันดาปในประเทศไทย จนกลายเป็นตัวจริงเรื่องรถต่อเนื่องมาหลายสิบปี โดยจุดเริ่มต้นในชีวิตของคุณแถมมาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจสิ่งทอ ที่มีชื่อว่า Thai Knitting Fabric คือทำงานให้กับครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก

   โดยการขับรถยนต์ครั้งแรกของคุณแถม อายุประมาณ 14 ปี ซึ่งเป็นรถยนต์ของพี่สาว เป็นการฝึกฝีมือถอยเข้าออกนำรถยนต์มาล้าง จากจุดนี้เองงทำให้รู้สึกชื่นชอบรถยนต์ขึ้นมา คุณแถมเล่าว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนการ Modify รถเป็นเรื่องยากเพราะอะไหล่ไม่ค่อยต้องแสวงหาตามเฉียงกง โดยวัยรุ่นนิยมมารวมตัวประลองความเร็วที่ผับ The Palace วิภาวดี ซึ่ง Modify ไม่นิยมแต่งบอดี้แต่จะเปลี่ยนเครื่องยนต์แทน โดยสมัยนั้นคุณแถมขับ Nissan Sunny Coupe วางE15 เทอร์โบ ซึ่งถือว่าเป็นรถที่แรงพอตัวในยุคนั้น

   คุณแถมยอมรับช่วงรุ่นตัวเองมีความเกเรพอสมควร ทำให้ต้องทำงานตั้งแต่วัยรุ่นใช้ชีวิตร่วมกับผู้ใหญ่มาโดยตลอด ทำให้เวลาในช่วงชีวิตหนึ่งขาดหายไป แต่เมื่อหาสิ่งที่ใช่ในชีวิตเจอก็จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือรถยนต์ การได้เข้ามาสู่ครอบครัวนิสสัน คุณแถมเชื่อว่าเหมือนถูกกำหนดมาเนื่องจากรถคันแรกที่ใช้ซึ่งเป็นรถของที่บ้านก็เป็นยี่ห้อนิสสัน และเมื่อแต่งานมีครอบครัว การซื้อรถค้นแรกทุกคนคาดหวังว่าคุณแถมจะซื้อรถยุโรปสี่ประตูมาใช้งานเพื่อพาลูกและภรรยาไปเที่ยว แต่ก็มีเหตุดลใจที่ทำคุณแถมให้ต้องซื้อรถยนต์ Nissan 350Z 2 ประตู เข้ามาในบ้าน แม้จะสร้างความผิดหวังกับทางครอบครัวบ้างก็ตาม

   เมื่อเวลาผ่านไปจากเดิมที่ธุรกิจครอบครัวทำธุรกิจสิ่งทอ คุณพ่อของคุณแถมนั้นมองเห็นการเติบโตในด้านอื่นจึงบอกให้คุณแถมแตกไลน์มาทำธุรกิจที่ต่างจากเดิม ตรงนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ และเป็นโอกาสที่มาทำธุรกิจรถยนต์เป็นของตัวเอง ในปี 2005 จึงได้จัดตั้งศูนย์ให้บริการและจัดจำหน่าย Nissan TKF ซึ่ง TKF นี้เป็นตัวย่อมาจาก Thai Knitting Fabric ธุรกิจสิ่งทอของครอบครัวนั้นเอง

   “คุณลองสังเกตไหมว่าทำไมโลโก้นิสสันถึงเป็นวงกลม เพราะมันคือสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์ นิสสันเป็นรถแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่นครับ เขามีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน

    “เรามองความสามารถของเราที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายได้ก็คือนิสสัน ก่อนหน้านั้นนิสสันก็คือรถยี่ห้อหนึ่งในท้องตลาด แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันคือความภูมิใจที่ผมปั้นมวยรองมาจนถึงจุดนี้ ถ้าผมทำยี่ห้ออื่นคนจะไม่มองมาที่พวกเรา แต่นิสสันมันคือความท้าทาย แล้วเดินไปไหนจะมีคนมาบอกว่า ขายรถนิสสันนี่มันแน่นะ

   “เมื่อก่อนผมเป็นผู้ซื้อ ในหลายปัจจัยจะมีคนอยู่ 2 ฝั่ง ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย แล้วคน 2 ฝั่งนี้ชอบอะไรเหมือนกัน คือของดีของถูก แต่พอมาอยู่ในฐานะผู้ซื้อและผู้ขาย พวกเขาจะอยู่ตรงข้ามกันทันที คนขายอยากขายในเงื่อนไขที่น้อยที่สุด คนซื้อก็อยากได้เงื่อนไขที่มากที่สุด เมื่อผมเป็นคนซื้อมาก่อน ก็คิดว่าทำไมเราไม่หาจุดตรงกลาง ผมคิดว่าตรงนี้สำคัญกว่า

   “ผมดูส่วนของโชว์รูมสยามนิสสัน TKF และฝั่ง TKF Racing ผมคิดว่า สยามนิสสัน TKF เป็นเรื่องของการทำธุรกิจ มันเป็นสิ่งที่ผมรับเอาความคาดหวังมาจากครอบครัว แต่ในส่วน TKF Racing ผมถือว่ามันเป็นความรัก และสิ่งที่ชอบ เป็นความฝัน สมัยก่อนเราอยากมีที่ทำรถของตัวเองแล้วก็ทำให้มันเกิดขึ้นมา

