ปั่นและมันส์ที่สุดในชีวิตของ “นิโคลัส เคจ” ใน “The Unbearable Weight of Massive Talent”

ปั่นและมันส์ที่สุดในชีวิตของ “นิโคลัส เคจ” ใน “The Unbearable Weight of Massive Talent”

 

เตรียมเดือดทะลุองศาร้อน ด้วยดีกรีความบ้าของซุปตาร์แถวหน้าของโลก “นิโคลัส เคจ” ที่ขอคืนจอรับบทเป็นตัวเอง หลังจากที่เคยฝากผลงานผ่านคาแรกเตอร์ต่างๆมาแล้วมากมาย ในปีนี้คอหนังทั่วโลกเตรียมระเบิดเสียงฮา พร้อมเปิดประสบการณ์รับความบันเทิงแบบเต็มขั้นเมื่อนิคเคจครั้งไหนก็ไม่สุดเท่า“นิคฟักกลิ้งเคจ”ในหนังแอ็กชันสุดแหวกแห่งปี “The Unbearable Weight of Massive Talent ข้านี่แหละนิค ‘ฟักกลิ้ง’ เคจ”

ความป่วนระดับโลกเกิดขึ้นเมื่อ “นิโคลัส เคจ” ดาราฮอลลีวูดตัวพ่อ ตกลงปลงใจมารับบทเป็นตัวเองในเวอร์ชั่น “นิค เคจ” นักแสดงขาลง ที่กำลังตกอับขั้นสุด ไม่มีงานจ้าง ไม่มีเงินจ่ายหนี้สิน จนกระทั่งเมื่อ ผู้จัดการส่วนตัว (นีล แพทริค แฮร์ริส) เสนอให้รับงานเอนฯในปาร์ตี้วันเกิดของ ฮาวี่ (เพโดร ปาสคาล)  แฟนคลับยง ด้วยค่าจ้างถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ!!! เขาจึงจำใจต้องรับงานนี้เพื่อปลดหนี้ทั้งหมด แต่เหตุการณ์กลับวายป่วง เมื่อแฟนคลับมหาเศรษฐีชาวเม็กซิกันคนนี้ กลับเป็นบุคคลอันตรายที่ CIA หมายหัว จากงานเอนเตอร์เทนสุดหรูกลายเป็นภารกิจสายลับจับแฟนคลับมาเฟียซึ่งเคจได้พูดถึงบทบาทครั้งใหม่ในครั้งนี้ว่า

Q : คุณรู้สึกยังไงบ้างครั้งแรกที่ได้ยินไอเดียหนังเรื่องนี้?

นิโคลัส เคจ : ในตอนแรกผมไม่อยากมีส่วนร่วมใดๆ ทั้งสิ้น แต่พอผมได้อ่านจดหมายของ ทอม กอร์มิแคน (ผู้กำกับ) ผมคิดว่า โอเค เขาไม่ได้แค่อยากล้อความเป็น นิค เคจ เขาสนใจผลงานในยุคนั้นของผมจริง ๆ เขาอยากนำฉากในความทรงจำที่ผมเคยฝากไว้กลับมากอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นฉากใต้สระน้ำใน Leaving Las Vegas หรือตอนที่ผมใช้ปืนทองใน Face/Off

ผมให้ทอมเป็นมันสมองของเรื่องนี้เพราะเขาเต็มไปด้วยไอเดีย เป็นคนฉลาดมากแน่นอนว่าเขาใช้สมองทำงานได้เฉียบสุด ๆ และเขามีความคิดดี ๆ เกี่ยวกับผมบางอันมันฮามากและงานของผมในฐานะนักแสดงคือถ่ายทอดจินตนาการของผู้กำกับออกมาแต่ส่วนใหญ่แล้วมันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของผมผมเหมือนเล่นเป็นตัวละครที่ชื่อ นิค เคจ ในหนังคือตัวละครสมมุติ เขาเป็นดาราดังที่กำลังตกอับ พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองกลับมาเป็นดาราแนวหน้าอีกครั้ง แต่ปัญหาใหญ่ที่เขาต้องรับมือเป็นอย่างแรกคือความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและภรรยาเก่า โอลิเวีย (ชารอน ฮอร์แกน) รวมถึงลูกสาว แอ็ดดี้ (ลิลี่ ชีน) กำลังแตกสลายโดยที่เขาไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ นิค เคจ ในหนังมาจากจินตนาการของทอม เขาคลั่ง เพี้ยน เดือดจัด ต่างกับตัวผมในทุกวันนี้เลย แต่ทอมบอกว่านั่นคือ นิค เคจ เวอร์ชันที่จะมอบความบันเทิงให้แฟน ๆ ได้ดีที่สุด

จุดที่ผมชอบมากแต่เสียดายที่มันอาจโดนตัดออกไปแล้ว คือซีเควนซ์ที่ตัวละคร นิค เคจ รำลึกบทต่าง ๆ ที่ผ่านมาของเขาผ่านสไตล์การเล่าเรื่องแบบ German expressionism เป็นขาวดำ เหมือนหนังอย่าง The Cabinet of Doctor Caligari คุณจะได้เห็นฉากซิ่งรถมัสแตงจาก Gone in 60 Secondsได้เห็นตัวละครของผมจากเรื่อง Leaving Las Vegas ในห้องโรงแรม

ผมชอบตัวละคร นิคกี้ มาก ๆ นิคกี้คือตัวผมตอนหนุ่ม ๆ ตอนแรกเราคืดว่าจะให้เขาลุคเหมือน คาเมรอน โป ใน Con Air แต่นั่นไม่ใช่ผมเลย ลองเทียบกับตอนที่ผมไปออกรายกายทอล์กโชว์ The Wogan Show ที่อังกฤษตอนโปรโมตเรื่อง Wild at Heart นั่นใช่ผมมากกว่า หมอนั่นมันคลั่ง, ไม่สนโลก, โคตรยโส ตัวผมในเวอร์ชันนั้นแหละที่เหมาะกับเป็นคู่ปรับของผมในปัจจุบันที่สุด

Q : ใครก็ตามที่ดูหนังเรื่องนี้คงสงสัยว่าตัวคุณในหนังกับตัวตนของคุณในชีวิตจริงแตกต่างกันยังไง?

นิโคลัส เคจ : ต่างกันสิ้นเชิง ผมไม่มีทางทิ้งครอบครัวไปพบใครก็ไม่รู้เพื่อเงินหรอก สำหรับผมครอบครัวคืออันดับหนึ่ง ที่ผ่านมาผมยอมทิ้งบทที่จะสร้างชื่อให้พบมากมายก็เพราะครอบครัว ตอนที่ผมจัดการเรื่องหย่า (เมื่อปี 2001 กับ แพทริเซีย อาร์เควตต์)  ผมไม่อยากทิ้งลูกชายไปถ่าย The Lord of the Rings ที่นิวซีแลนด์ตั้งสามปี หรือตอนที่ผมปฏิเสธบทนำใน The Matrix ผมเลือกที่จะอยู่กับลูกชายที่ LA เหมือนเดิมไม่มีผมเวอร์ชันไหนในจักรวาลไหนที่ นิโคลัส เคจ ไม่ใช้เวลากับลูกๆแต่เพราะหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับนักแสดงที่เห็นอาชีพตัวเองสำคัญอันดับหนึ่งและพยายามกู้ชื่อของเขาคืนมาเขาไม่ได้ใช้เวลากับลูกสาวเหมือนที่เขาควรจะทำซึ่งผู้กำกับบอกว่า ตัวละครมีพัฒนาการ ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อจะเป็นคนที่ดีขึ้น จนถึงจุดที่สามารถเลือกที่จะใช้เวลากับลูกสาวรับบทโดย ลิลี่ ชีน แทนที่จะโหยหาชื่อเสียง เอาแต่เล่นหนังนั่นคือข้อแตกต่างสำคัญระหว่างผมตัวจริงและผมในหนัง

แต่ทอมบอกว่า นี่มันเป็นหนัง เราพยามจะเล่าเรื่องของตัวละครที่มีการเติบโตทางความคิดซึ่งผมเข้าใจนะ แต่คงต้องบอกก่อนว่าตัวผมในชีวิตจริงกับในหนังมันต่างกันมาก ผมยังบอกกับทอมด้วยว่า ผมไม่ได้ใช้คำหยาบเยอะขนาดนั้นในหนังเขาเขียนใหัผมแจกฟักเป็นว่าเล่น เขาบอกผมว่า นิค เคจ ที่เสียสติคือ นิค เคจ ที่มันส์ที่สุด ชีวิตประจำวันของผมก็แค่อ่านหนังสือ เล่นกับแมว แต่ถ้านั่นมาทำเป็นหนังคงน่าเบื่อจนไม่มีใครอยากดู

Q : กลายเป็นว่านักแสดงที่มารับบท ฮาวี่ อย่าง เพโดร ปาสคาล ก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ นิค เคจ

นิโคลัส เคจ : ทอมกับผมนัดทานมื้อกลางวันกับเพโดร เหตุผลที่ทำให้เราเลือกเขา เพราะนอกจากที่เขาจะเป็นนักแสดงขั้นเทพแล้ว เขาก็ยังชื่นชอบผลงานของนิคมาก เขาลงล็อกทุกอย่าง

Q : ซีนที่คุณอยากพูดถึงในมุมของความตลกสำหรับคุณ

นิโคลัส เคจ : อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคือ ทอม มอบอารมณ์ขันให้หนังเยอะมากเขาเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์เขานำทางให้ผมไปในจุดที่ผมไม่คิดว่ามันจะตลกแต่กลายเป็นว่ามันออกมาฮาสุดๆหนึ่งในนั้นคือซีนที่ผมเล่นเปียโนในงานวันเกิดนั่นคือซีนที่จำกัดความการเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนแต่ทำไมมันออกมาฮาขนาดนั้นก็ไม่รู้ผมฟังสิ่งที่เขาพูดผมคิดว่าเราร่วมสร้างสรรค์กันได้เข้าขาผมพอใจกับผลที่ออกมามากสิ่งที่เรามีเหมือนกันเหรอสองสิ่งแรกที่นึกออกเลยคือความรักในภาพยนตร์ซึ่งมันมีหลายซีนในหนังที่ฮาวี่ ตัวละครของเพโดรกับตัวละครของผมคุยกันเรื่องหนังมันเหมือนมีอะไรสปาร์กขึ้นจริงๆ ในซีนหรือในบทพูดนั้นมันสมจริงมาก ๆ