   “การ Modify รถมีประโยชน์ตรงที่เพื่อให้รถมีสมรรถนะที่ดีขึ้น ถ้าต้องการความเร็วความแรง สิ่งที่ต้องทำคือควบคุมมันให้ได้ รถยนต์มันไม่ใช่เร็วแรงแล้วจบ มันต้องมีอะไรควบคู่ไปด้วย อย่างช่วงล่าง หรืออะไรที่เป็นส่วนประกอบที่ทำให้ใช้รถได้เต็มสมรรถนะ

   “สำหรับคนที่อยากเข้ามาทำรถต้องถามว่ามาเพื่ออะไร บางคนอยากให้ผมรถให้มันแรงมาก ๆ แบบนี้ผมอยากให้ไปขับรถแข่งในสนาม แต่เมื่อคุณขับรถอยู่บนถนน โดยการเพิ่มสมรรถนะ รถที่แข่งในสนามกับวิ่งอยู่บนถนนมันต่างกันโดยสิ้นเชิง อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการใช้งานผมจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด รถที่แรงที่สุดไม่จำเป็นต้องเป็นรถที่เร็วที่สุด ต้องอยู่ในลิมิตที่ควรจะเป็น เหมาะสมกับการใช้งานผมจะคำนึงถึงจุดนี้มากกว่า

   “ผมมักเจอลูกค้าวัยรุ่น แต่บางคนผมไม่ทำรถให้ แค่ขับธรรมดาเขาก็จะตายอยู่แล้ว เพราะขาดความระมัดระวัง คือเงินอยากได้นะแต่ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ถ้าได้เงินมาแล้วแลกกับความศูนย์เสียของครอบครัวเขา แล้วต้องถูกเกลียด แบบนี้ผมก็ไม่เอา

    “ปัจจุบันนี้โลกมันเปลี่ยนไป ทุกคนเห็นแล้วว่าเครื่องยนต์ไฟฟ้าคืออนาคตที่กำลังจะมา วันนี้เราลองมองรถเครื่องยนต์สันดาปกับรถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า มันไม่สามารถใช้องค์ความรู้ตั้งแต่อดีตมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้อีกแล้ว คือต้องเริ่มนับ 1 ใหม่ ผมว่าเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ บางคนอาจจะเสียดายในสิ่งที่เราทำมาเมื่อก่อน แต่ถ้าเราไปข้างหน้ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันกำลังลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ อยู่ที่ว่าใครจะหันกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้เร็วกว่ากัน

   “เมื่อก่อนผมคิดว่ารถยนต์เครื่องสันดาปจะจบลงภายใน 5 ปี แต่ผมว่าตอนนี้เหลือ 3 ปีน่าจะเริ่มเห็นผล อย่างแรกเลยคือ ผมทำรถยนต์ไฟฟ้ามาประมาณ 1 ปี ผมลองย้อนกลับไปองค์ประกอบที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังมีข้อจำกัด เช่นสถานีชาร์จไฟฟ้า แต่วันนี้มีการสนับสนุนเยอะมากเพียงแค่ระยะเวลา 1 ปี อย่างที่ 2 เรื่องของราคาน้ำมันจึงปฏิเสธรถยนต์ไฟฟ้าไม่ได้เลย แล้ววันนี้ไม่มีข้อกังขาแล้วว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีสมรรถนะสู้เครื่องยนต์สันดาปไม่ได้ สมรรถนะดีกว่าด้วยซ้ำเพียงแต่องค์ประกอบที่มาสนับสนุนมันน้อยกว่ารถยนต์น้ำมัน

   “ในกลุ่มของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีสตาร์ทอัพใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาเยอะมาก ผมยกตัวอย่างเทสลา เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วเขาก็คือ Start Up แต่วันนี้เขามาไกลมาก ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยวันนี้ Mercedes - Benz ประกาศยุติการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปถาวร เพราะเขารู้ว่ายังไงเครื่องยนต์สันดาป มันไม่สามารถจะพัฒนาได้ไกลไปกว่ามอเตอร์ไฟฟ้า อย่าลืมนะครับเครื่องยนต์สันดาปเราพัฒนามาเกินกว่าร้อยปีนะ แต่มอเตอร์ไฟฟ้าในจริง ๆ เราพัฒนามาในอย่างมากก็ไม่เกิน 20 ปี นอกจากเอาชนะเขาไม่ได้ยังแพ้เขาอีก เรามาถึงยุคที่เรียกว่าสูงสุดของเครื่องยนต์สันดาปแล้ว”

   นี่คือชีวิตและประสบการณ์ของผู้ที่คร่ำหวอดในวงการยานยนต์มาอย่างยาวนาน ซึ่งคุณแถมได้แสดงให้เห็นถึงทัศนะและทิศทางของโลกที่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ในอนาคตการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นย่อมเกิดขึ้นแน่นอน

 

Motor expert โลกแห่งการเปลี่ยนแปลง "ปนิษฐ์ ศุภธาดารัตน์"