Q : นิค เคจ ในหนังมาถึงจุดตกอับของอาชีพ แล้วตัวคุณเองล่ะ รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันไหม แม้ว่าจะมีงานที่ประสบความสำเร็จมาแล้วนับไม่ถ้วนในอดีต คุณรู้สึกว่าต้องการกลับไปอยู่จุดนั้นอีกครั้งหรือไม่?

นิโคลัส เคจ : ที่น่าขำคือตอนที่ Pig ออกฉาย มันไม่ได้โดนใจแค่แฟนหนังอินดี้ แต่โดนแฟนวงกว้างด้วย ผมโทรบอกทอมว่า เราคงต้องแก้บทกันใหม่แล้วผมเริ่มศึกษาปรัชญา เลิกไปงานแจกรางวัลเพื่อนำเสนอตัวเอง ผมตัดสินใจทำงานเพื่อเติมเต็มมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีหนังอย่าง Sorcerers Apprentice, Ghost Rider หรือ Drive ที่แป้กสามเรื่องติด ทั้งสองอย่างมันเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน

แต่ผมจำได้ว่าเสียงโทรศัพท์ผมดังตลอดนะ ผมแค่กลับไปยังรากเดิมของผมซึ่งคือหนังนอกกระแส ถ้าคุณย้อนกลับไปดูตลอดเส้นทางนักแสดง 43 ปี หนังของผมทำรายได้รวมเกือบหกพันล้านเหรียญ หนังแป๊กแค่สามเรื่องไม่ได้ทำให้ชื่อคุณหายไปจากวงการหรอก

Q : คุณเคยบอกว่าคุณชอบทำงาน คำถามของเราคือคุณไม่ชอบอยู่ว่างๆ เหรอ?

นิโคลัส เคจ : เป็นคำถามที่ดีนะ ตอนที่ผมโดนฟ้องล้มละลาย ผมตัดสินใจใช้การทำงานหาเงินมาแก้ปัญหา แต่ผมก็รับแต่งานที่ผมรู้สึกว่าผมสามารถมอบบางสิ่งให้ได้นะ ผมปัดผจก.ไปหลายงาน แต่ผมว่าการทำงานอย่างต่อเนื่องทำให้ผมเป็นนักแสดงที่เก่งขึ้น

ผมมีชุดความคิดที่ว่า ผมไม่ได้มีอาชีพ ผมมีแค่งานที่ผมคิดแบบนั้นคือผมเป็นคนที่ดีกว่าเวลาทำงาน เพราะผมไม่อยากเป็นคนที่นั่งจิบไหมไทอยู่ริมสระไปวันๆ  มันกระตุ้นให้ผมดูแลตัวเอง ตื่นขึ้นมาวิ่ง, ยกเวท, ดูข่าว ชีวิตผมดีเสมอเวลามีถ่ายงาน

Q : ถ้าคุณไม่ได้รับบทเป็นตัวคุณเอง คุณอยากให้ใครมารับบทนี้

นิโคลัส เคจ : ผมว่า จีน ไวล์เดอร์ จะแสดงฝีมือสุดยอดในหนังเรื่องนี้  ผมยอมจ่ายเงินไปดูเลยล่ะ อันที่จริงตอนแรกไม่แน่ใจนักว่าอยากรับบทเป็นตัวละครที่เป็นชื่อผมเอง ผมไม่อยากเล่นอะไรที่เหมือนโชว์ตลกของ Saturday Night Live แต่พอผมได้อ่านจดหมายของผู้กำกับ ทอม กอร์มิแคนผมตระหนักได้ทันทีว่าเขาเป็นคนรักหนัง เขาคลั่งไคล้งานของผมจริง ๆ

เตรียมพบกับภารกิจสุดป่วนและผลงานสุดปั่นเรื่องล่าสุดของ “นิค เคจ” ในผลงานแอ็กชันมันส์ฮา “The Unbearable Weight of Massive Talent ข้านี่แหละนิค ‘ฟักกลิ้ง’ เคจ” 19 พฤษภาคม นี้ ในโรงภาพยนตร์

 

ปั่นและมันส์ที่สุดในชีวิตของ “นิโคลัส เคจ” ปิดตำนานตกอับสู่บทสายลับจำเป็นหนังแอ็กชัน-คอมเมอดี้สุดพีก “The Unbearable Weight of Massive Talent ข้านี่แหละนิค ‘ฟักกลิ้ง’ เคจ”